แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง ตลาดมีอนาคต วิธีการปลูกและบำรุงดูแล

โฆษณา
AP Chemical Thailand

การปลูกแก้วมังกร

ในฉบับนี้ทางทีมงานเมืองไม้ผลได้หยิบเรื่องราวของเกษตรกรชาวสวนท่านหนึ่งที่ประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่เติบโตมากับอาชีพเกษตรกรรม จึงทำให้เขาปลูกฝังในการทำอาชีพนี้มาโดยตลอด คุณโสภณ อุดมโภชน์ เจ้าของสวนแก้วมังกรพันธุ์แดง ในเนื้อที่ 10 ไร่ ปลูก แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง และขาว 1,700 หลัก อยู่ได้ด้วยประสบการณ์ แต่เกษตรกรท่านนี้อาศัยประสบการณ์ที่มีอยู่จัดการดูแลรักษาสภาพของต้นแก้วมังกรไม่ให้เกิดโรค

1.คุณโสภณ อุดมโภชน์ เจ้าของสวนแก้วมังกร
1.คุณโสภณ อุดมโภชน์ เจ้าของสวน แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง

ถึงแม้ว่าราคาจะตกต่ำก็ตาม แต่เขาก็เชื่อว่าแก้วมังกรของเขายังขายได้ ด้วยความที่ไม่มีโรคจึงได้ปลูกไว้ต่อไป เพราะการลงทุนเพียงครั้งเดียวและไม่มากนัก เก็บผลผลิตได้เรื่อยๆ จนมาถึงในระยะหลังๆ ราคาแก้วมังกรดีขึ้น ทำรายได้ให้มากกับครอบครัว

Advertisement Banner by บริษัท โซตัส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด www.sotus.co.th
Advertisement Banner by บริษัท โซตัส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด www.sotus.co.th

คุณโสภณเล่าว่า ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม เขาเป็นลูกคนโตเรียนจบ ม.3 ต้องออกมาช่วยพ่อ-แม่ทำสวนตั้งแต่เด็กๆ ถูกปลูกฝังการทำสวนมาโดยตลอด ทำให้เรียนรู้เทคนิค ขั้นตอนการปฏิบัติ การดูแลบำรุงสวน เรียนรู้ทุกขั้นตอน จึงทำให้มีความรู้ในเรื่องการทำเกษตรกรรม และได้อาศัยประสบการณ์ต่อยอดมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อก่อนปลูกหลายอย่าง เช่น ส้ม มะนาว ชมพู่ เป็นต้น ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ทำให้รู้ว่าแต่ละอย่างมีการดูแลที่แตกต่างกัน

2.ใช้ท่อปูนซีเมนต์ขนาดหน้า 8 ทำเป็นหลัก
2.ใช้ท่อปูนซีเมนต์ขนาดหน้า 8 ทำเป็นหลัก

สภาพพื้นที่ปลูกแก้วมังกร

โดยเริ่มมาปลูกแก้วมังกรได้ 8 ปี เนื่องจากมีเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง ปลูกกันมาก จึงได้อาศัยกิ่งพันธุ์จากญาติมาปลูก ทำให้ประหยัดการลงทุนตรงนี้ไป เริ่มปลูกแรกๆ ก็เครียดลงทุนสูงพอสมควร และในการปลูกแก้วมังกรครั้งนี้ใช้พื้นที่เดิมที่ปลูกมะนาวอยู่ จึงได้โค่นมะนาวทิ้งมาปลูกแก้วมังกรแทน

ช่วงแรกๆ ราคาแก้วมังกรไม่ดี แต่ด้วยที่สภาพของต้นสมบูรณ์ดี ไม่เกิดโรค จึงได้ปลูกไว้ ถือว่าเป็นการเริ่มปลูกที่มากพอสมควรในพื้นที่ 10 ไร่ เดิมทีเป็นพื้นที่ปลูกมะนาวมาก่อน ธาตุอาหารในดินมีอยู่แล้วใช้ร่องเดิม ลงทุนในการซื้อท่อปูนซีเมนต์หน้า 8 เพราะมีความแข็งแรง คงทน ปักลงดิน 70 เซนติเมตร สูงประมาณ 150 เซนติเมตร การจัดการดูแลทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมส่วนหนึ่ง การให้น้ำ ปุ๋ย ยาบำรุง ต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด อยู่ที่ธรรมชาติ 50 % และการบำรุงดูแลอีก 50 %

