เมื่อพูดถึง “โกโก้” พืชเศรษฐกิจไทยชนิดใหม่ที่เกษตรกรทั่วประเทศกำลังสนใจและจับตามอง สำหรับเกษตรกรที่กำลังมองหาพืชชนิดใหม่มาปลูกทดแทน หรือปลูกเสริมพืชเศรษฐกิจตัวหลักที่ราคากำลังทิ้งดิ่งเหวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทางด้านพืชและปศุสัตว์ วิธีการปลูกโกโก้
ทางด้านนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลก็ช่วยและสนับสนุนดำเนินนโยบายโครงการประกันรายได้เพื่อเป็นการชดเชยให้กับเกษตรกร ซึ่งก็คิดว่าเป็นส่วนที่ดี แต่ก็น่าจะเป็นการช่วยเหลือในระยะสั้นเท่านั้น อย่างไรก็ดีหากจะพูดถึงมาตรการด้านการช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ คิดว่าแต่ละภาคที่รับผิดชอบ ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงคณะรัฐมนตรี ที่ถูกเลือกให้ไปนั่งกุมบังเหียนน่าจะเข้าใจ และไม่พลิกไปมาเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
เอาล่ะ…จากผลกระทบที่ครอบคลุมไปทั่วอาณาจักรไทย เกษตรกรรากหญ้าจะลืมตาอ้าปากได้ พ.ศ.ไหน? ผู้เขียนที่เห็นปัญหาก็มิวายนำปัญหาดังกล่าวมาสะท้อนให้ท่านผู้อ่านที่กำลังติดตามนิตยสาร และเว็บไซต์ “พลังเกษตร” อยู่ในขณะนี้ได้รับรู้ และอาจจะตั้งใจขึ้นมาใหม่ว่า “แล้วมีพืชชนิดไหนที่สามารถแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรได้”
การส่งเสริมการปลูกโกโก้สายพันธุ์ “โกโก้ไทย 1”
โกโก้สายพันธุ์ “โกโก้ไทย 1” คือ พืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่ “พลังเกษตร” ได้กำหนดให้ท่านผู้ติดตามได้รับรู้มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยที่ “พลังเกษตร” มองเห็นถึงอนาคตของเกษตรกรว่าสามารถขายได้ให้กับ “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทที่เข้ามาแนะนำส่งเสริมเกษตรกรปลูกโกโก้สายพันธุ์ “โกโก้ไทย 1” ซึ่งบริษัทฯ ได้พัฒนาสายพันธุ์ออกมาเพื่อให้ตรงต่อความต้องการของเกษตรกรอย่างแท้จริง และพืชที่เกษตรกรนำไปปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ทนร้อนได้ดีในช่วงอากาศหนาวเย็น สามารถยืนต้นอยู่ได้ เพียงแต่ดูแลการให้น้ำอย่างเพียงพอ
สำหรับเกษตรกรที่มีพื้นที่ปลูกในที่ลุ่ม “โกโก้ไทย 1” สามารถยืนต้นอยู่ได้ในช่วงฤดูน้ำหลากถึง 5 เดือน และที่สำคัญสายพันธุ์ “โกโก้ไทย 1” “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” รับซื้อในราคาประกันไว้ที่ 5 บาท/กิโลกรัม อย่างไรก็ดีจากคำชี้แจงของ “ดร.โต” ได้ระบุไว้ว่า ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดโลกว่ามีมากน้อยแค่ไหนอีกด้วย
ซึ่งในปัจจุบันบริษัทจะรับซื้ออยู่ที่ราคา 10 บาท/กิโลกรัม ที่สำคัญเหนือพืชเศรษฐกิจอื่นใด เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทำการดูแลรักษาอย่างง่ายดาย เพียงแต่ท่านทำการดูแลสภาพดินให้มีความสมบูรณ์อยู่เสมอ โดยใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ หรือใช้สูตรจุลินทรีย์ใช้ควบคู่กันไป ปุ๋ยเคมีที่เกษตรกรทุกคนทั่วประเทศที่ใช้กันอยู่ลืมกันไปได้เลย
