ลุงหมู-ป้าตุ้ย เน้นผลิตต้นพันธุ์ทุเรียนคุณภาพ มอบความจริงใจให้แก่ลูกค้า
การผลิตต้นพันธุ์ทุเรียน
รสชาติที่หวานอร่อย กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ผลไม้ที่มาแรง ณ ขณะนี้คงเป็นอื่นใดไปไม่ได้ นั่นก็คือ “ทุเรียน” (Duriozibethinus Murray) หรือที่ฝรั่งเรียกว่า durian เป็นไม้พื้นเมืองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันประเทศไทยมีการผลิตทุเรียนมากที่สุด รองลงมา คือ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เนื้อและเมล็ดของทุเรียนมีคุณค่าทางอาหารสูง และให้พลังงานสูงเช่นกัน (ประมาณ 124 กิโลแคลอรี/100 ก.) เพราะอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และมีแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม นอกจากนี้ในเนื้อของทุเรียนยังมีสารประกอบซัลเฟอร์ หรือกำมะถัน เช่น thiols, thioethers, ester และ sulphides ซึ่งทำให้ทุเรียนมีกลิ่นเฉพาะตัวที่รุนแรง (ซึ่งหลายๆ คนอาจไม่ชอบ) และสารสำคัญที่พบในทุเรียน คือ สารในกลุ่มคาโรทีนอยด์ ฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอล
ปัจจุบันราคาทุเรียนพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 140 บาท ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการบริโภคทุเรียนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดแดนมังกรเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว และขยายไปในหลายมณฑลมากขึ้น ทุเรียนที่นำไปขายในประเทศจีนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค แม้จะมีการนำเข้าทุเรียนไปขายในจีนเป็นจำนวนมาก สามารถขายหมดอย่างรวดเร็ว จะเห็นได้จากการขายบนเว็บไซต์ อาลีบาบาของแจ๊คหม่า ที่สามารถขายหมด 8 หมื่นลูก ใน 1 นาที และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สามารถพัฒนาทุเรียนแช่แข็งเพื่อส่งออกได้ ทำให้มีผลผลิตบริโภคได้ทั้งปี ปริมาณการบริโภคก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งไม่ใช่แค่ทุเรียนสดหรือในรูปแบบผลแช่แข็งเท่านั้นที่ตลาดจีนให้การตอบรับเป็นอย่างดี แต่ทุกๆ ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากทุเรียน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแปรรูปต่างๆ ที่มีส่วนผสมของทุเรียน ก็ได้รับความนิยมในตลาดเป็นอย่างสูงเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าอะไรก็ตามที่เป็นทุเรียนส่งเข้าไปก็สามารถขายได้ทั้งหมด
คุณวินัย และคุณประจวบ ละอออ่อน ปลูกกิ่งพันธุ์ทุเรียนมา 40 ปี จ.จันทบุรี
จากภาพรวมของทุเรียนในปีนี้และปีที่ผ่านมาดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องของราคา และตลาด ทำให้เกษตรกรเริ่มโค่นพืชอื่นหันมาปลูกทุเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายๆ คน โดยเฉพาะชาวสวนทุเรียนที่เริ่มปลูก และปลูกนานแล้ว เกิดข้อสงสัยว่าอนาคตทุเรียนในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ราคาจะดีเหมือนปีนี้ไหม จะเกิดเหตุการณ์เหมือนยางพาราหรือไม่ วันนี้นิตยสารเมืองไม้ผลจะพาท่านผู้อ่านไปหาคำตอบ
คุณวินัย ละอออ่อน หรือลุงหมู และคุณประจวบ ละอออ่อน หรือป้าตุ้ย เจ้าของสวนลุงหมูป้าตุ้ยพันธุ์ไม้ ดำเนินธุรกิจจำหน่ายกิ่งพันธุ์ทุเรียนคุณภาพมานานกว่า 40 ปี กว่าจะประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ลุงหมูได้ให้สัมภาษณ์กับทีมงานว่า เดิมทีตนเป็นคนจังหวัดสมุทรปราการ ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ป้าตุ้ยนั้นย้ายมาจากจังหวัดนครสวรรค์ ทั้งคู่ประกอบอาชีพเกษตร ชอบการทำสวน โดยลุงหมูเป็นคนที่ชื่นชอบผลไม้อยู่แล้วด้วยใจรัก เริ่มแรกเดิมทีลุงหมูยังไม่มีสวนทุเรียน อาศัยการตอนกิ่งจากสวนญาติพี่น้อง ตอนนั้นยังไม่มีการเลือกสายพันธุ์ จะเน้นทุเรียนเนื้อดี เนื้อเหลือง เนื้อเข้ม กินหวานมัน พอช่วงหลังเริ่มมีสายพันธุ์ การคัดเลือกสายพันธุ์โดยหมอนทองเป็นพันธุ์ที่ผู้บริโภค และผู้ประกอบการ ให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากหมอนทองสามารถรับประทานได้ทั้งผลสด และนำไปแปรรูปได้ นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ชะนี กระดุม พวงมณี และอื่นๆ อีกมากมาย
