การปลูกมะขามเปรี้ยวยักษ์
มะขามยักษ์ “มะขามเปรี้ยวยักษ์” เป็นไม้ผลยืนต้นที่มีอายุหลายร้อยปี และสามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาค ทุกฤดูกาล เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกประเภท และทนแล้งสูง ต้นที่ได้รับการบำรุงดีๆ จะมีผลผลิตให้เราเก็บตลอดทั้งปี
เมื่อพูดถึง “มะขามเปรี้ยวยักษ์” ในวงการเกษตรคงไม่มีใครไม่รู้จัก คุณครูนิเวช กุลทรัพย์ศักดิ์ แห่งสวนมะขามเปรี้ยวยักษ์ในจังหวัดกาญจนบุรี อดีตข้าราชการครูที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองเป็นเกษตรกร ที่มีความรู้ ความชำนาญ เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ขนาดยักษ์มากมาย เช่น มะขามเปรี้ยวยักษ์ ขนุนยักษ์ กล้วยยักษ์ เป็นต้น แต่ไม่เคยทิ้งจิตวิญญาณของความเป็นครู มีการส่งเสริมให้ขยายพันธุ์ไปปลูกเป็นอาชีพและทำธุรกิจกันเป็นจำนวนมาก ในสวนของครูนิเวชได้ปลูกมะขามเปรี้ยวยักษ์ไว้หลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์กระทูน สทิงพระ นครศรีธรรมราช พระเจ้าตากสิน สุพรรณบุรี และไชยโกมินทร์ รวมถึงมีมะขามป้อมที่ปลูกไว้ด้วย ภายใต้เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่
สภาพพื้นที่ปลูกมะขามเปรี้ยวยักษ์
ครูนิเวชเกิดความสนใจและหลงใหลในมะขามเปรี้ยวยักษ์ โดยมีการปรับปรุงพันธุ์มะขามเปรี้ยวยักษ์ด้วยตัวเอง ด้วยการนำเมล็ดมะขามเปรี้ยวยักษ์ของพันธุ์ไชยโกมินทร์มาเพาะเป็นจำนวนมาก แล้วนำตาของต้นที่เพาะเมล็ดไปติดตากับต้อตอต้นใหญ่ แต่มีต้นพันธุ์มะขามเปรี้ยวยักษ์ต้นหนึ่งกลายเป็นมะขามเปรี้ยวยักษ์ฝักกลม จึงเป็นพันธุ์ฝักกลมพันธุ์แรกของเมืองไทย
ต่อมาครูนิเวชยังคงพัฒนาสายพันธุ์มะขามเปรี้ยวอย่างจริงจังตลอดมา เขาได้เพาะเมล็ดมะขามเปรี้ยวพันธุ์ไชยโกมินทร์ประมาณ 30 ต้น และก็ได้มะขามเปรี้ยวยักษ์พันธุ์ดีออกมาอีกหนึ่งสายพันธุ์ได้เพียงต้นเดียวจากจำนวนที่เพาะ 30 ต้น
ต้นนี้แตกต่างจากต้นแม่พันธุ์เดิม คือ มีลักษณะฝักกลมและใหญ่มาก ซึ่งต้นแม่พันธุ์เดิมฝักจะแบนโค้งและใหญ่ ทรงต้นมะขามเปรี้ยวยักษ์ฝักกลมจะพุ่งสูงขึ้น ไม่แตกทรงออกพุ่มด้านข้าง ต่างจากพันธุ์ไชยโกมินทร์ที่ทรงพุ่มออกรูปตัววี และแตกพุ่มออกด้านข้าง ยอดอ่อนของมะขามเปรี้ยวพันธุ์ไชยโกมินทร์จะออกสีแดง แต่ยอดอ่อนของมะขามเปรี้ยวยักษ์ฝักกลมจะออกสีเขียวตองอ่อนคล้ายมะขามหวาน
ขั้นตอนในการปลูกมะขามเปรี้ยวยักษ์โดยขุดหลุมความลึกประมาณ 50 เซนติเมตร กว้าง 50 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตร ระยะห่างของต้นประมาณ 10-12 เมตร จากนั้นนำปุ๋ยคอกรองก้นหลุม แล้วนำต้นพันธุ์ที่เตรียมไว้ลงปลูก ควรหาไม้รวกมาค้ำต้นไว้เพื่อกันการล้มของต้นมะขามปลูกใหม่
