นิตยสาร “พลังเกษตร” ขอแสดงความยินดีและมีความพร้อมทางด้านการนำเสนอเนื้อหาและข่าวสารโกโก้ที่ส่งเสริมให้ก้าวเดินไปข้างหน้าและทิศทางที่ดีขึ้นทุกๆ มิติ “โกโก้” ถือว่าเป็นพืชอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่นอีกชนิดหนึ่ง เป็นไม้ผลที่นำเมล็ดมาป้อนเข้าโรงงานอุสาหกรรมทำการแปรรูปเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้ดังที่ต้องการ ปลูกโกโก้
ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่นิยมชมชอบและติดใจในรสชาติ “ช็อกโกแลต” ที่มีรสชาติที่แตกต่าง จากยอดการจัดจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลทำให้ความต้องการเมล็ด “โกโก้” เพิ่มมากยิ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว
การส่งเสริมและสนับสนุนโครงการปลูกโกโก้
“พลังเกษตร” ได้เกาะติดความเคลื่อนไหวของ “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนโครงการปลูก “โกโก้” อย่างมีเป้าหมาย และสร้างสรรค์ผลงานให้ผลผลิตออกมาดี มีคุณภาพ ซึ่งเป็นไปตามวาทะกรรมที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ที่ทางบริษัทฯ ได้กำหนดเอาไว้ดังนี้ คือ
-เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรแบบยั่งยืน
-เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่ธรรมชาติ ลดปัญหาโลกร้อน และอุทกภัย
-เพื่อลดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ หรือการทำไร่เลื่อนลอย
-ให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้หันมาสนใจในการทำการเกษตรมากขึ้น
ด้วยการขับเคลื่อนเพื่อตอบสนองกระแสความต้องการของเกษตรกรนั้น ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้กระจายกันอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะภาคอีสาน และภาคตะวันออก ที่ถือเป็นแหล่งเพาะปลูกของ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด ที่ได้เข้าไปแนะนำส่งเสริมเป็นจำนวนมาก จากกระแสความโด่งดังจนฉุดไม่อยู่
จากข้อมูลข่าวสารได้ไปเข้าหู “คุณเอกธนัช” และ “คุณจิรฐา มีชัย” สองสามีภรรยาเจ้าของร้าน “บ้านกาแฟการเกษตร” ต้องถือว่าเป็นคู่ขวัญที่มีความชำนาญทางด้านการทำธุรกิจการค้า “กาแฟเพื่อสุขภาพ” และปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ ตรา “เต่าทอง” ให้กับนักธุรกิจประเทศกัมพูชามา 2 ปี ประกอบกับทั้ง 2 ท่านได้รู้จักมักคุ้นในฐานะผู้ร่วมการค้าที่ดีต่อกัน นั่นก็คือ “คุณคอง สาคาน (Mr.Kong Sakhan)” จากการพูดคุยก็ทำให้ทราบว่า เ
ธอคือหญิงแกร่งที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตรแบบครบวงจรให้กับเกษตรกรที่สนใจในประเทศกัมพูชาถึง 15 สาขา จากการที่ได้ปรึกษาหารือของทั้งสามท่านเกี่ยวกับความสนใจนำโกโก้สายพันธุ์จากประเทศไทยมาปลูกที่กัมพูชา จุดประกายแสงความเป็นไปได้ สองสามีภรรยาจึงชี้นำให้รู้จัก บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทฯ ที่มีพันธะกิจและยุทธศาสตร์ทางด้านการส่งเสริมการ ปลูกโกโก้ ที่ไม่มีใครตามทันทางด้านสายพันธุ์ที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังแน่นปึ๊กทางด้านความรู้ ความสามารถ ที่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังเป็นบริษัทฯ ที่มีการทำสัญญาการรับซื้อผลผลิตโกโก้อย่างแท้จริงและเชื่อถือได้
