สวนละไม เป็นสวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีพื้นที่รวม 500 ไร่ โดยไม้ผล 300ไร่ ที่โอบล้อมไปด้วยป่าเขาที่เป็นธรรมชาติ มีผลไม้ต่างๆ มากมายให้กับนักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองหลากหลายชนิด และยังสามารถเก็บผลไม้สดๆ จากต้นได้ อีกทั้งสะดวก สบาย ด้วยรถบริการชมเข้าสวน ที่จะมอบความรู้ให้กับนักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง
พื้นที่ของสวนละไมตั้งอยู่ในแนวเขตเทือกเขาขุนอินทร์ใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ซึ่ง อ.วังจันทร์ จะเป็นพื้นที่ที่มีผู้คนรู้จักน้อย เนื่องจากเป็นอำเภอที่แยกมาจาก อ.แกลง จึงทำให้เป็นอำเภอเล็กๆ ที่มีเพียง 4 ตำบล เท่านั้น แต่ด้วยพื้นที่และศักยภาพทางด้านการผลิตผลไม้ก็มีมากไม่แพ้อำเภออื่นๆ เลย
คุณไพโรจน์ ปิติพันธรัตน์ ผู้ก่อตั้งสวนละไมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ด้วยพื้นที่เดิมของ สวนละไม จะเป็นพื้นที่ปลูกอ้อยและมันสำปะหลัง และภายหลังเริ่มจะ ปลูกผลไม้ต่างๆ คุณไพโรจน์มองว่าในพื้นที่ 500 ไร่ นี้ น่าจะมีศักยภาพที่จะสามารถทำอย่างอื่นมากกว่าที่จะเป็นสวนผลไม้ธรรมดา เพราะเมื่อนำผลผลิตไปจำหน่ายให้พ่อค้าคนกลางก็มักจะถูกกดราคาเป็นอย่างมาก จึงมีแนวคิดที่จะทำสวนเกษตรในเชิงท่องเที่ยวเพื่อให้มีลูกค้าเข้ามาเที่ยวชมในสวนและสามารถซื้อผลผลิตกลับไปได้เมื่อค้นพบได้แล้วว่าจะทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวจึงจัดวางแผนและแบบแปลนสวนต่างๆ เมื่อ 14-15 ปีที่แล้ว
ด้วยศักยภาพของจังหวัดระยอง เป็นพื้นที่ที่สามารถปลูกผลไม้ได้หลากหลายชนิดมาก และไม้ชนิดแรกที่คุณไพโรจน์นำมาปลูก คือ ลำไย เพราะคิดว่าทางจันทบุรีสามารถปลูกได้ ทางระยองก็น่าจะสามารถปลูกได้เช่นกัน เนื้อที่ในการปลูกทั้งหมดประมาณ 100 ไร่ ซึ่งลำไยเป็นพืชชนิดต้นๆ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับสวนละไมได้เป็นกอบเป็นกำ เมื่อปลูกลำไยแล้วก็วางแผนปลูกเงาะ ชมพู่ มะม่วง ทุเรียน มะยงชิด ฯลฯ ส่วนของพืชล้มลุกก็จะมีสตรอเบอรี่ บลูเบอร์รี่ องุ่น ซึ่งอยู่ในช่วงของการดำเนินการปลูก เพราะทางภาคอีสานสามารถปลูกสตรอเบอรี่ได้ ทางภาคตะวันออกก็คงจะไม่มีปัญหา ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของจังหวัดระยองได้ ที่จะสามารถทำให้เป็นต้นแบบของจังหวัด หรืออาจจะเป็นที่ศึกษาดูงานในอนาคตได้
อัตราการเข้าชมและเที่ยวในสวนละไมสำหรับลูกค้าทั่วไป
ลูกค้าคนไทย
– ผู้ใหญ่ ราคา 300 บาท/ท่าน
– เด็ก ราคา 150 บาท/ท่าน โดยเด็กจะคิดตามความสูงมาตรฐาน สถานที่ท่องเที่ยว
– เด็กมีความสูงมากกว่า 120 ซม. คิดราคาผู้ใหญ่ 300 บาท
– เด็กความสูงตั้งแต่ 100-120 ซม. คิดราคา 150 บาท
– และเด็กความสูงน้อยกว่า 100 ซม. เข้าฟรี
ลูกค้าชาวต่างชาติ
– ผู้ใหญ่และเด็กความสูงตั้งแต่ 120 ซม. ราคา 400 บาท/ท่าน
– เด็กความสูงน้อยกว่า 120 ซม. ราคา 250 บาท/ท่าน
กิจกรรมต่างๆ ภายใน สวนละไม
เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง สวนละไม เรียบร้อยแล้วก็จะเข้ามาในอาคารจุดจำหน่ายบัตร โดยทางสวนละไมจะมีพนักงานคอยดูแลการจำหน่ายบัตร 3-4 คน และให้คำแนะนำนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ของสวนละไม นักท่องเที่ยวซื้อบัตรเรียบร้อยแล้วจะมีรถรางให้บริการเข้าพาชมสวน จุดแรก คือ เข้าไปสวนเงาะและมังคุดก่อน นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินลงไปเด็ดรับประทานกับต้นได้เลย ไม่จำกัดปริมาณ แต่มีเรื่องขออย่างเดียว คือ อย่าหักกิ่งต้นไม้อย่างเดียว
เมื่อทานเสร็จแล้วก็จะสามารถรอรถราง ซึ่งสวนละไมจะมีรถรางให้บริการตลอด หรือจะเดินไปจุดที่ 2 ก็ได้ ที่จะเป็นอาคารบุฟเฟ่ต์ ระหว่างทางจะผ่านสวนมะละกอ มะม่วง ชมพู่ ลองกอง และสวนทุเรียน ตรงสวนทุเรียนนี้จะมีอาคารบุฟเฟ่ต์ประมาณ 3 หลังใหญ่ ให้บริการ
