การผลิตกิ่งพันธุ์มะม่วง
“มะม่วง” นับว่าเป็นไม้ผลเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่ปลูกได้แทบทุกภาคของประเทศ ทั้งนี้เนื่องจากมะม่วงสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในช่วงกว้าง ด้วยเหตุนี้จึงมีพื้นที่ปลูกเป็นจำนวนมาก เกษตรกรในบ้านเรามักปลูกกิ่งพันธุ์มะม่วงที่ได้จากขยายพันธุ์ด้วยวิธีการทาบกิ่งหรือกิ่งเสียบ
นอกจากวิธีดังกล่าวมะม่วงยังสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ตัดชำ ตอนกิ่ง และติดตา ซึ่ง การขยายพันธุ์มะม่วง ในแต่ละวิธีจะประสบผลสำเร็จมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับเทคนิคและวิธีการขยายพันธุ์ ตลอดจนปัจจัยทางด้านสภาพแวดล้อมต่างๆ
ปัจจุบันมะม่วงสายพันธุ์จากต่างประเทศเริ่มได้รับความสนใจ และเป็นที่นิยมกันมากขึ้น โดยเฉพาะพันธุ์ที่มาจากไต้หวันกำลังเป็นที่นิยมมากในกลุ่มเกษตรกรผู้ทำกิ่งพันธุ์ขาย รวมไปถึงการผลิตจำหน่ายผล
แต่เดิมพันธุ์มะม่วงจากต่างประเทศจะเข้ามาในเมืองไทยได้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นการสั่งเข้าจากภาครัฐ เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยปรับปรุงพันธุ์ตามสถานีวิจัยการเกษตรต่างๆ ถึงจะได้เปรียบของขนาดผลที่ใหญ่ ผิวหนา แต่รสชาตินั้นไม่อร่อย และกลิ่นขี้ไต้แรง จึงไม่เป็นที่ยอมรับและนิยมในประเทศไทยมากเท่าใดนัก
แต่การพัฒนาการเกษตรของไทยในปัจจุบันคงปฏิเสธกันไม่ได้ว่าภาคเอกชนได้มีการพัฒนาล้ำหน้ากว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาครัฐ เพราะพันธุ์พืชใหม่ๆ แปลกๆ ให้ผลผลิตสูง ภาคเอกชนสามารถจัดสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะไม้ที่ทำเงิน แต่ในขณะเดียวกันหน่วยงานภาครัฐจะติดขัดในเรื่องของงบประมาณ และระเบียบที่ต้องดำเนินไปตามขั้นตอนอย่างล่าช้า และการปรับปรุงพันธุ์มะม่วงจากไต้หวันทำให้ ณ ปัจจุบันนี้เป็นที่แพร่หลาย และมีความนิยมทานมะม่วงสายพันธุ์พวกนี้กันมากขึ้น เพราะรสชาติได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
การปลูกมะม่วงไต้หวัน
ฉบับนี้ทีมงานเมืองไม้ผลนำท่านผู้อ่านมาที่สวน เจ.ซี.เจ. แมงโก้ ของคุณณรงค์ เพิ่มพูล ในพื้นที่ 15 ไร่ ที่ปลูกมะม่วงจากประเทศไต้หวันหลากหลายสายพันธุ์ มีทั้งกิ่งพันธุ์ที่พร้อมจำหน่าย และเริ่มมีผลผลิตจากต้นที่ใกล้จำหน่ายได้แล้ว จำนวนต้นมะม่วงภายในสวนประมาณ 2,500-3,000 ต้น ต่อ 15 ไร่ ซึ่งมีจำนวนต้นมะม่วงเยอะมากทีเดียว ถ้าเทียบกับสวนอื่นๆ ในขนาดพื้นที่เท่ากัน