การให้ปุ๋ยและน้ำมะขามเปรี้ยวยักษ์
การให้ปุ๋ยคอกควรให้ช่วงต้นฝน 1 ครั้ง และปลายฝน 1 ครั้ง ถ้าเป็นปุ๋ยเคมีจะเป็นสูตรเสมอ วิธีการให้ คือ ให้ปุ๋ยเคมีครึ่งหนึ่งของอายุต้น เช่น ถ้าอายุต้นมะขามเปรี้ยวยักษ์ 1 ปี ก็ใช้ปุ๋ยครึ่งกิโลกรัม แบ่งใส่ 5 ครั้ง ใน 1 ปี ก็ควรใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 1 ขีด ต่อต้นต่อครั้ง ถ้า 2 ปี ก็ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 1 กิโลกรัม ต่อต้นต่อปี เป็นวิธีคิดง่ายๆ ของครูนิเวช
การให้น้ำต้องมีวางระบบน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการทำน้ำหยด การใช้สปริงเกลอร์ หรือสายยางรดน้ำ ก็ตามแต่เจ้าของสวนไหนสะดวกแบบไหน แต่ไม่ควรดูแลแบบธรรมชาติ หรือที่เราเรียกกันว่า “ให้เทวดาดูแล” เพราะผลผลิตที่ได้จากมะขามเปรี้ยวยักษ์จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นหลายเท่า ถ้าเปรียบเทียบกับการปล่อยแบบธรรมชาติช่วงแรกๆ ที่ปลูกมะขามเปรี้ยวยักษ์ควรรดน้ำหรือให้น้ำวันละครั้ง สังเกตดูว่าดินบริเวณนั้นแห้งหรือเปล่า หลังจากรดน้ำไปแล้ว ถ้าแห้งก็รดน้ำซ้ำอีกได้ แต่ถ้าไม่แห้งก็เว้นการรดน้ำออกไปอีก 1 วัน เพราะดินแต่ละท้องที่ไม่เหมือนกัน
พออายุต้นมะขามเปรี้ยวยักษ์ได้ 1 ปี อาจจะหยุดให้น้ำ หรืออาจเว้นการให้น้ำไม่ต้องสม่ำเสมอได้ เพราะต้นมะขามเปรี้ยวยักษ์สามารถหาอาหารและอยู่ด้วยตัวเองได้แล้ว แต่ก็สามารถให้น้ำต่อไปเรื่อยถึงอายุต้น 3 ปี แต่พอเข้าช่วงต้นมะขามเปรี้ยวยักษ์ 3 ปี
ในช่วงเดือนธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ ควรหยุดให้น้ำทันที เพื่อที่ต้นจะได้สะสมตาดอกในช่วงนั้น พอเข้าเดือนมีนาคม เมษายน ต้นมะขามจะทิ้งใบ ช่วงนี้พอมีฝนตกต้นมะขามก็จะแตกใบอ่อน ดอกก็จะออกตามมา ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนจะติดฝักในหน้าฝน และฝักจะแก่ในหน้าหนาว
การปลูกมะขามเปรี้ยวยักษ์ช่วงก่อนหน้าฝน หลังเดือนเมษายนก็สามารถปลูกได้ พอปลูกไปช่วงนั้นฝนก็จะตก ก็จะช่วยในเรื่องการรดน้ำต้นไม้ได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ควรปลูกมะขามเปรี้ยวยักษ์หลังเดือนตุลาคมไป เพราะเป็นช่วงที่หมดฝนไปแล้ว ลมหนาวก็เริ่มจะเข้ามา ช่วงนั้นจะเป็นหน้าแล้ง หากปลูกแบบทิ้งๆ ขว้างๆ หรือให้เทวดาดูแลก็ยังไม่ควรลงปลูก เพราะช่วงแรกที่ปลูกต้นมะขามต้องการน้ำมากพอสมควร
การขยายพันธุ์มะขามเปรี้ยวยักษ์
