สวัสดีครับชาวเพื่อนไก่ชน วันนี้บทความเขียนคงต้องนำเอาสาระดีๆ จากประสบการณ์ โควิด เมื่อต้องมาเจอเอายาสมุนไพรไทยก็ไม่สามารถจะแสดงแสนยานุภาพได้ จากที่ผู้เขียนจะค้นตั้งแต่เล็กมา เวลาป่วยไข้ไม่สบายก็กินยาปี๊บ (ทางภาคใต้เรียกว่า ยาทุ้ง) ต้มเครื่องยาสมุนไพรมีรสขมเป็นหลัก ใช้กะลามะพร้าวแทนขันตักยาต้มกิน
การใช้สมุนไพรไทยรักษาโรค
เวลาคุณแม่ของผู้เขียนเป็นไข้ทับฤดู ผู้เขียนไปหาหมอพื้นบ้าน เพื่อให้หมอหมายยาให้ (จดส่วนประกอบของตัวยา) แล้วต้องไปหาเครื่องยาเอง แล้วเอาให้หมอปลุกเสกจึงเอามาต้ม แต่ครั้งอายุ 8 ขวบ ทำให้ตอนนั้นได้รู้จักต้นยามาก มีอยู่ครั้งหนึ่งน้องคนที่ 2 เป็นผู้หญิง หน้าดูเหมือนกับเป็นเริม เป็นวงกลมบนแก้ม ไปหาหมอสมัยใหม่ ให้ใช้ครีมหลอดละ 27 บาท เป็นเวลาหลายเดือนก็ไม่หาย ไปหาหมอ รพ.สุราษฎร์ ก็ไม่หาย คุณแม่พาน้องไป รพ.ชลบุรี ก็ไม่หายอีก
หมอแนะนำให้พาไปหาหมอเชื้อราที่กรุงเทพฯ ให้ยามาก็ไม่หายอีกนั่นแหละ จึงได้พากลับบ้าน เพื่อนบ้านบางคนแนะให้เอาเนื้อลิงคั่วเครื่องเทศ ผู้เขียนสั่งเพื่อนนักเรียนเอาเนื้อลิงมาให้กิน อร่อย และ อิ่มอย่างเดียว ไม่หาย จนได้ไปเยี่ยมญาติที่อำเภอท่าชนะ เป็นแพทย์แผนโบราณ (หมอชุ่ม ในตลาดท่าชนะ) ดูอาการของน้องแล้วบอกว่าเป็นโรคซาง เพราะอายุไม่ถึง 15 ปี ตอนนั้นอายุได้ 13 ปี ยังไม่พ้นซาง ต้มยาซางให้มา 1 หม้อ ค่ารักษา 10 บาท
เมื่อปี พ.ศ.2516 แค่หม้อเดียวก็หายดั่งปลิดทิ้ง ตาหมอชุ่มต้มยา ตัดราก ถอนโคน ให้อีก 1 หม้อ 10 บาท ก็หายแต่นั้นมา ค่ารักษา 20 บาท ค่ารถไฟ ไชยา-ท่าชนะ ผู้ใหญ่ไปกลับ 6 บาท ถ้าจำไม่ผิด ผู้เขียนมีประสบการณ์ และติดวิถีเดิมๆ ที่มีความเชื่อมั่นในยาสมุนไพรไทย
การป้องกันและรักษาโรคโควิด-19
เมื่อก่อนหน้านี้สัก 20 วัน ทีมงานของเพื่อนผู้เขียนที่จังหวัดสงขลา หมู่บ้านไทยจังโหลน อันมีโต๊ะอิหม่าม (ถ้าเป็นของพุทธ ก็คือ สมภาร) และนายกเทศมนตรีเป็นหัวหน้าทีมที่มาออกกำลังกาย รวมทั้งหมด 51 คน ในทีมงานมีทั้ง ปั่นจักรยาน วิ่ง และ เดินออกกำลัง ในยามเช้า พอเสร็จกิจแล้วก็นั่งพักผ่อนคุยสัพเพเหระ และกินข้าวยำที่ร้านอาหาร ซึ่งเป็นโต๊ะยาว นั่งกินครบทีม 51 คน กินกันมานานแล้ว