และนั่นก็คือที่มาของการจุดประกายความร่วมมือการทำธุรกิจร่วมกันของทั้งสองบริษัท นั่นก็คือ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด เจ้าของลิขสิทธ์สายพันธุ์แท้ 100 % “ลูกผสมโกโก้ไทย 1” โดยมีความโดดเด่นทางด้านพันธุกรรมก็คือ ติดลูกง่าย ให้ลูกดก และมีอายุการเก็บเกี่ยวยืนยาวถึง 60 ปี
ส่วนบริษัทคู่สัญญาก็คือ บริษัท เดอะพาวเวอร์ไรท์ ดีวีล็อปเมนท์ จำกัด (The power rich (Cambodia) development co.,ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจทางด้านการค้าผลิตภัณฑ์และส่งเสริมเกษตรกรจนได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลกัมพูชา และเกษตรกรของประเทศกัมพูชาอย่างมากมาย
การลงนามข้อตกลงร่วมกันทำ MOA
จากความเป็นไปได้ทางด้านการทำธุรกิจร่วมกันในครั้งนี้ “ดร.รุ่งโรจน์ วรามิตร” หรือ “ดร.โต” ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่เกษตรกรผู้ ปลูกโกโก้ คุ้นเคยกันดีทางด้านความเป็นกันเอง พร้อมทั้งให้คำแนะนำความรู้ทุกแง่มุมโดยไม่มีปิดบัง พูดถึงลู่ทางความเป็นไปได้ในความร่วมมือกับบริษัทที่เดินทางมาจากประเทศกัมพูชา
ดร.โต ถือเป็นโอกาสที่ดีของสายพันธุ์โกโก้ไทย 1 ที่เราตั้งใจพัฒนาขึ้นมาถึงจุดที่สามารถตอบสนองทางด้านผลผลิตให้กับเกษตรกรได้อย่างแท้จริงและคุ้มค่า ดังนั้นในวันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีในการทำข้อตกลงความร่วมกันทำ Memorandum of Agreement หรือ MOA ขึ้นมาก่อน ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาที่ระบุเป็นหลักเกณฑ์หรือวิธีการให้บุคคลที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตาม หรือดำเนินการในเรื่องใดเรื่องหนึ่งตามที่ตกลงในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ซึ่งกฎหมายให้ความคุ้มครองเนื่องจากข้อตกลงคือสัญญา ดังนั้นหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดประพฤติผิดสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ตามเงื่อนไข
“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ โดยเฉพาะ คุณคอง สาคาน (Mr.Kong Sakhan) ที่เดินทางมาจากประเทศกัมพูชา รวมถึงสมาชิกพี่น้องเกษตรกรทุกท่านที่เดินทางมาจากจังหวัดจันทบุรี จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดสระแก้ว และเกษตรกรที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษที่เดินทางมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนอื่นก็ขออธิบายถึงทางด้านกิจกรรมของเราได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ก็คือ การผลิตต้นพันธุ์ การส่งเสริม และการรับซื้อวัตถุดิบมาเพื่อทำการผลิตโกโก้ ซึ่งขณะนี้โรงงานสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว คิดว่าประมาณต้นปีหน้าก็สามารถรองรับการผลิตได้ถึง 20-50 ตัน/วัน ดังนั้นผลผลิตที่เราเข้าไปส่งเสริมทางภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสระแก้ว จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดนครนายก หรือแม้กระทั่งเกษตรกรที่ปลูกอยู่ในประเทศกัมพูชาที่ผลผลิตจะออกปลายปีหน้า เชื่อว่าโรงงานของเราสามารถรองรับผลผลิตได้อย่างแน่นอน”
ดร.โต กล่าวต้อนรับสมาชิกที่ให้ความสำคัญในการเดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมกับศึกษาองค์ความรู้ที่ดร.โต ได้อธิบายให้ฟัง และรับชมทางพาวเวอร์พ้อยที่เปิดให้ดูอย่างละเอียดและชัดเจน
การเปิดตัวโรงงานแปรรูปที่สระแก้ว ควบคู่ไปกับร้านโกโก้ช็อป ค่าติดตั้ง 3 ล้าน