จุดเริ่มต้นการปลูกมะพร้าว
จากกระแสความต้องการปลูก ที่ “พลังเกษตร” เคยนำเสนอมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะที่ภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดสกลนคร และอุดรธานี นิตยสาร “พลังเกษตร” ฉบับส่งท้ายปี 62 จะพาท่านผู้อ่านไปพบกับ “อาจารย์สมจิตร บุญมาสอน” ถือว่าเป็นอาจารย์วัยเกษียณที่สอนอยู่ที่ “โรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคม” ปัจจุบันท่านอายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 198 หมู่ 6 บ้านไร่ดอนแตง ตำบลวังชะพลู อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร
อาจารย์สมจิตรได้ย้อนอดีตให้ฟังว่า ขณะที่ตัวเองยังรับราชการเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น ที่ได้แบ่งเวลาวันหยุดราชการเข้าไปดูแลสวนมะพร้าวพันธุ์กะทิ ซึ่งเป็นสายพันธุ์เก่าที่พ่อกับแม่ปลูกไว้ 12 ไร่ ตั้งแต่สมัยที่ตนยังเป็นเด็ก ด้วยที่ตนเองเป็นอาจารย์สอนหนังสือ จนกระทั่งได้มาพบรัก และได้แต่งงานกับภรรยา ซึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน การประกอบอาชีพเสริมทางด้านการเกษตรหรือสวนมะพร้าวที่ตนเองยังรักอยู่ ก็คือ เข้าไปดูแลให้ปุ๋ย ให้น้ำ บ้าง
ซึ่งตนเองก็คิดว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัว และสร้างเงินปีหนึ่ง 6 หมื่นบาท ถึงแสนบาทต่อปี ส่งให้ตนเองเรียนจนจบ จนสามารถสอบเข้าได้รับราชการครูจนมาถึงวัยเกษียณ และสร้างความมั่นคงให้กับตนและครอบครัวได้ ก็เพราะอาชีพชาวสวนมะพร้าว
ด้วยอาชีพการทำสวนมะพร้าวที่ยาวนาน ซึ่งพ่อและแม่อาจารย์เป็นผู้บำรุง ปัจจุบันสวนมะพร้าว 12 ไร่ ยังคงเป็นอาชีพหลักของครอบครัวเก่า จากระยะเวลาทำสวนมะพร้าวกะทิ ถ้าเทียบกับอายุอาจารย์สมจิตรกว่า 60 ปี ซึ่งต้นมะพร้าวที่คงอยู่ในปัจจุบัน คือ เป็นรุ่นที่ 2 ที่ได้ทำการปลูกใหม่ “ถือว่าเป็นอาชีพที่พ่อแม่สร้างขึ้นจนเป็นที่รู้จักของพ่อค้า แม่ค้า ที่ทำน้ำกะทิขายอยู่ที่อำเภอพรานกระต่ายได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าที่ทำไอศกรีมขายเข้าไปซื้อในสวน จนปัจจุบันสวนมะพร้าวของเรามีลูกค้าประจำเข้ามาอุดหนุนอยู่เป็นประจำทุกปี”
อาจารย์สมจิตรกล่าวถึงอาชีพทำสวนมะพร้าว ซึ่งเป็นอาชีพที่อาจารย์สุขใจกับรายได้ ที่สามารถสร้างรายได้อยู่ในขณะนี้ และจากภารกิจหลังเกษียณอายุราชการ อาจารย์ได้ให้ความสำคัญในการทำสวนมะพร้าวอย่างจริงจังทางด้านการดูแลและบำรุงตลอดทั้งปี เพื่อผลผลิตตอบรับกลับคืนมาที่เพิ่มมากขึ้น จากนั้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา อาจารย์สมจิตรก็ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนว่า การปลูกโกโก้ไทย 1 น่าจะเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้ได้ดีทีเดียว ขณะเดียวกัน “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” ก็รับซื้ออย่างไม่อั้น ในราคากิโลกรัมละ 10 บาท