สภาพพื้นที่ปลูกต้นพันธุ์ทุเรียน
เมื่อ 40 ปีก่อน ลุงหมูเริ่มทำต้นพันธุ์ในเชิงการค้าเพื่อจำหน่าย โดยเน้นทุเรียนเป็นหลัก เริ่มแรกใช้วิธีเสียบยอด ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นในจังหวัดจันทบุรีเอง ระยอง และตราด ซึ่งตอนนั้นตลาดยังไม่กว้าง และราคากิ่งพันธุ์ยังไม่สูง พันธุ์ทุเรียนที่สวนจะเป็นต้นกล้าที่มีคุณภาพ แข็งแรง ตรงตามสายพันธุ์ ทำให้ลูกค้าที่ซื้อไปนำไปปลูก ต้นไม่ตาย ปัจจุบันต้นพันธุ์ลุงหมูป้าตุ้ยพันธุ์ไม้ได้เจริญเติบโตเป็นอย่างมาก มีลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันได้มีการขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น มีมาจากทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคอีสานที่เริ่มหันมาปลูกทุเรียนมากขึ้น ทำให้ต้นพันธุ์ไม่เพียงพอ จึงได้ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ทำเพียง 3 ไร่ ขยายเพิ่มเป็น 30 ไร่ จำหน่ายประมาณปีละ 2 แสนต้น สระน้ำ 6ไร่ และตันพันธุ์พริกไทย 2 ไร่ ทางสวนได้สั่งซื้อเมล็ดทุเรียนคุณภาพเพื่อนำมาเพาะ และได้มีการปลูกทุเรียนไว้ให้สำหรับลูกค้าเข้าชม และถ้าในช่วงที่ทุเรียนออกผลก็สามารถตัดให้ลูกค้ารับประทานได้เลย ลุงหมูและป้าตุ้ยเรียกได้ว่ามาถูกทาง ด้วยความรัก และความอุตสาหะ เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ทำให้ลูกค้าได้ต้นพันธุ์ทุเรียนที่มีคุณภาพ และประทับใจ นอกจากนี้แล้วเรื่องคุณภาพของต้นพันธุ์แล้ว ยังมีเรื่องระบบแปลงเพาะ การดูแลโรงเรือนต่างๆ เป็นสิ่งที่ลุงหมูและป้าตุ้ยให้ความสำคัญ เพราะหากจัดการแปลงเพาะไม่ดี คุณภาพของต้นกล้าก็จะไม่มีคุณภาพ โดยโรงเรือนจะเป็นโรงเรือนเปิด ใช้แสลนกันแดดเพื่อให้มีอากาศถ่ายเท ลดการใช้สารเคมีในแปลง โดยเฉพาะยาฆ่าหญ้า เนื่องจากจะเกิดการสะสมในดิน เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และทำให้ต้นพันธุ์ติดเชื้อได้ง่าย
การปลูกและดูแลรักษาต้นพันธุ์ทุเรียน
อะไรที่ทำให้สวนลุงหมูป้าตุ้ยพันธุ์ไม้มีลูกค้ามาจากทั่วทุกภูมิภาค ลุงหมูเล่าให้ฟังว่า “อันดับแรก คือ ใจรัก รักงานที่เราทำ รักลูกค้าที่มาซื้อ ต้องให้ความจริงใจกับเขา และที่สำคัญต้นพันธุ์เราต้องมีคุณภาพ เราจะให้คำปรึกษาเขาทุกอย่าง ต้องบอกวิธีการปลูก การดูแล อย่างเช่น การปลูกทุกวันนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน เดี๋ยวนี้ต้องมีการยกโคก ช่วยให้ไม้โตเร็ว ลดปัญหาโรครากเน่า โคนเน่า สมัยก่อนจะขุดหลุมลึก เกิดปัญหาโรครากเน่า โคนเน่า เขาก็เลยยกโคก เราก็ต้องแนะนำเขาอย่างนี้ ถ้าเป็นลูกค้าที่ไม่เคยปลูกต้องสอบถามก่อนเลยว่ามีน้ำเพียงพอรึยัง คุณปลูกใหม่ๆ ระบบน้ำต้องเป็นหัวฉีด น้ำถึงจะเพียงพอ พื้นที่ 10 ไร่ ต้องมีสระอย่างน้อย 1 ไร่ การทำอาชีพเกษตร น้ำถือเป็นปัจจัยแรกที่ต้องมี ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ น้ำ นอกจากน้ำแล้วดินต้องดีด้วย ความอุดมสมบูรณ์ต้องเพียงพอและเหมาะสม อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ ความรู้ที่ต้องมี นอกจากนี้แล้วลูกค้าที่ซื้อต้นพันธุ์ไป หากต้องการคำปรึกษาก็สามารถโทรมาสอบถามได้” นอกจากนี้ที่สวนยังมีลูกสาวและลูกเขยเข้ามาสานต่อธุรกิจ โดยดูแลเรื่องการทำตลาดเป็นหลัก โดยนำแนวคิดที่ทันสมัย ใช้สื่อออนไลน์เข้ามาช่วยในเรื่องตลาด เพราะทุกวันนี้ทุกคนหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตทั้งนั้น โดยมีเว็บไซต์ www.kingpandurian.com และเพจเฟสบุ๊ค :จำหน่ายกิ่งพันธุ์ทุเรียน