นั่นก็คือภาพความเคลื่อนไหวของ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด หากจะพูดถึงภาพรวมของโกโก้ระดับประเทศทางด้านการผลักดันให้เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่นั้น หลายๆ คนในวงการโกโก้มีความเห็นที่ตรงกันว่าเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรขับเคลื่อนการเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อนำไปยื่นมติในที่ประชุมเสนอคณะรัฐมนตรีในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุให้เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ออกมาให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้“พลังเกษตร” มีโอกาสจึงได้สอบถามไปที่ “สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบทางด้านการออกสำรวจภาพรวมของโกโก้ทั่วประเทศว่า มีจุดเด่น จุดด้อย มากน้อยแค่ไหน จากการสอบถามไปยังท่าน “สุรเดช เตียวตระกูล” รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งท่านได้ให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ว่าปัจจุบันยังอยู่ในช่วงสรุปภาพรวมทั้งหมดก่อนที่จะนำไปยื่นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
อย่างไรก็ดีในสถานการณ์การเมืองที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งต้องรอการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่รับผิดชอบอย่างถูกต้องขึ้นมาเสียก่อน จากนั้นกระทรวงฯ ซึ่งถือว่าเป็นหัวเรือใหญ่ต้องนำเสนอความเห็นชอบให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของท่านต้องนำเสนอขอมติในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าเห็นด้วยหรือไม่ หลังจากผ่านการเห็นชอบก็สามารถนำมาบรรจุเป็นเชิงนโยบายที่สามารถกำหนดขึ้นใหม่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเป็นทางการ จากนั้นผู้คนที่เกี่ยวข้องในวงการสามารถนำไปปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดไว้ต่อไป
นั่นก็คือภาพความเคลื่อนไหวทางด้านดีของวงการโกโก้ไทย ขณะเดียวหากจะโฟกัสไปที่ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรเอกชนที่สร้างความชัดเจนให้กับวงการโกโก้มาโดยตลอด ณ วันนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางเอาไว้ นั่นก็คือ การก่อสร้าง “โรงงานและโกดัง” พร้อมกับเปิด “โกโก้ช้อป” ให้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ในต้นปีหน้า ทั้งนี้เพื่อการรองรับวัตถุดิบโกโก้ที่รับซื้อมาจากเกษตรกรที่ร่วมโครงการ โ
ดยการกำหนดพื้นที่ให้ปลูกจังหวัดละ 5,000 ไร่ ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเป้าหมายดังกล่าวกำลังดำเนินไปตามขั้นตอนโดยที่เกษตรกรเริ่มให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ “คุณพิมพ์พิชชา เกสรรัตน์” ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบทางด้านโรงงานแปรรูปและโกโก้ช็อปได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า นอกจากการส่งเสริมการปลูกให้กับสมาชิกในโครงการโดยมีเป้าหมายผลักดันให้เกษตรกรมีอาชีพที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงแล้ว การสร้างโรงงานรองรับผลผลิตที่รับซื้อจากเกษตรกรคือหัวใจสำคัญยิ่ง
ขณะนี้โรงงานแห่งแรกได้ก่อสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว โดยมีเป้าหมายทางด้านการผลิตที่สามารถรองรับวัตถุดิบให้ได้ถึง 50 ต้น ซึ่งถือว่าเป็นโรงงานผลิตที่รองรับวัตถุดิบเมล็ดโกโก้ได้ในปริมาณที่มากพอสมควร
