“ส้มโอทับทิมสยาม” ถือว่าเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามมีลักษณะเด่น คือ รสชาติหวานเปรี้ยวนิด ๆ เนื้อสีแดงใสคล้ายทับทิม ผลมีผิวสีเขียวเข้ม มีขนอ่อนปกคลุมทั่วผลราวกับกำมะหยี่ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค และเป็นที่ต้องการของตลาด และยังได้รับการรับรองมาตรฐาน GI (Geographical Indication) ซึ่งมาตรฐานนี้ คือ เครื่องหมายบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เป็นเครื่องหมายรับรองจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่ช่วยยกระดับการยอมรับ และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าส้มโอที่ได้ไปนั้นเป็นส้มโอที่ได้จากแหล่งผลิตจริง
การปลูกส้มโอ
บ้านแสงวิมาน หมู่ที่ 13 ตำบลคลองน้อย อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรม ชาวสวนส่วนใหญ่เน้นปลูกส้มโอสายพันธุ์ทับทิมสยามเป็นหลัก ซึ่งเดิมทีชาวบ้านแสงวิมานเป็นหมู่บ้านที่อพยพมาจากจังหวัดสมุทรปราการ โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตร มีปลูกส้มบางมด ทำนาข้าว และมีการทำสวนเพียงเล็กน้อย โดยมีเกษตรกรบางท่านทำสวนส้ม นำกิ่งพันธุ์นำมาจากบางมด แต่ด้วยสภาพพื้นที่เป็นลุ่มน้ำ มักพบกับปัญหาเรื่องน้ำ อีกทั้งแมลง ศัตรูพืช และโรคพืช รบกวน ทำให้ชาวแสงวิมานหันมาปลูกส้มโอแทน ซึ่งเหมาะสมกับสภาพพื้นที่มากกว่า โดยครั้งแรกได้ทดลองปลูกส้มโอสายพันธุ์ทองดี ชาวบ้านได้นำต้นพันธุ์มาจากสามพราน อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม มาปลูก และประสบความสำเร็จในเรื่องของส้มโอ ส่งผลให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคใต้
ต่อมาในปี พ.ศ.2523 คุณสมหวัง มัสแหละ ได้ไปเจอส้มโอพันธุ์พื้นบ้าน ซึ่งมีลักษณะพิเศษเป็นส้มโอที่มีผลเหมือนพันธุ์ขาวพวง มีกุ้งเนื้อสีชมพูค่อนข้างแดง เป็นพันธุ์พื้นเมือง ผลมีขนาดใหญ่ แต่มีรสขม เมื่อนำมาทดลองปลูกที่บ้านแสงวิมาน ผลปรากฏว่าออกผล และมีรสชาติหวาน ผิวผลมีสีเขียวเข้ม และมีขนอ่อนนุ่มปกคลุมทั่วผล จากนั้นได้มีการปรับปรุงคุณภาพ สายพันธุ์ แบบภูมิปัญญาท้องถิ่น ใช้เวลาหลายปี ในที่สุดก็ได้ส้มโอพันธุ์เนื้อสีแดงเข้มแบบสีทับทิม รสชาติหวาน หอม นุ่ม จึงมีการตั้งชื่อขึ้นมาใหม่เป็นส้มโอ “พันธุ์ทับทิมสยาม”
จุดเริ่มต้นการปลูกส้มโอทับทิมสยาม
คุณสกุล ซอแก้ว สมาชิกสหกรณ์ กลุ่มที่ 17 บ้านแสงวิมาน หนึ่งในสมาชิกสหกรณ์ปากพนัง เข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์เมื่อปี พ.