คุณณรงค์เผยว่า “การทำสวนมะม่วงเป็นความชอบส่วนตัว ผมมีความคิดว่าประเทศไทยสามารถปลูกมะม่วงได้ดีมาก เพราะมะม่วงชอบแสงแดด และต้องการพัฒนามะม่วงที่ปลูกในประเทศให้มันถึงจุดสุดยอดสักที เพราะตอนเด็กๆ หลังบ้านหรือข้างบ้านเรามะม่วงมีแต่ใบ ผมเลยค้นคว้าว่ามะม่วงที่มีใบมาก คือ มันมีปัญหาทางระบบราก ถ้ารากมันถึงดินมันจะสามารถหาอาหารเองได้โดยไม่ต้องอัดฉีดสารอะไรเลย”
สภาพพื้นที่ปลูกมะม่วง
1.อุณหภูมิ มะม่วงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสภาพอุณหภูมิต่ำกว่า 1-2 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุด 45-48 องศาเซลเซียส แต่สภาพดังกล่าวไม่เหมาะสมกับการปลูกมะม่วงเพื่อทำการค้า อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 24-27 องศาเซลเซียส
แต่ในสภาพการขยายพันธุ์ในการงอกของเมล็ดพบว่าเมล็ดมะม่วงจะงอกได้ดีและเร็วที่สุดในอุณหภูมิ 30-35 องศาเซลเซียส แต่สภาพที่มีอุณหภูมิสูงเกินกว่า 45 องศาเซลเซียส จะเป็นอุปสรรคต่อ การขยายพันธุ์มะม่วง ต่อกิ่งแบบเสียบเปลือก เพราะการลอกเปลือกจะทำได้ยาก
2.ฝน มะม่วงสามารถขึ้นได้ดี ตั้งแต่สภาพที่แห้งแล้งจนถึงบริเวณที่มีฝนตกชุก มีการกระจายของฝนอย่างสม่ำเสมอ ถือว่าเพียงพอต่อการปลูก แต่เมื่อมองในแง่ของการขยายพันธุ์แล้ว การต่อกิ่ง ติดตา ในฤดูฝนตกหนัก และความชื้นสูง มักทำให้การติดตาไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะอาจจะมีน้ำขังในรอยแผล และอาจเกิดการเน่าเสียของยอดพันธุ์
3.ลม บริเวณพื้นที่ที่มีลมแรง มีผลต่อการปลูกมะม่วงอย่างมาก เพราะจะทำให้เกิดการร่วงหล่นของผล ทำให้ต้นโค่นล้ม การทาบกิ่งมะม่วงในบริเวณที่มีลมแรงอาจยากที่จะเกิดรอยต่อ ดังนั้นควรผูกตุ้มกับต้นตอและกิ่งพันธุ์ให้แน่นเพื่อกันลมโยก
4.ดิน มะม่วงขึ้นได้ดีในดินหลายๆ ประเภท แต่ที่ชอบมาก คือ ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ ถ้าเป็นดินเหนียวจัดการปรับปรุงด้วยการเพิ่มอินทรียวัตถุ จะช่วยในเรื่องของการระบายน้ำและอากาศ ส่วนสภาพพื้นที่ที่มีระดับน้ำใต้ดินสูงเกินไปเป็นเวลานานๆ อาจมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของราก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิ่งพันธุ์ที่มีระบบรากแก้ว
สายพันธุ์มะม่วงไต้หวัน
มะม่วงไต้หวันมีลักษณะเด่น มีสีสันสวยสะดุดตา ต่างจากมะม่วงสายพันธุ์บ้านเรา พื้นที่ปลูกมะม่วงสายพันธุ์ไต้หวันภายในประเทศกำลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่ตลาดทางญี่ปุ่นต้องการ เพราะมีผิวสีแดงสวย และรสชาติดี
สายพันธุ์ที่สวน เจ.ซี.เจ. แมงโก้ นำมาปลูกมีหลายชนิด อาทิเช่น หงไคเทอร์ ฟอร์จูน มังกรแดง ผิงกั่วเหวิน (แอปเปิ้ลแดง) เออร์วิน เกาสงหมายเลข 3 เป็นต้น
มะม่วงหงไคเทอร์