ในจุดที่ 2 นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปรับประทานผลไม้บุฟเฟ่ต์ได้ โดยจะมีพนักงานให้การต้อนรับและให้บริการอยู่ โดยจะมีทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง และลำไย ให้บริการ และยังมีข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน และส้มตำ ไว้ให้บริการด้วย นักท่องเที่ยวสามารถรับประทานผลไม้และสิ่งต่างๆ ในอาคารนี้ได้ ไม่จำกัดทั้งปริมาณการทานและเวลา ซึ่งทุเรียนของสวนละไมจะมีพันธุ์หมอนทอง ชะนี ที่นักท่องเที่ยวต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นไฮไลท์ของสวนละไมเลยทีเดียว เมื่อทานเสร็จจนอิ่มแล้วก็สามารถเดินชมสวนลองกองหรือทุเรียนได้ แล้วแต่นักท่องเที่ยว เพราะสวนละไมได้ให้อิสระแก่นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เมื่อเสร็จแล้วก็จะนั่งรถ หรือเดินต่อมายังอาคารที่ 3 คือ อาคารกลาง อาคารนี้จะเป็นลักษณะของพืชผักสวนครัว เป็นลักษณะการปลูกผักหลากหลายชนิด ตั้งแต่ขิง ข่า ตะไคร้ ไปจนโหระพา ฟัก แฟง แตงกวา โดยอาคารนี้มุ่งหวังให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ว่าเป็นพืชชนิดต่างๆ เป็นอย่างไร ได้ศึกษาเรียนรู้ และก็มีจุดจำหน่ายพืชผัก ที่ทั้งหมดล้วนแล้วเป็นออร์แกนิค ไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ นักท่องเที่ยวท่านใดสนใจก็จะสามารถซื้อกลับบ้านได้
เมื่อเสร็จแล้วก็จะมีรถมาส่งที่จุดจำหน่ายตั๋ว พอถึงจุดนี้นักท่องเที่ยวท่านใดที่สนใจไปชมหรือไปถ่ายรูปกับแกะได้ นี่คือโปรแกรมทั้งหมดที่สวนละไมวางไว้ในขณะนี้
การตลาดในช่วงปีแรกของสวนละไม
การเปิดสวนละไมในปี พ.ศ.2558 นี้ เป็นปีที่ 2 ที่สามารถให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาชมสวนและทานผลไม้บุฟเฟ่ต์ได้ โดยสวนจะเปิดประมาณเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ประมาณ 2-3 เดือน ปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวดีอย่างมาก ทั้งในปีแรกและปีที่ 2 เนื่องด้วยมีการเตรียมตัวตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว จึงทำให้สามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในช่วงเปิดตัวแรกๆ ของ สวนละไม เองมีการทำตลาด โดยการไปแจกโบร์ชัวร์ที่เมืองทองธานี ศูนย์สิริกิติ์ และแนะนำการท่องเที่ยวให้กับผู้ที่สนใจ และก็มีส่วนที่เป็นสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดระยอง ที่เข้ามาให้การสนับสนุน และเป็นผู้นำให้สวนละไมออกไปทำตลาดในต่างจังหวัด ทั้งที่อีสาน ภาคกลาง เหนือ และต่อมาได้มีการทำเวปไซต์ ซึ่งเป็นช่องการสื่อสารที่เร็ว ทางสวนละไมจะทำตลาดโดยเน้นคุณภาพเป็นหลัก ทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามามีความสุขกลับไป และก็จะมีการบอกต่อเอง ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเป็นผู้ที่ทำตลาดให้กับสวนโดยตรง
ในปีแรกมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในสวนแล้วประมาณ 20,000 คน ซึ่งถือว่าสร้างความพึงพอใจให้กับคุณไพโรจน์ เนื่องจากไม่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวถึงประมาณนี้ เหตุเพราะไม่มีคนรู้จักสวนละไม เพราะเป็นสวนใหม่ และไม่มีสื่อสิ่งพิมพ์ หรือวิทยุ โทรทัศน์ ที่เข้ามาให้การสนับสนุน ในช่วงแรกซึ่งที่สวนละไมได้มีชื่อเสียงขึ้นมาได้เป็นเพราะลูกค้าช่วงแรกๆ ที่เข้ามาแล้วเกิดความประทับใจ และถ่ายทอดลงในสื่อออนไลน์ ทำให้การตลาดของสวนละไมเริ่มมาก นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสวนละไมอยู่ที่ประมาณ 2,000 คน ต่อวัน เฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ จะต้องใช้ทุเรียนไม่ต่ำกว่า 6 ตัน โดย 1 คน จะทานเฉลี่ยคนละ 1 กิโลครึ่ง โดยปีนี้ตั้งเป้านักท่องเที่ยวที่เข้ามาสวนละไมอยู่ที่ 50,000 คน ขึ้นไป
[wpdevart_like_box profile_id=”108666299214543″ connections=”show” width=”300″ height=”220″ header=”big” cover_photo=”show” locale=”th_TH”]