แก้วมังกรเป็นพืชที่แปรปรวนตามสภาพอากาศได้ง่าย แดดดีจะแดงไว ฝนตกมาให้ดอกออกมากเกิน แต่สภาพอากาศไม่ดีดอกก็จะหลุดร่วง และผลผลิตที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมส่วนหนึ่งอีกเช่นกัน แต่การดูแลบำรุงเป็นการช่วยอีกทางให้ผลผลิตออกดี เพราะฉะนั้นการจัดการดูแลเป็นสิ่งสำคัญต่อการให้ผลผลิตของแก้วมังกร นอกจากนี้สภาพภูมิอากาศของประเทศไทยก็เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของแก้วมังกรอีกด้วย จึงทำให้พืชตัวนี้เหมาะกับการปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจในประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน

โฆษณา
AP Chemical Thailand
3.แก้วมังกรเริ่มออกดอก
3.แก้วมังกรเริ่มออกดอก แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง

สายพันธุ์แก้วมังกร

โดยเกษตรกรของไทยเราได้ปลูกทั้งหมด 2 สายพันธุ์ ได้แก่

1.พันธุ์เวียดนาม (เนื้อขาว เปลือกสีแดง)

2.พันธุ์ไต้หวัน หรือพันธุ์เนื้อสีแดง (เนื้อสีแดง เปลือกสีแดง)

  • พันธุ์เวียดนาม มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ลักษณะลูกทรงรี มีกลีบเลี้ยงแข็งยาวสวยงาม และเก็บได้นานกว่าพันธุ์

อื่นๆ ขนาดผลใหญ่ประมาณ 250-800 กรัม

  • พันธุ์ไต้หวัน หรือพันธุ์เนื้อสีแดง มีรสชาติหวานกว่าพันธุ์เวียดนาม และมีเนื้อสีแดงเป็นจุดเด่น กลีบเลี้ยงสั้น ลูกกลม ขนาดผลใหญ่ 250-600 กรัม

หลังจากต้นแก้วมังกรเจริญเติบโตมาได้ประมาณ 8 เดือน มันจะเริ่มมีดอกตูมจนกลายเป็นดอกและผลในเวลาต่อมา ประมาณ 45 วัน ผลแก้วมังกรมีรูปทรงเป็นทรงกลมรี สีของเปลือกแก้วมังกรมีลักษณะเป็นสีแดงม่วงหรือสีบานเย็น มีกลีบเลี้ยงสีเขียวติดอยู่รอบผล ผลแก้วมังกรใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 300-600 กรัม เมื่อผ่าผลจะเห็นเนื้อมีลักษณะสีขาวนั้นเป็นพันธุ์เวียดนามหรือพันธุ์ไทย และเนื้อผลจะมีสีแดงหรือสีชมพู เมื่อผลนั้นเป็นพันธุ์เนื้อแดง โดยมีเมล็ดสีดำเล็กคล้ายๆ เม็ดงา หรือเม็ดแมงลัก กระจายฝังอยู่ทั่วเนื้อ รสชาติของแก้วมังกรโดยทั่วไปมีรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ

แก้วมังกรเป็นพันธุ์ไม้เลื้อยในตระกูลตะบองเพชร มีสีเขียวเข้มตลอดลำต้น ลำต้นเลื้อยของแก้วมังกรนั้นเป็นกิ่ง 8 แฉก และมีรอยหยักโดยตลอด รูปร่างนี้จึงดูคล้ายครีบมังกร แต่แฉกของแก้วมังกรนั้นจะอวบน้ำเต่งตึง แท้ที่จริงแล้วนั้นกิ่งที่เราเห็นไม่ใช่ลำต้นที่แท้จริง แต่เป็นใบที่เปลี่ยนรูป ลำต้นจริงๆ นั้นอยู่ภายในศูนย์กลางของแฉก ซึ่งก็เป็นลักษณะของตะบองเพชรรูปแบบหนึ่ง ตาข้างๆ ของต้นแก้วมังกรจะมีหนามอยู่โดยทั่วไป ตำแหน่งที่มีหนาม นั่นคือ ส่วนที่เกิดเป็นดอกและผลแก้วมังกร

โฆษณา
AP Chemical Thailand
4.ผลดกเต็มต้น
4.ผลดกเต็มต้น

สรรพคุณของแก้วมังกร

แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่รับประทานเป็นยาเพื่อบรรเทาอาการโรคต่างๆ ดังนี้