1.มะม่วงหงไคเทอร์ มะม่วงชนิดนี้เป็นสายพันธุ์ที่ปลูกเพื่อกินผลสุกเพียงอย่างเดียว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Red Heat Giant Mango ลักษณะเด่น คือ ผลมีขนาดใหญ่มาก มีน้ำหนักเฉลี่ยโตเต็มที่ประมาณ 2 กิโลกรัม รูปทรงผลมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ เนื้อสุก จะมีสีเหลืองเข้ม ไม่เละ ไม่มีเสี้ยน และไม่มีกลิ่นขี้ไต้ รสชาติหวาน หอม อร่อยมาก ผลดิบมีรสเปรี้ยว ไม่นิยมรับประทาน เพราะไม่อร่อย เมล็ดของมะม่วงชนิดนี้บางและลีบ จึงทำให้มีเนื้อเยอะ เนื้อสุกเพียงผลเดียวสามารถรับประทานได้ทั้งครอบครัว
มะม่วงฟอร์จูน
2.มะม่วงฟอร์จูน มะม่วงพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ใหม่ที่เกิดในประเทศไทย ด้วยการเพาะเมล็ดของมะม่วงไต้หวัน ชื่อ อี้เหวินเบอร์ 6 แล้วนำเอาต้นไปปลูกลงแปลงรวมกับมะม่วงสายพันธุ์อื่นเพื่อให้เกิดการผสมพันธุ์โดยธรรมชาติ ไม่ทราบพันธุ์พ่อชัดเจน จากนั้นคัดต้นพันธุ์ที่ดีที่สุด คือ ผลดก รูปทรงผลสวย สีสันของผลสวยงาม ผลมีขนาดใหญ่ และรสชาติหวานหอม ไปปลูก จนเชื่อว่าเป็นมะม่วงพันธุ์ใหม่แน่นอน จึงมาตั้งชื่อใหม่ว่า “มะม่วงฟอร์จูน”
มะม่วงมังกรแดง
3.มะม่วงมังกรแดง ถูกนำมาปลูกและขยายพันธุ์ในประเทศไทยหลายปีแล้ว เป็นมะม่วงที่สามารถติดผลดกเกือบตลอดปี โดยในประเทศไต้หวันเรียกว่า “หงหลง” แปลเป็นภาษาไทยว่า “มังกรแดง” หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า “เรดดราก้อน” ซึ่งมีความหมายเดียวกัน มะม่วงชนิดนี้มีลักษณะพิเศษ เวลาติดผล ทรงผลจะเป็นรูปยาวรี ขนาดของผลเมื่อโตเต็มที่จะเท่ากับมะม่วงน้ำดอกไม้ทั่วไป น้ำหนักเฉลี่ย 400-500 กรัม ต่อผล
ขณะผลอ่อนหรือดิบจะเป็นสีชมพู ไม่เป็นสีเขียวเหมือนมะม่วงพันธุ์อื่นทั่วไป เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เปลือกผลจะบางลงตามความแก่ของผล เนื้อในเมื่อสุกจะเป็นสีเหลืองอมส้ม เส้นใยน้อย เนื้อไม่เละ เมล็ดลีบ ทำให้มีเนื้อเยอะ รสชาติหวานสูงถึง 17-18 บริกซ์ เนื้อสุกจะมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นผลท้อ
มะม่วงผิงกั่วเหวิน (แอปเปิ้ลแดง)
4. มะม่วงผิงกั่วเหวิน (แอปเปิ้ลแดง) เป็นมะม่วงลูกผสมล่าสุดจากประเทศไต้หวัน มีลักษณะเด่น คือ ผลจะเป็นรูปทรงกลม ขนาดใหญ่คล้ายผลแอปเปิ้ล และก็ดูเหมือนผลมะม่วง R2E2 แต่จะมีความกลมมากกว่า น้ำหนักเฉลี่ย 1.5-2.5 กิโลกรัม ต่อผล
เปลือกผลขณะดิบจะเป็นสีม่วง และจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเมื่อสุก ทำให้เวลาติดผลสุกทั้งต้นดูสวยงามมาก เนื้อในจะมีลักษณะเป็นสีเหลืองทอง มีเสี้ยนน้อย ไม่มีกลิ่นขี้ไต้ เมล็ดลีบ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกลิ่นน้ำผึ้ง เนื้อเหนียว ไม่เละ ความหวานอยู่ที่ 18 บริกซ์
มะม่วงเออร์วิน