การขยายพันธุ์มะขามเปรี้ยวยักษ์ที่ทำกันส่วนใหญ่ คือ การทาบกิ่ง ไม่นิยมขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ดเพราะจะเกิดการกลายพันธุ์ ยกเว้นทำเพื่อการปรับปรุงพันธุ์มะขามเปรี้ยวยักษ์ สำหรับวิธีการทาบกิ่งและการเสียบยอดเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด เพราะเนื่องจากต้นพันธุ์ที่ได้จะมีลักษณะเหมือนต้นเดิมตามที่ต้องการทุกประการ
การทาบกิ่ง
การเตรียมต้นตอและกิ่งพันธุ์ดี ต้นตอเป็นส่วนที่สำคัญสำหรับการขยายพันธุ์ เพราะทำหน้าที่เป็นระบบรากของกิ่งพันธุ์ ดูดน้ำและธาตุอาหารมาเลี้ยงต้นมะขามเปรี้ยวยักษ์ ตลอดจนค้ำยันลำต้น มะขามเปรี้ยวยักษ์มีรากจำนวนมาก จึงหาอาหารเก่ง โตได้เร็ว สำหรับต้นตอมักจะเพาะด้วยเมล็ดมะขามเปรี้ยวยักษ์ เพราะจะได้ต้นตอที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรค และแมลงทำลาย ส่วนกิ่งพันธุ์ดีควรเลือกกิ่งพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ และมีขนาดเท่ากับต้นตอที่จะนำมาทาบกิ่ง ควรมีความยาวประมาณ 50-100 เมตร
วิธีการทาบกิ่งมะขามเปรี้ยวยักษ์
1.เลือกต้นตอและกิ่งพันธุ์ดี
2.ใช้มีดเฉือนกิ่งพันธุ์ดี เฉียงเข้าไปในเนื้อเล็กน้อยยาวประมาณ 1-1.5 นิ้ว ควรเฉือนจากด้านล่างขึ้นด้านบน
3.ใช้มีดเฉือนต้นตอให้เฉียงลักษณะเป็นปากฉลามให้ยาวเท่ากับแผลของกิ่งพันธุ์ที่เตรียมไว้
4.จากนั้นทำการประกบแผลของต้นตอกับกิ่งพันธุ์ดี โดยให้เปลือกข้างใดข้างหนึ่งอยู่ในแนวเดียวกัน
5.ใช้พลาสติกพันแผลให้รอบมิดรอยทาบ โดยพันจากข้างล่างขึ้นข้างบน แล้วมัดให้แน่นเพื่อให้เนื้อเยื่อเจริญติดกันเร็วขึ้น
หลังจากนั้นทำการรดน้ำ สังเกตอย่าให้ต้นตอแห้งประมาณ 45-60 วัน ตัดกิ่งที่ทาบออกจากต้นพันธุ์นำไปดูแลในเรือนเพาะชำประมาณ 6 เดือน จึงนำไปปลูกได้
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายมะขามเปรี้ยวยักษ์ ทั้งในและต่างประเทศ
ตลาดส่งออกมะขามเปรี้ยวที่สำคัญของไทย คือ สหรัฐอเมริกา และแถบประเทศตะวันออกกลาง ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปากีสถาน เป็นต้น ส่วนประเทศในแถบตะวันออกกลางนิยมบริโภคมะขามเปรี้ยว เนื่องจากมะขามเปรี้ยวมีรสเปรี้ยวที่เป็นนิยมในการบริโภคเพื่อดับกระหายน้ำได้
ส่วนตลาดในประเทศของมะขามเปียกนั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก มะขามเปรี้ยวแกะเมล็ดแล้วจะมีราคากิโลกรัมละ 30-40 บาท (มะขามเปียก) มะขามฝักใหญ่แบบสดจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 6-10 บาท นอกจากนี้ยังมีการบริโภคในรูปของผลิตภัณฑ์มะขาม ไม่ว่าจะเป็นมะขามคลุกน้ำตาล มะขามดอง มะขามแช่อิ่ม ฯลฯ