  • โรคความดันโลหิต โรคเบาหวาน
  • ลดความอ้วน เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ
  • ช่วยในการขับถ่ายสะดวก เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีกากเยื่อใยสูง
  • บำรุงผิวพรรณ กระดูกและฟันแข็งแรง
  • ช่วยดูดซับสารพิษในร่างกาย เช่น สารตกค้างจากยาฆ่าแมลงเกี่ยวกับพืชผักที่เรารับประทานกันทุกตัว สารตะกั่วตกค้างที่มาจากควันท่อไอเสียรถยนต์ และสารอื่นๆ
  • ลดการเกิดมะเร็ง
5.ระยะปลูกประมาณ 2.2 เมตร
5.ระยะปลูกประมาณ 2.2 เมตร

วิธีการปลูกและบำรุงดูแลแก้วมังกร

เมื่อเตรียมดินยกร่องเรียบร้อย นำท่อขนาดหน้า 8 ปักลงดินประมาณ 70 เซนติเมตร ให้ท่อปูนซีเมนต์มีความสูงจากพื้นดินประมาณ 150 เซนติเมตร เป็นระดับที่เหมาะสมกับการปลูกแก้วมังกร และระยะปลูกประมาณ 2.2 เมตร ปลูกสับระหว่างเพื่อให้ทรงพุ่มไม่ชนกัน หลังจากนั้นนำกิ่งพันธุ์ที่เตรียมไว้ปลูกลงไปกับหลักปูนซีเมนต์ 1 หลัก ต่อกิ่งพันธุ์ 4 กิ่ง ให้น้ำ ใส่ปุ๋ย บำรุงอีกประมาณ 7-8 เดือน เริ่มให้ผลผลิต

เมื่อกิ่งเริ่มเลื้อยก็ให้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก มูลวัว ส่วนปุ๋ยเคมีสูตรเสมอบ้าง เร่งบ้าง ดูความสมบูรณ์ หรือช่วงที่พืชต้องการปุ๋ยสูตรอะไร อย่างช่วงใกล้ให้ผลผลิตก็ใส่สูตรเร่ง 25-7-7 เดือนละครั้ง ส่วนการให้น้ำ แก้วมังกรเป็นพืชที่ไม่ใช้น้ำมาก แต่ต้องให้อาทิตย์ละครั้ง โดยให้ทางเรือรดน้ำ โดยเฉพาะหน้าร้อน ส่วนฤดูฝนไม่ต้องรดน้ำ เพราะพืชชนิดนี้ไม่ชอบน้ำมากนัก เป็นพืชตระกูลเดียวกับตะบองเพชร เพราะฉะนั้นจะไม่สิ้นเปลืองน้ำ

6.แก้วมังกรที่ยังแดงไม่เต็มที่
6.แก้วมังกรที่ยังแดงไม่เต็มที่

การป้องกันและกำจัดโรค แมลง และวัชพืช

จะมีเรื่องเพลี้ยที่สร้างปัญหา เพลี้ยแป้งจะไปดูดน้ำเลี้ยงกับกิ่ง ทำให้กิ่งไม่สมบูรณ์ ส่วนเพลี้ยไฟจะไถผลของแก้วมังกรเป็นริ้วรอย ทำให้ผลของแก้วมังกรเสียหาย ไม่น่ารับประทาน จะส่งออกจำหน่ายไม่ได้ จะใช้ยาฆ่าแมลงฉีดพ่น 10-15 วัน/ครั้ง ส่วนอีกโรคจะเป็นเชื้อราจะเกิดมากโดยเฉพาะฤดูฝน ต้องตัดส่วนที่เป็นโรคออกเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค เรื่องวัชพืชจะใช้ยากลุ่มไกลโคเสดฉีดพ่นเดือนละครั้ง โดยพยายามฉีดพ่นให้ต่ำๆ จะไม่อันตรายต่อผลผลิตหรือต้นแก้วมังกรแน่นอน

7.ใช้เรือในการเก็บผลผลิต
7.ใช้เรือในการเก็บผลผลิต
แก้วมังกรที่แดงเต็มที่
แก้วมังกรที่แดงเต็มที่