5.มะม่วงเออร์วิน มะม่วงสายพันธุ์นี้จัดเป็นมะม่วงที่มีผลขนาดปานกลาง รูปร่างค่อนข้างยาวรีหรือรูปไข่ ติดผลดกมาก ผลดิบจะมีสีแดงบริเวณแก้มผล ผลสุกจะมีสีแดงเปลือกนก จัดเป็นมะม่วงกินสุก เมื่อสุกเนื้อจะมีสีเหลืองทอง ไม่มีเสี้ยน กลิ่นไม่แรง รสชาติหวาน เปลือกบาง มะม่วงเออร์วินเป็นมะม่วงไต้หวันที่ส่งออกขายไปยังประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1
นอกจากมะม่วงสายพันธุ์ไต้หวันแล้ว สวน เจ.ซี.เจ. แมงโก้ ยังมีมะม่วงสายพันธุ์ต่างประเทศอื่นๆ ที่กำลังเป็นที่นิยม เช่น มะม่วงอาร์ทู อีทู และ มะม่วงเคนซิงตันไพรซ์ ของออสเตรเลียด้วย เพราะเป็นมะม่วงที่กำลังได้รับความสนใจจากตลาดทั้งในและต่างประเทศ
เนื่องจากผลผลิตในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ และยังเป็นที่ต้องการของตลาดมาก ประกอบกับรสชาติดี มีความหวานปานกลาง ประมาณ 18 บริกซ์ ซึ่งคนเป็นเบาหวานทานได้ ไม่มีกลิ่นขี้ไต้ และที่สำคัญทนต่อโรคแอนแทรคโนส และโรคราดำได้ดี
เทคนิค การขยายพันธุ์มะม่วง
เทคนิคการขยายพันธุ์ของแต่ละสวนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบุคคล แต่ที่สวน เจ.ซี.เจ. แมงโก้ จะใช้การขยายพันธุ์เปลี่ยนยอดแบบเสียบข้าง (Side veneer grafting) ไซค์วีเนียร์ วิธีนี้จะทำให้มะม่วงทนต่อสภาวะแวดล้อมต่างๆ เช่น อากาศร้อน หรือแล้งได้ เวลาลงดินจะไม่มีปัญหาเรื่องการหยุดเติบโต เพราะมีรากแก้วทุกต้น ทำให้หาอาหารได้เก่ง โตเร็ว ให้ผลผลิตภายใน 2 ปี เมื่อต้นสมบูรณ์
จากการทดลองปลูกจริงที่สวน เจ.ซี.เจ. แมงโก้ เมื่อเปรียบเทียบกับการปลูกแบบทาบกิ่ง จะให้ผลผลิตในระยะยาวได้ดี จุดเด่นอย่างหนึ่ง คือ ทนต่อน้ำท่วม เพราะมีรากแก้ว ส่วนวิธีการเปลี่ยนยอดแบบเสียบข้าง (Side veneer grafting)มีขั้นตอนดังนี้
1.การเตรียมต้นตอ
ต้นตอจะใช้มะม่วงแก้ว หรือโชคอนันต์ (ตอนนี้ที่สวน เจ.ซี.เจ. แมงโก้ เริ่มทดลองนำมะม่วง R2E2 มาทำเป็นต้นพันธุ์ในอนาคต เพราะโตเร็วกว่ามะม่วงแก้ว) เลือกต้นตอที่สมบูรณ์ มีขนาดพอเหมาะ ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป ขนาดต้นเท่าแท่งดินสอ
2.การเตรียมยอดพันธุ์ดี
ยอดพันธุ์ที่จะนำมาเสียบควรเป็นยอดที่สมบูรณ์ ปราศจากโรค-แมลงรบกวน เปลือกมีสีเขียวอมน้ำตาล ควรเลือกยอดที่แก่พร้อมจะแตกใหม่ หากเลือกยอดอ่อนเกินไปยอดจะเน่า และที่สำคัญไม่ควรตัดยอดพันธุ์ทีละเยอะๆ ตัดแล้วควรนำมาเสียบทันที
3.วิธีการเสียบยอด
-เฉือนต้นตอเฉียงลงตรงบริเวณที่เรียบเข้าไปในเนื้อไม้ ให้แผลยาวประมาณ 1-2 นิ้ว
-ตัดชิ้นส่วนที่เฉือนออกให้เหลือเพียง 1/3 ของส่วนที่เฉือนออกทั้งหมด
-นำยอดพันธุ์ดีโดยเฉือนให้เฉียงเป็นปากฉลาม ให้แผลยาวเท่ากับแผลที่เตรียมบนต้นตอ
-เฉือนโคนยอดพันธุ์ดีด้านตรงข้ามกับที่เฉือนครั้งแรกออกถึงเนื้อไม้ ให้แผลที่เฉือนออกมีขนาดเท่าลิ้นรอยเฉือนที่เหลือไว้บนต้นตอ