สภาพพื้นที่ปลูกโกโก้
“พอดีผมมีที่ว่างอยู่ 1 ไร่ ซึ่งเมื่อก่อนเป็นสวนมะม่วงที่ปลูกมานานพอสมควร หลังจากสภาพลำต้นแก่อายุมากเกินไป ผมเลยตัดโค่นทิ้ง ผมจึงนำคำถามไปถาม ดร.โต ว่า มีที่ไร่เศษๆ จะปลูกโกโก้ได้ไหม ซึ่งดร.โต เองก็ตอบตกลงให้ปลูกโดยไม่ต้องคิด พร้อมให้คำแนะนำว่า สามารถปลูกแซมในสวนมะพร้าวได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งเกษตรกรในจังหวัดชุมพรก็ทำอยู่ในขณะนี้”
อาจารย์สมจิตรให้รายละเอียดก่อนที่จะเตรียมแปลงเพื่อทำการปลูก เริ่มต้นก็ 1 ไร่ พร้อมเล่าถึงความเหมาะสมของสภาพดินที่มีลักษณะดินร่วนปนทราย ซึ่งถือว่าเหมาะสมสำหรับการปลูกโกโก้เป็นอย่างดี ที่สำคัญทางด้านน้ำมีความสะดวกเป็นอย่างยิ่ง เพราะแปลงเพาะปลูกมีร่องน้ำผ่านในฤดูฝน ถือว่าไม่มีปัญหาในเรื่องน้ำเท่าที่ควร อาจจะมีขาดน้ำบ้างในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งอาจารย์ก็แก้ปัญหาโดยการใช้น้ำประปามารดแทน และไม่ได้สร้างปัญหาทางด้านการสิ้นเปลืองเท่าไหร่นัก
ภายใน 1 ไร่ อาจารย์ปลูกโกโก้ไทย 1 ทั้งหมด 120 ต้น เริ่มปลูกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2561 รวมระยะเวลาการปลูกจนถึงปัจจุบัน 1 ปี กับอีก 7 เดือน รวมต้นทุนในการปลูกทั้งหมด 1 หมื่นบาท ซึ่งบริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด จะให้ต้นพันธุ์มา 120 ต้น พร้อมกับปุ๋ยบำรุงดิน 2 ถุง และสารเร่งการเจริญเติบโต 1 ถุง พร้อมกับทำสัญญารับซื้อคืนในระยะเวลา 8 ปี ในราคาประกันที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 5 บาท/กิโลกรัม
วิธีการปลูกโกโก้
หลังจากเตรียมความพร้อมทุกๆ ด้าน เมื่อปลายฤดูร้อนย่างเข้าสู่ฤดูฝนอาจจะได้ลงมือทำการปลูกเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยวิธีการปลูกอาจารย์ได้ให้รายละเอียดว่าตนจะขุดหลุมปลูกในความกว้าง ยาว ลึก ที่ระดับ 40 เซนติเมตร จากนั้นก็นำต้นพันธุ์โกโก้ไทย 1 ปุ๋ยคอก ซึ่งอาจารย์ใช้ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดเตรียมไว้รองก้นหลุม 3 กิโลกรัม/หลุม จากนั้นก็เตรียมสารบำรุงการเจริญเติบโตที่บริษัทฯ ให้มาเพื่อนำมาใส่เป็นชั้นๆ
“เมื่อขุดหลุมเรียบร้อยผมจะนำขี้หมูอัดเม็ดรองก้นหลุมในปริมาณ 1.5 กิโลกรัม จากนั้นก็ใช้ดินกลบปุ๋ยขี้หมูลงไปอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นก็นำสารปรับปรุงดินใส่ลงไปครึ่งกิโลกรัม จากนั้นก็ใช้ดินกลบหน้าอีก 1 ชั้น พร้อมกับใส่ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ด ใส่ลงไปอีก 1.5 กิโลกรัม และกลบดินอีกชั้นหนึ่ง ทำช่องเพื่อนำต้นพันธุ์ลงปลูกได้เลย”