การเก็บเกี่ยวผลผลิต แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง

ช่วงเดือนเมษายนเริ่มมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวเรื่อยๆ จนถึงเดือนตุลาคม โดยจะเริ่มนับวันจากการดอกบาน 25-26 วัน ก็จะสามารถเก็บผลผลิตได้ แต่ถ้าอากาศแปรปรวน แดดไม่จัดพอ อาจอยู่ที่ 26-27 วัน เพราะการที่ผลของแก้วมังกรจะแดงขึ้นอยู่กับแสง ปริมาณของแสงที่จะได้รับ ผลผลิตที่ได้ต่อ 1 หลัก อยู่ที่ 700 กิโลกรัม ส่วนการเก็บจะใช้กรรไกรตัด บางครั้งเมื่อดอกออกมามากจนเกินไปจะทำให้แย่งอาหาร เช่น ออกมา 5 ดอก ติดกัน ก็จะหลุดออกเหลือ 2-3 ดอก โดยธรรมชาติพืชจะจัดการเองเพื่อความสมบูรณ์และอยู่รอด

ในบางครั้งเจ้าของสวนต้องการอิงราคาในช่วงที่ราคาดี แต่ผลผลิตยังไม่แดงพอ อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ที่ตลาดว่ารับได้ไหม บางตลาดรับได้ แต่แก้วมังกรจะแดงเป็นปกติภายหลังตอนวางจำหน่ายที่ตลาดเช่นเดิม

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เมื่อหมดช่วงฤดูเก็บเกี่ยวประมาณเดือนตุลาคม ช่วงเดือนพฤศจิกายนจะเริ่มตัดแต่งกิ่งโดยใช้กรรไกร ตัดกิ่งเก่า 1 ดอก ให้เหลือไว้ประมาณ 40-50 กิ่ง เพื่อเหลือไว้เลี้ยงเถา เข้าเดือนต่อไปจะเริ่มแตกกิ่งใหม่ จากนั้นใส่ปุ๋ยดูแลบำรุง เข้าเดือนมีนาคมจะเริ่มสมบูรณ์ และพร้อมที่จะให้ผลผลิตในฤดูกาลใหม่ ส่วนกิ่งที่ตัดแต่งออกมาสามารถนำกิ่งพันธุ์เพื่อขยายพันธุ์ต่อไปอีกได้ ถ้ามีเกษตรกรมาติดต่อขอซื้อจำหน่ายกิ่งละ 4-5 บาท สามารถนำไปปักชำต่อได้เลย สำหรับการปลูกแก้วมังกรซึ่งจะปลูก 1 หลัก ต่อ 4 กิ่ง

8.คัดเบอร์ แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง
8.คัดเบอร์ แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง
คุณโสภณการันตีพันธุ์แดงอร่อย
คุณโสภณการันตีพันธุ์แดงอร่อย แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง

ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายผลผลิต แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดง

เรื่องแหล่งตลาดในอำเภอบ้านแพ้ว เกษตรกรไม่ต้องวิ่งไปหาตลาดให้เหนื่อย เพราะมีแม่ค้าดำเนินสะดวกมาติดต่อถึงหน้าสวน เมื่อแม่ค้ารู้ว่าสวนไหนปลูกเขาก็จะเข้ามาติดต่อกับเจ้าของสวน สำหรับราคาแก้วมังกรเบอร์ใหญ่กิโลกรัม 30 บาท เบอร์สองกิโลกรัม 18 บาท แก้วมังกรจะแบ่งเป็น 3 ไซส์ คือ เบอร์จัมโบ้, เบอร์ 3A, เบอร์ 2A ราคาจะแตกต่างกันไปตามขนาด

ผลผลิตที่ได้ 70 ตัน/ปี เก็บผลผลิตรอบหนึ่งชุดใหญ่ๆ ไม่ต่ำกว่า 10,000 กิโลกรัม มีรายได้และผลกำไรดีขึ้นกว่าช่วงเริ่มปลูกแรกๆ ปลูกในระยะแรก เข้าปีที่ 2 ถึงจะได้ทุนคืน หลังจากนั้นก็ได้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าช่วงหลังราคาดีขึ้น ทำให้ได้กำไรมากกว่าช่วงที่ผ่านมา

สำหรับเกษตรกรท่านใดสนใจติดต่อได้ที่ คุณโสภณ อุดมโภชน์ ที่อยู่ 302/3 ม.4 ต.โรงเข้ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร 74120 โทร.08-9026-9014, 08-1355-7514

ขอขอบคุณเครดิต  นิตยสาร พลังเกษตร