-สวมยอดพันธุ์ดีลงบนแผลที่เตรียมบนต้นตอ ให้เยื่อเจริญตรงกัน และให้ลิ้นของต้นตอทับรอยเฉือนของยอดพันธุ์ดีพอดี
-ใช้พลาสติกพันต้นตอและยอดพันธุ์ดี โดยพันจากด้านล่างขึ้นด้านบน พันให้ปิดยอดพันธุ์ ควรพัน 2 รอบ ระหว่างพันพลาสติกควรดึงพลาสติกให้ตึงอยู่เสมอ เพื่อให้รอยแผลสนิทกันดี
4.การดูแลรักษาหลังเปลี่ยนยอด
เมื่อเปลี่ยนยอดพันธุ์เสร็จแล้วนำต้นพันธุ์ที่เปลี่ยนยอดแล้วเข้าโรงเรือน (สำหรับต้นพันธุ์ที่ปลูกในถุงดำ) รดน้ำทุกวัน เมื่อเปลี่ยนยอดประมาณ 1 อาทิตย์ ควรหมั่นตรวจดูยอดพันธุ์ ถ้ายอดพันธุ์ดีเปลี่ยนเป็นสีดำหรือน้ำตาลแสดงว่ายอดไม่ติด ควรเปลี่ยนยอดใหม่
ถ้ายอดพันธุ์ดีเป็นสีเขียวสดแสดงว่ายอดติด ประมาณ 25-30 วัน ยอดพันธุ์ดีจะเริ่มแตก ให้เปิดพลาสติกบริเวณด้านยอดดอกเพื่อให้ยอดพันธุ์โผล่ออกมานอกพลาสติกได้ เมื่อยอดพันธุ์ดีแตกและใบมีสีเขียวแสดงว่าต้นสามารถหาอาหารเองได้ จึงทำการตัดยอดของต้นตอออกได้ ใช้ปูนขาว หรือสารกันเชื้อราทารอยแผลเพื่อป้องกันรอยแผลเน่า
การปลูกและบำรุงดูแลต้นมะม่วง
คุณณรงค์บอกเทคนิคการปลูกมะม่วงที่สวนว่าเมื่อก่อนพื้นที่สวนจะเป็นนากุ้ง ต้องเริ่มจากการปรับสภาพดินทั้งหมด มีการขุดร่องเพื่อยกร่องดินและลงระบบน้ำ จุดเด่นของดินในบริเวณสวนจะมีพวกเปลือกหอย เปลือกปู ซึ่งมีแคลเซียมเยอะ แร่ธาตุของดินจึงค่อนข้างสมบูรณ์ และวิธีการขยายพันธุ์ของมะม่วงก็เป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง คือ การเสียบยอดโดยการเปลี่ยนยอด เพราะระบบรากจะแข็งแรง ทนทานต่อการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ได้
ปุ๋ย ที่ใช้ในสวนก็มีหลายตัว ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นจากธรรมชาติ พวกปุ๋ยคอก น้ำไส้เดือน หรือรดพวก EM รดเป็นระยะแล้วแต่สะดวก เพราะถ้าระบบรากดีต้นไม้จะสามารถหาอาหารเองได้ ใส่ปุ๋ยก็เพื่อเป็นอาหารเสริมและปรับสภาพพื้นดิน
โรคและแมลง ส่วนใหญ่จะเจอกับพวกแมลงกินใบ (ด้วง) แต่ไม่มาก และส่วนใหญ่มะม่วงที่ปลูกในสวนจะเป็นมะม่วงเปลือกแข็ง แมลงวันทองจะเจาะเข้ายาก แต่ที่ห่อผลเพราะอยากให้ผิวมะม่วงสวย
การตัดแต่งกิ่ง 1-2 ปีแรก ควรตัดยอดทุกๆ 15 วัน เพื่อให้ต้นแตกกิ่งสาขาเยอะๆ เน้นทำให้ต้นเตี้ย เป็นทรงพุ่ม ถ้ามะม่วงมีผลผลิตเยอะมากเกินควรเด็ดทิ้งออกบ้าง เพื่อให้มะม่วงมีผลใหญ่ โดย 1 ต้น ควรเก็บผลที่สมบูรณ์ไว้ประมาณ 20-30 ผล น้ำหนักผลจะอยู่ประมาณที่ 7-8 ขีด
“ผมเจอปัญหา ณ ปัจจุบัน คือ มะม่วงราคาดีต้องห่อ ถ้ามันอยู่สูงมากมันก็ห่อยาก เราก็หาวิธีปลูกแบบเปลี่ยนยอด สังเกตว่าต้นมะม่วงจะเตี้ย พอมันติดยอดก็จะตัด 2 ตัด 3 ทรงพุ่มเป็นต้นคริสต์มาส และที่สวนจะปลูกมะม่วงแบบถี่ เนื้อที่ 15 ไร่ สามารถปลูกมะม่วงได้มากกว่า 2,500 ต้น