อาจารย์สมจิตรอธิบายถึงรายละเอียดลักษณะการปลูก ซึ่งดูแล้วไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ ภายในระยะการปลูกที่ฝ่ายส่งเสริมแนะนำ คือ 4×4 เมตร ในเรื่องนี้อาจารย์ได้เล่าไว้ ก็คือ จากระยะดังกล่าวซึ่งตนเองก็ไม่ได้วัดไว้อย่างละเอียด ระยะห่างต่อต้นที่ปลูกภายในสวนของตนเองน่าจะอยู่ที่ 3.5×3 เมตร ในระยะดังกล่าวจึงทำให้สามารถปลูกได้ถึง 120 ต้น/ไร่ ซึ่งจากคำแนะนำของฝ่ายส่งเสริมควรปลูกที่ 100 ต้น/1 ไร่ น่าจะเป็นระยะที่เหมาะสมนั่นเอง
หลังจากทำการปลูกเสร็จศัพท์ เมื่อถามถึงลักษณะการให้น้ำ อาจารย์ได้ให้รายละเอียดว่า เริ่มต้นปลูกถือว่าไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่นักในเรื่องการให้น้ำ เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูฝน ขณะเดียวกันสภาพดินภายในสวนถือว่ามีความชุ่มชื้นดีในระดับที่ไม่น่าเป็นห่วง จะมีบ้างในช่วงหน้าแล้งที่ต้องใช้น้ำประปารดวันเว้นวัน แต่ก็ไม่เป็นปัญหามากนัก
ในภาพรวมทางด้านการปลูกถือว่าไม่มีปัญหา ทั้งนี้น่าจะมาจากสภาพดินดี มีความเหมาะสมดีอยู่แล้วนั่นเอง จากประสบการณ์ที่เคยใช้ปุ๋ยเคมีกับต้นมะพร้าวเป็นประจำ อาจารย์สมจิตรเคยนำปุ๋ยเคมีมาลองใส่ดู ผลปรากฏว่าลักษณะต้นที่เจริญเติบโตแบบเปราะบาง ต้นไม่แข็งแรง หักง่าย หลังจากนั้นอาจารย์สมจิตรได้เลิกใช้ปุ๋ยเคมี หันกลับมาใช้ปุ๋ยคอกเหมือนเดิม สิ่งที่ปรากฏให้เห็น คือ ต้นโกโก้มีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว ภายในระยะเวลาปลูกเพียง 5 เดือน เขาก็โตเร็วจนน่าตกใจของคนที่ได้มาพบเห็นตั้งแต่เริ่มปลูก
การบำรุงดูแลต้นโกโก้
“จากที่ได้ปฏิบัติวิธีการปลูกพืชแบบอินทรีย์ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปอบรมการปลูกพืชแบบอินทรีย์กับอาจารย์ยักษ์ที่มาบเอื้อง จังหวัดชลบุรี ที่ผ่านมา ผมก็ปลูกโดยใช้ระบบอินทรีย์อยู่แล้ว นั่นก็คือ ใช้ปุ๋ยขี้หมูอัดเม็ดใส่โคนต้นโกโก้ปริมาณครึ่งกิโลกรัม/ต้น ภายในระยะเวลา 4 เดือน ใส่ 1 ครั้ง โคนต้นโกโก้ผมจะใช้ฟางกลบหน้าดินเพื่อรักษาความชื้นภายในดินให้คงอยู่ได้นานที่สุด”
อาจารย์สมจิตรกล่าวถึงวิธีการดูแลและมั่นใจในระบบอินทรีย์ที่สามารถทำให้ต้นโกโก้เจริญเติบโตได้ดีเกินคาด และปัจจุบันนี้วิธีการดูแลอาจยังได้นำวิธีการห่มดิน โดยใช้ฟางนำมาใช้เพื่อรักษาความชื้น นอกจากนี้ยังได้นำวิธีการทำน้ำหมักเพื่อสร้างจุลินทรีย์ภายในดินเข้ามาใช้อีกขั้นตอนหนึ่ง โดยวิธีการอาจารย์สมจิตรจะทำน้ำหมักจนอายุครบกำหนด หลังจากนั้นจะนำมาใช้ในช่วงที่ใส่ปุ๋ยคอก