ศ.2545 สาเหตุที่ทำให้ตนเข้าเป็นสมาชิกเนื่องด้วยคุณพ่อก็เป็นสมาชิกสหกรณ์ สภาพคล่องเรื่องของอาชีพ และการเงิน ต้องยอมรับเลยว่าอาชีพเกษตรเป็นอาชีพที่เสี่ยง ทั้งในเรื่องของสภาพอากาศ เรื่องราคา ทราบกันดีว่าราคาเดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง ไม่แน่นอน ส่งผลให้รายได้ก็ไม่แน่นอนเช่นกัน จึงเข้ามาเป็นสมาชิกสหกรณ์ เมื่อได้เข้ามาเป็นสมาชิกแล้วกลับรู้สึกอุ่นใจ และมีความมั่นใจ เนื่องจากสหกรณ์มีความมั่นคง มีระบบช่วยเหลือเกษตรกรผู้เป็นสมาชิกอย่างเต็มที่ และมีการรวมกลุ่ม ข้อดีทำให้เรารู้จักกับเครือข่ายต่างๆ และที่สำคัญ คือ เราเป็นเจ้าของ เรามีสิทธิ์ออกเสียงเสนอสิ่งต่างๆ ที่เห็นว่าดี และเป็นประโยชน์ต่อสมาชิก ตอนนี้ทางสหกรณ์ผลิตปุ๋ยเองจากเครื่องผสมปุ๋ย TP ONE ซึ่งตนมองว่าเป็นผลดีต่อสมาชิกอย่างมาก เพราะสามารถซื้อปุ๋ยได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด และที่สำคัญได้ปุ๋ยที่ดี มีคุณภาพ ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิต ให้แก่เกษตรกร
คุณสกุลประกอบอาชีพเกษตรมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีพื้นที่ทั้งหมด 6 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่ปลูกส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามทั้งหมด จนเมื่อปี พ.ศ.2559 เจอปัญหาน้ำท่วมหนัก ทำให้ส้มโอเสียหายเกือบทั้งหมด แต่ยังมีบางส่วนที่ยังให้ผลผลิตได้ ทำให้คุณสกุลต้องปลูกส้มโอใหม่เพื่อทดแทนต้นที่ตายลงไป และได้ป้องกันน้ำท่วม โดยการยกโคกให้สูงเพื่อหนีน้ำ อีก 3-4 ปี ส้มโอทับทิมสยามของคุณสกุลจะให้ผลผลิตได้อย่างเต็มที่ และเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคอย่างแน่นอน เพราะมีต้นส้มโอเกือบ 300-400 ต้น ระหว่างที่รอผลผลิตส้มโอ คุณสกุลได้นำกระเจี๊ยบเขียว และมะละกอ มาปลูกรอ เพื่อสร้างรายได้ระหว่างที่รอผลผลิตส้มโอ
สภาพพื้นที่ปลูกส้มโอ
สิ่งสำคัญของการปลูกพืชทุกชนิด คือ ดิน หากจะปลูกพืชต้องรู้จักสภาพดินในพื้นที่ของตนเองเสียก่อน พื้นที่ของคุณสกุลจะมีปัญหาดินกรด เพราะทำการเกษตรมานาน และขาดการปรับปรุงบำรุงดิน ก่อนหน้านี้เคยปลูกผัก ใช้ปุ๋ยยูเรียเยอะมาก ส่งผลให้ดินเป็นกรด เมื่อหันมาปลูกส้มโอต้องบำรุงและฟื้นฟูอย่างหนัก โดยหน่วยงานกรมพัฒนาที่ดินได้เข้ามาดูแลเรื่องนี้ ช่วยตรวจสภาพดิน และแนะนำวิธีปรับปรุงบำรุงดินให้ดีขึ้น
ขั้นตอนการปลูกส้มโอทับทิมสยาม เริ่มต้นด้วย “การเตรียมดิน” จะมีการพักหน้าดินก่อนลงปลูกประมาณ 2-3 เดือน จากนั้นทำการปรับพื้นที่ยกโคกให้สูง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม ซึ่งระยะห่างแต่ละต้นอยู่ที่ 5 เมตร โดยระยะนี้จะง่ายต่อการจัดการ ทั้งในเรื่องของการให้ปุ๋ย การตัดแต่งกิ่งและใบ และที่สำคัญการปลูกระยะนี้ทำให้เพิ่มจำนวนต้นต่อไร่ได้มากขึ้น จากนั้นจึงเริ่มเตรียมหลุมปลูก โดยขุดหลุมความลึกไม่ต้องมาก ให้พอต้นไม้ลงหลุมได้ จากนั้นรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยเคมี เอาขี้วัวมาใส่ให้พูน แล้วค่อยแหวกเอาต้นกล้าส้มโอลงปลูกได้
การให้น้ำและปุ๋ยต้นส้มโอ