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายต้นพันธุ์ทุเรียนคุณภาพ
ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายต้นพันธุ์ทุเรียน นอกจากราคาทุเรียนที่สูงแล้ว ต้นพันธุ์ทุเรียนราคาก็ปรับขึ้นตามความเหมาะสม ลุงหมูเล่าว่า “แต่ก่อนราคาต้นพันธุ์ไม่ได้สูงขนาดนี้ ด้วยต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้ราคาต้องปรับตามด้วย ดินที่ใช้ต้องเป็นดินแดง ปี พ.ศ.2560 ต้องใช้เมล็ดทุเรียนจากภาคใต้ทั้งหมดมาทำพันธุ์ ฝนตกชุก ทำให้ผลผลิตน้อย ทำให้เมล็ดขาดแคลน ต้องไปเอามาจากมาเลเซีย ให้ต้นทุนสูง
กับคำถามที่ว่า “ทุเรียนไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า จะเป็นอย่างไร” ลุงหมูให้ความคิดเห็นว่าแต่เดิมนั้นราคาทุเรียนไม่ได้สูงขนาดนี้ เป็นราคาตามท้องตลาดทั่วไป แต่ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคมีกระแสตอบรับที่ดี คือ ตลาดยังมีความต้องการสูง และผู้บริโภคมีหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่นิยมรับประทานทุเรียน โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทองของไทยที่มีเอกลักษณ์รับประทานได้ทั้งผลสดและสามารถนำไปแปรรูปได้ อาทิ ทุเรียนกวน ทอฟฟี่ทุเรียน ทุเรียนทอดกรอบ และทุเรียนฟรีสดราย และเชื่อว่าตลาดยังไปได้อีกไกล ที่สำคัญผลผลิตทุเรียนต้องมีคุณภาพ เน้นคุณภาพ ไม่ตัดทุเรียนอ่อน ต้องรักษาคุณภาพ ควรมีมาตรฐานรับรอง และถึงแม้ราคาจะลดลงมาอยู่ที่ 50-60 บาท ราคานี้ก็สามารถทำให้ชาวสวนอยู่ได้ไม่ลำบาก
จุดเด่นของทุเรียนหมอนทอง
สำหรับจุดเด่นของทุเรียนหมอนทอง เป็นสายพันธุ์ที่มีกลิ่นไม่แรงมาก รสชาติอร่อย หวานมันกำลังดี และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ถ้าหากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และโรคมะเร็งได้ ทุเรียนหมอนทองที่ดีจะต้องมีผลขนาดใหญ่ เนื้อละเอียดและแห้ง ไม่แฉะติดมือ มีสีเหลืองอ่อน เมล็ดเล็กและลีบ ที่สำคัญต้องมีรสชาติที่ไม่หวาน สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลายกว่าสายพันธุ์อื่น
ฝากถึงเกษตรกรชาวสวนทุเรียน
ฝากถึงเกษตรกรที่เริ่มปลูกใหม่ สำหรับหมอนทอง 4-5 ปี ทุเรียนยังไปได้ คนปลูกต้องมีใจรักจริงๆ การดูแลต้องใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ ให้อาหารเพียงพอตามความต้องการ โรคที่สำคัญของโรครากเน่า โคนเน่า ทุเรียน ที่พบมีสาเหตุเกิดจากราไฟทอปธอรา พาล์มิโวรา โดยเชื้อราสามารถเข้าทำลายได้ทุกส่วนของต้น ได้แก่ ใบ กิ่ง ลำต้น ดอก ผล และระบบราก อีกทั้งเชื้อราจะอาศัยอยู่ในดิน และสามารถแพร่ระบาดได้ทั้งในน้ำและในอากาศ ดังนั้นเกษตรกรต้องเดินตรวจสวนบ่อยๆ เพราะโรคหากระบาดจะระบาดอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายนี้ลุงหมูป้าตุ้ยพันธุ์ไม้ ได้จัดกิจกรรมดีๆ เชิญพี่น้องชาวสวนทำบุญในช่วงเดือนตุลาคม ออกพรรษา จะมีการจัดงานกฐินครั้งใหญ่ โดยมีการแจกต้นพันธุ์ทุเรียนจำนวน 3,000 ต้น เพื่อให้พี่น้องชาวสวนได้นำไปปลูกเติบโตในวันข้างหน้า
ขอขอบคุณข้อมูล
สวนลุงหมูป้าตุ้ยพันธุ์ไม้
คุณวรลักษณ์ ละอออ่อน (คุณเหมียว)
คุณณัฐกรณ์ พงพินิท (คุณคิม)
248/1 หมู่ 8 ตำบลแก่งหางแมว อำเภอแก่งห่างแมว จังหวัดจันทบุรี 22160
สนใจสั่งซื้อต้นพันธุ์ทุเรียน
สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ เฟสบุ๊ค : จำหน่ายกิ่งพันธุ์ทุเรียน
line ID : @kingpandurian
โทร.081-761-4575, 081-761-2401