ซึ่งปัจจุบันอาจารย์ได้เปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยขี้วัวแทน หลังจากที่ใส่ปุ๋ยขี้วัวแล้ว อาจารย์ก็นำน้ำหมักมาราดอีกหนึ่งขั้นตอน ตามสูตรพระราชาที่ว่า “แห้งชาม น้ำชาม” นั่นก็คือ ใช้ปุ๋ยคอก 1 ชาม/ 1 ต้น ใส่น้ำจุลินทรีย์ที่หมักได้ที่ 1 ชาม/1 ต้น หลังจากที่อาจารย์นำหลักการดูแลดังกล่าวมาใช้ ก็ทำให้ต้นโกโก้เจริญเติบโตเร็ว และสมบูรณ์มากขึ้นกว่าเดิม
“สิ่งที่เห็นเด่นชัด ก็คือ ลักษณะต้นโกโก้บางต้นที่มีลักษณะโครงสร้างลำต้นไม่สมบูรณ์ ใบเหลือง แต่หลังจากนำวิธีการดูแลแบบการให้ปุ๋ยอินทรีย์และบำรุงด้วยสารจุลินทรีย์ ก็ทำให้ต้นโกโก้ที่มีปัญหามีลักษณะสมบูรณ์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน อีกทั้งลำต้นยังแตกใบอ่อนออกมาอย่างสม่ำเสมอ”
เป็นคำกล่าวของอาจารย์สมจิตร และคิดว่าเป็นวิธีการดูแลที่ถูกต้องและถูกทาง จากการดูแลดังกล่าวเพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้กับโครงสร้างลำต้น ภายในระยะเวลาการปลูกเพียง 12 เดือน ก็ทำให้โกโก้ไทย 1 ออกผลผลิตมา 5 ตัน ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้อาจารย์งงงวย และคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ เพราะโดยปกติโกโก้ให้ผลผลิตก็ต่อเมื่อเขาอายุได้ 3-4 ปี ซึ่งเป็นไปตามหลักพันธุกรรมของสายพันธุ์ ลักษณะดังกล่าว “ดร.โต” ท่านก็มาให้คำแนะนำทางด้านการตัดแต่งกิ่ง และควรทำไม้ค้ำยันกิ่งไว้ในกรณีที่ต้นโกโก้ให้ผลผลิตมากถึง 100 ผล/ต้น ลักษณะการออกดอกที่เริ่มจาก 12 เดือน จากนั้นให้นับวันเวลาต่อไปอีก 5 เดือน ก็สามารถเก็บผลผลิตขายได้
การเก็บเกี่ยวผลผลิตโกโก้
สำหรับผลโกโก้ภายในสวนของอาจารย์สมจิตร หลังจากการออกดอกมาถึงปัจจุบันก็เข้าสู่เดือนที่ 7 ซึ่งอาจารย์ได้บอกว่าผลโกโก้ในส่วนที่ขายได้ยังมีไม่มากมายนัก ต้องรอผลผลิตต้นรุ่นที่ 2 ที่กำลังให้ผลผลิตมากมายเลยทีเดียว ต้นหนึ่งสามารถให้ผลผลิตเกิน 100 ลูก เลยก็มี
“จากลักษณะการให้ผลผลิตที่ดี อีกทั้งบริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด ก็เข้ามารับซื้อผลผลิตอย่างแน่นอน ผมคิดว่าการทำสวนโกโก้น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเกษตรกรในช่วงเวลานี้ โดยส่วนตัวผมคิดว่าจะทำการปลูกโกโก้ไทย 1 เพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ผมได้เตรียมแปลงและพร้อมที่จะปลูกเพิ่มอย่างแน่นอน” อาจารย์สมจิตรกล่าวทิ้งท้ายก่อนจากกันในวันนั้น
สำหรับท่านที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด ที่อยู่ 36/133 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบคลองสาม ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 โทร.02-504-2238, 093-232-3399, 082-593-9222, 080-323-2963 E-mail : [email protected], Facebook : cocoathai2017, Line @ : @cocoathai2017, www.cocoathai2017.co.th