การให้น้ำจะใช้วิธีการให้น้ำแบบระบบสปริงเกลอร์ ในระยะที่ปลูกส้มโอใหม่ๆ ต้องหมั่นให้น้ำสม่ำเสมอจนกว่าจะตั้งตัวได้ ต้นส้มโอเล็กอายุ 1-3 ปี ให้น้ำ 3 วัน/ครั้ง ต้นส้มโอใหญ่อายุ 4 ปีขึ้นไป จะให้น้ำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ช่วงที่มีผลผลิตควรให้น้ำ 2-3 วัน/ครั้ง
การให้ปุ๋ยควรใส่ทั้งปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ ควบคู่กันไป ช่วงออกผลให้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ก่อนเก็บเกี่ยวช่วงนี้ดูแลเป็นพิเศษ ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือสูตร 0-0-60 ใส่ 2 ครั้ง ต้นละ1.5-2 กิโลกรัม สูตรนี้จะช่วยบำรุงให้เรื่องของความหวาน และสร้างเนื้อ ในช่วงนี้จะเน้นฉีดพ่นแคลเซียม และโบรอน อาหารเสริมทางใบ เพื่อมาช่วยในเรื่องของสีเนื้อใน หลังตัดผลผลิตแล้วจะบำรุงต้นด้วยปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยเคมีสูตร 25-7-7
การป้องกันกำจัดโรคและแมลง
โรคและแมลงช่วงที่ส้มโอติดผลผลิตควรดูแลและบำรุงเป็นพิเศษ ระวังเรื่องของหนอนเจาะ และวัชพืช อย่าให้มีโดยเด็ดขาด โรคที่พบในพืชตระกูลส้ม คือโรคแคงเกอร์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มักเกิดที่ใบอ่อน และผลยังอ่อนอยู่ แรกๆ จะเห็นเป็นจุดใสๆ ขนาดเล็กๆ เท่ากับหัวเข็มหมุด สีเหลืองอ่อน และกระจายไปทั่ว ต่อมาขยายใหญ่โต และนูนทั้งด้านบน และด้านล่าง ใบแผลจะกลายเป็นสีเหลือง ภายในแผลมีลักษณะขรุขระ ถ้าเป็นมากอาจทำให้ใบร่วง
แนวโน้มในอนาคต
อนาคตตลาดส้มโอทับทิมสยาม คุณสกุลมองว่า “มองอนาคตข้างหน้าก็อยากปลูกอย่างอื่นเพิ่มแน่นอน ตอนนี้มองส้มจุก เพราะตนมองว่าตอนนี้ดังครึกโครมไปถึงเมืองจีนแล้ว กลัวปัญหาล้นตลาด อีกอย่างเรื่องราคามันลงแล้วจะขึ้นยาก และของเราจะสู้เขายาก เนื่องจากหมู่บ้านแสงวิมานพื้นที่น้อย ปลูกส้มโอแบบวิถีภูมิปัญญา ไม่ได้ปลูกแบบธุรกิจ ขายน้อย แต่เน้นขายคุณภาพ ส้มโอดี ส้มโอของแท้ ต้องมาจากแสงวิมานเท่านั้น” และที่สวนตอนนี้ทำแบบคุณภาพจริงๆ เพราะได้การรับรองมาตรฐาน Good Agriculture Practices เรียกย่อๆ ว่า GAP และเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร “Q” เพราะตนเน้นส้มโอปลอดภัยนั่นเอง
การทำอาชีพเกษตรต้องเสี่ยงหลายด้าน ไม่ว่าจะเรื่องราคาตกต่ำ ดินฟ้าอากาศ สิ่งนี้เป็นปัจจัยที่ควบคุมยาก แต่สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ และทำได้ง่าย คือ การหันมารักสุขภาพ โดยลดการใช้สารเคมี ทำเกษตรให้ปลอดภัย ลดความเสี่ยงเรื่องสุขภาพ และหากใครที่มีที่ดินอยู่แล้วอย่าปล่อยโอกาส อยากให้มาสร้างพลังสีเขียว เป็นอาชีพที่เติบโตได้ดี และมีความสุข แม้เงินไม่มาก แต่ความสุขด้านจิตใจดีกว่าแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูล
คุณสกุล ซอแก้ว หมู่ 13 ตำบลคลองน้อย อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช โทร.082-448-5250
สหกรณ์การเกษตรปากพนังจำกัด
30/6-8 ถนนศรีสมบูรณ์ ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 80140 โทร.075-370-772