นอกจากนี้หลังจากที่โรงงานเดินเครื่องอย่างสมบูรณ์แบบเป็นที่เรียบร้อย อีกสิ่งหนึ่งที่ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด ได้วางยุทธศาสตร์เอาไว้ ก็คือ การเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไป หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ได้เป็นเจ้าของเปิดร้าน “โกโก้ช็อป” ที่มีโครงการได้ตั้งไว้จังหวัดละ 1 ช็อป แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับทำเลพื้นที่ด้วยว่าเหมาะสมสำหรับการค้าขายหรือไม่ อย่างไรก็ดีโดยภาพรวมทั้งหมดบริษัทฯจะมีทีมงานผู้ชำนาญการเข้าไปสำรวจในแต่ละพื้นที่ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้ได้ให้บทสรุปการประเมินในแต่ละพื้นที่ว่าสามารถเปิดร้านได้หรือไม่ เพราะสาเหตุอะไร
“ลักษณะร้านช็อปจะออกในเชิงโกโก้ร้อนเปอร์เซ็นต์ การเปิดช็อปก็เพื่อการนำโกโก้ที่ไปส่งเสริมเกษตรกรแล้วนำมาเข้าโรงงานแปรรูป หลังจากนั้นสามารถนำมาปั่นโกโก้ให้เป็นช็อกโกแล็ตจำหน่ายได้เลย นอกจากนั้นก็ทำเป็นโกโก้นีทที่ผลิตออกมาเป็นโทนสีขาว สีเขียว และสีโกโก้ สำหรับรสชาติก็สามารถกำหนดได้ตามความต้องการ ร้านช็อปที่เกิดขึ้นคนทั่วไปสามารถเข้ามาเรียนรู้วิธีการทำได้อย่างเหมาะสม แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมทางด้านการพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้แบรนด์โกโก้ไทยที่ได้มาตรฐาน”
คุณพิมพ์พิชชากล่าวเสริมข้อมูลการเปิดตัวโรงงาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มสตาร์ทเครื่องการผลิตอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้าอย่างแน่นอน จากนั้นแผนยุทธศาสตร์ทางด้านการเปิดร้านโกโก้ช็อปก็จะได้ดำเนินการในลำดับต่อไป
นำร่อง ปลูกโกโก้ 600 ไร่
สำหรับเกษตรกรที่อยู่ในประเทศกัมพูชา อาชีพการเพาะปลูกไม้ผลมีจำนวนมากไม่ต่างจากประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการปลูกมะม่วงหิมพานต์ มะม่วงแก้วขมิ้น ลำไย ทุเรียน ฯลฯ เกี่ยวกับผลผลิตในแต่ละปีดูแล้วก็ไม่แตกต่างไปจากประเทศไทยเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเปรียบเทียบตามค่าเงินในประเทศอาจจะได้น้อยกว่าประเทศไทยไปบ้าง นอกจากนี้ยังเกิดปัญหาทางด้านดีมานด์-ซัพพลายที่ไม่สมดุลกันอยู่ตลอดเวลา หากปีไหนได้ผลผลิตมากราคาก็ตกต่ำ ปีไหนมีผลผลิตน้อยราคาก็สูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกลไกทางด้านการตลาดที่ไม่สามารถควบคุมและแก้ปัญหาได้
จากภาพลักษณ์ดังกล่าว “คุณคอง สาคาน (Mr.Kong Sakhan)” ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท เดอะพาวเวอร์ไรท์ดีวีล็อปเม้นท์ จำกัด ได้กล่าวถึงโกโก้ว่า ถือเป็นพืชที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านลักษณะสายพันธุ์ที่มีความโดดเด่นทางด้านการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นพืชที่มีอายุการให้ผลผลิตที่รวดเร็ว โดยใช้เวลาตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเพียง 18 เดือน เท่านั้น นอกจากนี้การดูแลรักษาโรคและแมลงก็ไม่ยุ่งยากมากมายนัก
หากทำการดูแลและสร้างความสมบูรณ์ลำต้นที่ดี เชื่อว่าโกโก้สามารถให้ผลผลิตและมีน้ำหนักต่อลูกเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ที่สำคัญโกโก้สามารถให้ผลผลิตในระยะเวลายาวนานถึง 60 ปี เลยทีเดียว จากความโดดเด่นทางด้านสายพันธุ์ดังกล่าว ทำให้ “คุณคอง สาคาน (Mr.Kong Sakhan)” ตัดสินใจปลูกโกโก้บนพื้นที่ทั้งหมด 600 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ปลูกที่ไม่น้อยเลย