แต่ข้อจำกัดของการปลูกแบบถี่ คือ ต้องดูแลบ่อยๆ ถ้าไม่ดูแลใบต้นมะม่วงจะทับซ้อนกัน แต่มันเป็นข้อดีที่ทำให้เราดูแลมะม่วงอย่างทั่วถึง การปลูกมะม่วงในไต้หวันหรือในเมืองนอกเขาบอกอย่าให้เกิน 15 ไร่ เราเดินไป เดินกลับ กาแฟหมดแก้วก็พอ การปลูกมาก การดูแลก็จะไม่ทั่วถึง” คุณณรงค์กล่าว
ปัญหาและอุปสรรคใน การขยายพันธุ์มะม่วง
ปัญหาที่พบ คือ เรื่องเทคนิคในการขยายพันธุ์ เพราะการเปลี่ยนยอดแบบไซค์วีเนียร์ทำยาก เช่น ใบมีดต้องเปลี่ยนทุก 30 ต้น เพราะมะม่วงจะมีน้ำยางทำให้ติดกับใบมีด ถ้าไม่เปลี่ยนอาจทำให้เกิดการเน่าได้
เรื่องของฝนก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายพันธุ์ เพราะน้ำฝนที่เข้าไปขังในส่วนที่ขยายพันธุ์เสร็จใหม่ก็อาจทำให้เน่าตายได้ คุณณรงค์แก้ปัญหาโดยการสร้างโรงเรือนเพื่อเก็บต้นพันธุ์ที่มีการขยายพันธุ์เรียบร้อยแล้ว 1 โรงเรือน สามารถเก็บได้ประมาณ 300 ต้น แต่จะทยอยนำเข้า นำออก เน้นสภาวะแวดล้อมจริงเป็นหลัก
การเปลี่ยนยอดแบบไซค์วีเนียร์จะไม่เปลืองต้นตอมาก เพราะถ้ายอดเน่าต้นตอจะไม่ตาย เพราะสามารถเปลี่ยนข้างทำได้ แต่การขยายพันธุ์บางวิธีเวลาเน่าก็จะตายทั้งต้น ไม่สามารถนำต้นตอกลับมาขยายพันธุ์ได้อีก
แต่วิธีการเปลี่ยนยอดแบบไซค์วีเนียร์สามารถทำได้ ถึงจะขยายพันธุ์ติดยาก แต่ถ้าขยายพันธุ์ติด ข้อดี คือ สร้างความแข็งแรง ทนทาน ให้กับต้น เพราะจะมีระบบรากที่ดี หาอาหารเก่ง โตเร็ว ทนแล้งได้ดี ให้ผลผลิตภายใน 2 ปี เมื่อต้นสมบูรณ์ และสามารถสร้างความหลากหลาย คือ 1 ต้น อาจมีพันธุ์มะม่วงอยู่หลายสายพันธุ์
เนื่องจากระบบรากเป็นเรื่องใหญ่ “การดูแลมะม่วงที่มีระบบรากสมบูรณ์จะทำให้เราดูแลน้อยมาก ระบบรากแก้วทำให้มะม่วงโตเร็ว รากจะลึกมาก การทาบกิ่งไม่มีรากแก้วเพราะต้องตัดออก เพราะฉะนั้นรากแก้วจึงสำคัญ ปลูกบ้านจำเป็นต้องมีเสาเข็มฉันใด ปลูกพืชก็ต้องมีรากแก้วฉันนั้น”
ฝากถึงเกษตรกรและผู้ที่สนใจ การขยายพันธุ์มะม่วง มะม่วงพันธุ์ต่างประเทศ
สุดท้ายคุณณรงค์ฝากถึงเกษตรกรไทยว่า อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ ถ้าเรียนรู้วิธีใดสำเร็จก็อย่าหยุด เรียนรู้ต่อไป และเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจท่านใดอยากร่วมแชร์ประสบการณ์ หรือสอบถามข้อมูลในกระบวนการปลูกมะม่วงพันธุ์ต่างประเทศ และการขยายพันธุ์ เปลี่ยนยอด และพร้อมจำหน่ายต้นพันธุ์แบบแบบไซค์วีเนียร์
สามารถสอบถามได้ที่ สวน เจ.ซี.เจ. แมงโก้ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา โทร.08-1837-4912, 08-0974-8748 หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.jcjmango.com, email : [email protected] การขยายพันธุ์มะม่วง
การขยายพันธุ์มะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง การขยายพันธุ์มะม่วง