บังเอิญสมาชิกมีอยู่คนหนึ่งในจำนวนนี้ ได้ป่วย ไม่สบาย ไปโรงพยาบาล ตรวจพบเชื้อโควิด ทางโรงพยาบาลได้มารับเอาครอบครัวไปตรวจหาเชื้อ และต่อมาอีก 2 วัน ทีมข้าวยำ นำโดยนายกเทศบาล ได้ร่วมใจไปตรวจโควิดทั้ง 50 คน ที่เหลือปรากฏว่ามีเลือดเป็นบวก อีก 3 คน หมอได้พาไปรักษาตัว อีก 3 คน รวมกับคนแรกเป็น 4 คน ที่ รพ.สนาม
ทาง รพ. ได้เอาครอบครัวไปกักตัว และตรวจโควิดด้วย แต่ไม่มีใครติดโควิด แม้จะตรวจเป็นครั้งที่ 2 ทั้งที่ก่อนเข้า รพ.ก็มีเพศสัมพันธ์แทบทุกคืน แต่ไม่ติดโควิด ทำให้เป็นที่มึนงงของเพื่อนๆ จนกระทั่งทาง รพ. ตรวจไม่พบเชื้อแน่ แล้วก็ให้กลับบ้าน
ส่วนผู้ป่วยทั้ง 4 คน เข้าไปวันที่ 3 ลิ้นเริ่มเค็ม กินอะไรเค็มทุกอย่าง วันต่อมาก็มีอาการลิ้นไม่รับรส จมูกไม่รับกลิ่น เพื่อนผู้เขียนโทรมาบอกผู้เขียนได้เล่าอาการ ผู้เขียนเคยเห็นเกี่ยวกับกระชายในไลฟ์ก็ส่งไปให้เพื่อนดู เพื่อนเอากระชายปั่นครั้งละ 2 ขีด ใส่น้ำพอประมาณ พอละเอียดดีแล้วก็เพิ่มน้ำเกือบเต็มโหล บีบน้ำมะนาวใส่ 3 ลูก หยอดน้ำผึ้งรวง 3 ช้อนโต๊ะ เพื่อแต่งรส กินได้ 2 วัน ปรากฏว่า ปาก จมูก เริ่มรับกลิ่น รับรส และเป็นปกติเหมือนเดิม แต่หลังจากนั้นสัก 3-5 วัน ก็เจ็บคอเอามาก เพื่อนโทรมาบอกผู้เขียนเล่าอาการ
อีก 4 วันต่อมาผู้เขียนได้ส่งฟ้าทะลายโจรไปถึงเพื่อน ให้ไป 200 เม็ด ให้กิน 3 เวลา เช้า-เที่ยง-เย็น มื้อละ 3 เม็ด เริ่มกินวันพุธ จนกระทั่งถึงวันเสาร์ตอนบ่าย หมอตรวจโควิดอีกครั้ง ปรากฏว่าหายหมดทั้ง 4 คน กินยาฟ้าทะลายโจรตกประมาณคนละ 33 เม็ด ที่ รพ.สนาม หมอให้ยาพารา และ วิตามิน C วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม คุณหมอให้ออกจาก รพ.สนามได้ ส่วนเจ้าอาวาสเมื่อตรวจจนแน่ใจว่าไม่เป็นอะไร ก็อยู่บ้านไม่ไปไหน เพียรพยายามปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ไม่ยอมออกจากบ้านมากินข้าวยำอีกเป็นเวลาหลายวันแล้ว
ผู้เขียนมีความดีใจ และ มีความสุขใจมาก ที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาอะไร และในยามนี้ ขอให้มีสติ มีเหตุ มีผล อย่าได้รังเกียจผู้ป่วยจนเกินเหตุ อย่าให้การ์ดตก สมุนไพรไทยอยู่กับคนไทยมายาวนาน อย่าไปด้อยค่า ในช่วงความเป็น ความตาย มีอะไรพอช่วยกันได้ก็ให้ช่วยกันไป คนไทยด้วยกัน ฉบับนี้เลยไม่ได้เขียนเรื่องราวของไก่ชน เพราะดีใจจากที่มีส่วนร่วมทำให้เพื่อนๆ หายป่วย (ศูนย์ถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นไชยา 081-535-8082)