“โกโก้ไทย” หากสร้างรายได้เดือนละ 4,000 บาท อยู่ได้แบบสบาย
หากจะกล่าวถึงความเป็นอยู่ของประชาชน หรือเกษตรกรชาวกัมพูชา มีรายได้ต่อหัวต่อปียังน้อยกว่าเกษตรกรไทยพอสมควร ดังนั้นหากพูดถึงค่าครองชีพของทั้งสองประเทศแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าทำไมประชากรชาวกัมพูชาถึงได้เดินทางเข้ามาขายแรงงานภายในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก
จากภาพความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวกัมพูชาที่ไม่ค่อยดีนัก “คุณคอง สาคาน (Mr.Kong Sakhan)” ได้เล่าให้ฟังว่า เกษตรกรชาวสวนกัมพูชามีรายได้ไม่ค่อยดี ยกตัวอย่างเช่น เกษตรกรผู้ทำสวนมะม่วง ขายได้กิโลกรัมละ 2 บาท หากนำมาเปรียบเทียบกับต้นทุนการผลิตถือว่าไม่คุ้มกับการลงทุนเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเป็นโกโก้จากการสอบถามผู้รู้จากประเทศไทยก็ทำให้ทราบว่าโกโก้สามารถให้ผลผลิตหลังจากทำการปลูกไปแล้ว 18 เดือน ที่สำคัญเริ่มทยอยเก็บผลผลิตเป็นรุ่นๆ ตลอดทั้งปี ต้องยอมรับกับพืชที่ล่อตาล่อใจให้กับเกษตรกรชาวกัมพูชาได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังได้รับฟังจาก “ร.ต. สมจิตต์ สมดี” ซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทฯ ที่กำกับดูแลคลังโกโก้ประจำจังหวัดสระแก้ว ได้ให้รายละเอียดกับตนว่า หากคุณทำการ ปลูกโกโก้ 100 ต้น/1ไร่ คุณสามารถรับผลตอบแทนจากการขายผลผลิตโกโก้ได้ถึง 4,000 บาท/ไร่/เดือน เลยทีเดียว
“จากตัวเลขดังกล่าวถือว่าเกษตรกรชาวกัมพูชาสามารถเลี้ยงชีพตัวเองและครอบครัวได้แบบสบาย ดังนั้นจึงคิดว่าการร่วมกันกับ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด เพื่อนำเข้าต้นพันธุ์โกโก้ไปปลูกสร้างรายได้ที่มั่นคงน่าจะเป็นสิ่งที่ดี การเดินทางมาได้ปรึกษาหารือกับเกษตรกรภายในกลุ่มที่มีอยู่ทั้งหมดหมื่นกว่าคน ทั้งหมดได้ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่ายอมนำต้นโกโก้ไปปลูกให้เกิดผลในพื้นที่ของเขาอย่างแท้จริง จากการประเมินในพื้นที่ปลูกของเกษตรกรทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 30,000 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ปลุกที่มากมายพอสมควร”
“คุณคอง สาคาน (Mr.Kong Sakhan)” ได้กล่าวถึงตัวเลขพื้นที่ ปลูกโกโก้ ที่มากมายจนทำให้ทุกคนที่นั่งฟังถึงกับร้อง “โอ้โห” ออกมาพร้อมๆ กันอย่างไม่ตั้งใจ กับคำถามต่อเนื่องที่ว่า ลักษณะการรวมตัวกันของเกษตรกรดังกล่าวที่แจ้งความประสงค์ต้องการปลูกต้นโกโก้อย่างแท้จริงนั้น หน่วยงานทางภาครัฐกัมพูชาได้เข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ก็ได้รับคำตอบจาก “คุณคอง สาคาน (Mr.Kong Sakhan)” ว่า ก่อนการเดินทางมาทำ MOA ในวันนี้ ตนได้นำเรื่องเข้าไปรายงานต่อกระทรวงการคลังและกระทรวงพัฒนาการเกษตรอย่างละเอียด ซึ่งในความเห็นของหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ไม่ขัดข้อง และยินดีให้เดินทางมาตกลงทำความร่วมมือในเบื้องต้นในครั้งนี้