เนื่องจากการทำมะขามเปียกน้ำหนักจะหายไปเยอะ หลังจากแกะเปลือกและเมล็ดออกแล้วน้ำหนักจะหายไปประมาณ 4:1 กิโลกรัม คือ ชั่งฝักดิบได้ 4 กิโลกรัม สามารถทำมะขามเปียกได้ 1 กิโลกรัม ราคารับซื้อก็ไม่เกิน 30 บาท ต้องจ้างคนมาเก็บฝัก และแกะเปลือกกับเมล็ดมะขามออกอีก
ถ้าทำมะขามเปียกได้ประมาณ 100 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 30 บาท จะได้ 3,000 บาท (ราคานี้ยังไม่หักค่าแรง) ส่วนฝักสดของ มะขามยักษ์ มะขามเปรี้ยวยักษ์ราคาขายอยู่ที่ 30-40 บาท ต่อกิโลกรัม ถ้าเก็บได้ 100 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 10 บาท จะได้ 1,000 บาท แต่ถ้าเป็นมะขามฝักสดจะไม่ต้องจ้างแรงงานคนเก็บ เพราะจะมีคนมารับซื้อถึงสวน พ่อค้า แม่ค้า จะมาเหมาเก็บ และมีคนงานเก็บให้เลย เกษตรกรเจ้าของสวนรับเงินอย่างเดียว
การแปรรูป มะขามยักษ์ มะขามเปรี้ยว
ปัจจุบันกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมีการคิดค้นการแปรรูปมะขามเปรี้ยวในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการแปรรูปเป็นเครื่องสำอาง โดยเฉพาะครีมมะขามสำหรับล้างหน้าซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมะขามเปรี้ยวมากกว่าการบริโภค
สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง โดยใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยา และเครื่องใช้ในครัวเรือน และยังทำเป็นในรูปอุตสาหกรรมได้อีก เช่น โรงงานน้ำพริก เครื่องปรุงน้ำพริกมะขามเปียกสำเร็จรูป สมุนไพรบำรุงผิวพรรณ เครื่องสำอาง ไวน์ แยม ซอสมะขาม ลูกอม เครื่องดื่มชามะนาว เยลลี่ ยาระบาย ยาลูกกลอน เป็นต้น
ฝากถึงเกษตรกรที่สนใจปลูก มะขามยักษ์
หากเกษตรกรท่านใดที่สนใจปลูก มะขามยักษ์ มะขามเปรี้ยวยักษ์ ครูนิเวชอธิบายว่ามะขามเปรี้ยวพันธุ์ไชยโกมินทร์พันธุ์นี้ไม่เหมาะจะปลูกทำมะขามเปียก เพราะรสชาติจะเปรี้ยวมาก ทำแกงส้มหรือเครื่องแกงไม่อร่อย แต่จะเน้นทำพวกน้ำพริกเผา ทำเกี่ยวกับอุตสาหกรรมฟอกหนัง ทำสปา หรือทำเป็นในรูปของมะขามแช่อิ่ม หรือมะขามดอง
แต่ มะขามยักษ์ มะขามเปรี้ยวยักษ์ฝักกลมเหมาะจะทำเป็นมะขามเปียก เพราะรสชาติดีเหมือนมะขามพื้นบ้านทั่วๆ ไป ครูนิเวชยังเสริมอีกว่าข้อเสียของพันธุ์ไชยโกมินทร์ คือ ออกผลผลิตปีเว้นปี แต่ความดกและเรื่องของน้ำหนักดีกว่าพันธุ์อื่นแน่นอน
สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่ ครูนิเวช กุลทรัพย์ศักดิ์ (สวนมะขามเปรี้ยวยักษ์) 170 ม.6 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี 71150 โทร.08-1801-6379