จากนั้นในวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบจะเดินทางมาทำ MOU ร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งมีผลตอบสนองความชัดเจนในเชิงการค้ามากยิ่งขึ้นทุกๆ ด้าน ท้ายที่สุด “คุณคอง สาคาน (Mr.Kong Sakhan)” ได้กล่าวขอบคุณทุกๆ ท่านที่ให้คำแนะนำและชี้แนะทางด้านอาชีพการ ปลูกโกโก้ มา ณ ที่นี้ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวกัมพูชาอย่างยั่งยืนและมั่นคงตลอด โดยเฉพาะ “คุณเอกธนัช และคุณจิรฐา มีชัย” สองสามีภรรยา ที่ให้การชี้นำจนได้มารู้จักกับ “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” หลังจากนี้โดยส่วนตัวก็จะนำความรู้เกี่ยวกับโกโก้ไปแนะนำและส่งเสริมให้กับเกษตรกรทั่วประเทศที่มีความสนใจในการ ปลูกโกโก้ อยู่ในขณะนี้
โกโก้ไทย 2017 กับการขับเคลื่อนที่ไม่หยุดนิ่ง
หากจะย้อนไปทางด้านความเคลื่อนไหวการส่งเสริมการ ปลูกโกโก้ ตามโครงการของ “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” ในปัจจุบันถือว่ายังมีการขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเข้าถึงเกษตรกรผู้ปลูกทางเหนือตอนล่าง และอีสานตอนบน ที่เกษตรกรเริ่มหันมาให้ความสนใจ ปลูกโกโก้ เป็นพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยวในพื้นที่แปลงใหญ่เพิ่มมากยิ่งขึ้น
โดยมองว่าเป็นไม้ผลอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลกอีกชนิดหนึ่ง และมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของผู้คนที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ทางด้านการนำมาบริโภค ไม่ว่าจะเป็น “ช็อกโกแลต และขนมหวานต่างๆ เครื่องดื่ม” และยังนำมาแปรรูปเป็น “ยารักษาโรค” ได้อีกด้วย ซึ่งรายละเอียดของโกโก้นั้น “พลังเกษตร” ขอนำมาเสนอตอกย้ำเป็นความรู้และสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรผู้ที่มีความลังเลว่าโกโก้มีความโดดเด่นอย่างไรบ้าง
1.สามารถร่วมกับป่าไม้ หรือภายใต้ร่มเงาไม้ผลเศรษฐกิจอื่นได้ ซึ่งเป็นการใช้ที่ดินอย่างได้ประโยชน์สูงสุด เช่น ปลูกใต้ร่มเงามะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย เงาะ มังคุด ลองกอง ทุเรียน และยางพารา
2.การขนส่งผลสุกทำได้สะดวก ไม่กลัวช้ำของผล สามารถใช้รถกระบะหรือรถบรรทุกขนส่งผลโกโก้สุกไปจำหน่ายได้
3.เริ่มเก็บเกี่ยวผลโกโก้สุกในระยะเวลา 1 ปี 5 เดือน ของการปลูก
4.สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดปี และยาวนานติดต่อกันอย่างน้อย 60 ปี
5.เก็บเกี่ยวง่าย และมีระบบรากแผ่กว้าง และแข็งแรง สามารถยึดเกาะติดหน้าดินได้เป็นอย่างดี
6.ปัจจุบันตลาดในประเทศมีความต้องการเมล็ดโกโก้แห้งสูง (กว่า 50,000 ตัน/ปี) ประเทศไทยยังผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ
ลักษณะเด่นของพันธุ์ลูกผสมโกโก้ไทย 1
1.สามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
2.เจริญเติบโตเร็ว ทนแล้ง ให้ผลผลิตสูง
3.เมล็ดแห้งมีขนาดและคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด
4.เมล็ดมีปริมาณไขมันที่สูงเฉลี่ย 52%
5.ผลอ่อน ช่วงอายุ 2-3 เดือน หลังดอกผสมติดมีสีเขียว
6.ผลแก่เก็บเกี่ยวได้ในระยะเวลา 150 วัน หรือ 5 เดือน
7.เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง
8.ใน 1 ผล ประกอบด้วยเมล็ดตั้งแต่ 40-50 เมล็ด
สภาพพื้นที่ในการ ปลูกโกโก้
- ปลูกโกโก้ เป็นพืชเชิงเดี่ยว สามารถปลูกพืชอื่นที่เจริญเติบโตเร็ว เป็นพืชเสริมสร้างรายได้
- ปลูกโกโก้ เป็นพืชแซมของพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น ทำให้มีการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีรายได้ตลอดปี
- ศัตรูและโรคโกโก้มีไม่มาก เนื่องจากโกโก้มีเปลือกหุ้มที่หนา ส่วนโรคและศัตรูพืชที่ต้องเฝ้าระวัง ประกอบด้วยมวนโกโก้ เพลี้ยอ่อน หนู กระรอก และชะมด
วิธีการ ปลูกโกโก้
1.ปลูกระยะ 4×4 หรือ 5×5 หรือตามสภาพพื้นที่
2.ขุดหลุมขนาด 50x50x50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยอินทรีย์ อินทรียวัตถุ ธาตุอาหารรองเสริม
3.คลุมโคนต้นด้วยเศษฟางแห้ง หรือเศษพืชแห้ง เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้แก่หน้าดิน
4.ในกรณีปลูกเชิงเดี่ยว ในช่วงแรกให้ทำร่มเพื่อบังแสงแดดแก่ต้นกล้า
5.รดน้ำประมาณ 2 ครั้งต่ออาทิตย์
6.ตัดแต่งกิ่งเพื่อการออกผลที่สมบูรณ์
ประมาณการรายได้และการลงทุนต่อไร่ (ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับพื้นที่ปลูก
สำหรับนโยบายของ “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” ได้กำหนดพื้นที่การปลูกไว้ให้กับเกษตรกรเข้าร่วมในโครงการเพียงจังหวัดละ 5,000 ไร่ เท่านั้น พร้อมกันนั้นมีการรับประกันการตายหรือสามารถเปลี่ยนเคลมได้ หากมีต้นพันธุ์ตายไปขณะที่เริ่มปลูกภายในระยะเวลา 30 วัน นอกจากนี้โครงการ ปลูกโกโก้ ของ บริษัทโกโก้ไทย 2017 จำกัด ยังเป็นการสร้างสวนป่า และสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการทุกเดือนในระยะเวลานานกว่า 60 ปี โดยมีพันธะสัญญาต่อกัน คือ
1.ตลาดรับซื้อที่มั่นคงและยั่งยืน มีผลกำไรตลอดโครงการ
2.สัญญารับซื้อผลผลิตคืนและประกันราคาขั้นต่ำ 5,000 บาท/ตัน ทุก 8 ปี ต่อสัญญา
3.ส่งเสริมการปลูกและแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงคุณภาพมาตรฐาน แบบเกษตรอินทรีย์
4.ติดตามให้ความรู้และดูแลตลอดสัญญา
5.จดทะเบียนเป็นสมาชิกผู้ ปลูกโกโก้ไทย 2017 เพื่อประโยชน์ต่อสมาชิก
6.ดูแลเรื่องการตลาด และมีโรงงานแปรรูปเอง ซึ่งทาง “บริษัทโกโก้ไทย 2017 จำกัด” มีกระบวนการส่งเสริม ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ที่แน่นอน และรับซื้อโกโก้ลูกสดกิโลกรัมละ 10 บาท หรือตันละ 10,000 บาท เลยทีเดียว
ผลตอบแทนที่เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับ
-มีรายได้ในระยะ 1 ปี 5 เดือน จากผลผลิต 3,000-6,000 บาท/ไร่/เดือน (ขึ้นอยู่กับการดูแล ผลผลิต ลักษณะ
พื้นที่ของเกษตรกร และจำนวนต้นที่ปลูกต่อไร่) ปีที่ 5 ขึ้นไป เฉลี่ยต่อต้น 100-200 กิโลกรัมต่อต้น รายได้ 50,000-100,000 บาทต่อไร่
-ปลูกเชิงเดี่ยวใช้ต้นกล้า 100 ต้น ใช้เงินลงทุน 8,250 บาทต่อไร่
-ปลูกแซมพืชอื่นๆ ตามความเหมาะสม
-ปุ๋ยอินทรีย์หรือธาตุอาหารรองเสริม 2 กระสอบต่อไร่ และฮอร์โมนสำหรับฉีดพ่นทางใบ 1 ขวด
จุดเด่นที่ว่าทำไมเราควร ปลูกโกโก้
-เป็นพืชเศรษฐกิจ ประเทศไทยผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
-การเพาะปลูก และดูแลรักษาง่าย ไม่ยุ่งยาก
-โรค ศัตรู และแมลง รบกวนไม่มาก เหมาะสำหรับปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์
-มีตลาดรองรับที่แท้จริง บริษัทมีการทำสัญญาประกันราคาระยะยาว
-ออกผลผลิตตลอดทั้งปี จึงทำให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดปี
สำหรับท่านที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด ที่อยู่ 36/133 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบคลองสาม ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 โทร : 02-5042238, 093-232-3399, 082-593-9222, 080-323-2963 E-mail : [email protected] / Facebook : cocoathai2017 / Line @ : @cocoathai2017 / www.cocoathai2017.co.th
อ้างอิง : พลังเกษตร ฉบับที่ 05/2562