การปลูกเลี้ยงหน้าวัวตัดดอก
ช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา ท่านผู้อ่านคงจะเห็นแล้วว่าทีมงานนิตยสารไม้ดอกไม้ประดับนำเสนอข่าวคราวของแวดวงหน้าวัวตัดดอกมาอย่างต่อเนื่อง จากชนวนเล็กๆ ที่แว่วเข้าหูว่า “หน้าวัวตัดดอก ปลูก-เลี้ยงง่าย ขายได้ราคาสูง..!!”
ทีมงานจึงอยากจะนำเรื่องราวอันเป็นประโยชน์นี้มาบอกเล่าแก่เกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงหน้าวัวตัดดอก รวมถึงผู้ที่กำลังนึกอยากจะเป็นเกษตรกรกับเขาบ้าง แต่ยังไม่รู้ว่าจะปลูกอะไร…และจะเริ่มอย่างไรดี..?? หน้าวัวตัดดอกน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว..!!
จากปากเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงหน้าวัวตัดดอกย่าน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี และ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร คอนเฟิร์มแล้วว่าหน้าวัวตัดดอกราคาดี เป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งไทย และต่างประเทศ ดอกหน้าวัวหลากสีจากแหล่งผลิตทั่วประเทศยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาดใช้งานในประเทศ นั่นหมายความว่า ตลาดส่งออกหน้าวัวตัดดอกถูกทำหมันไปเสียแล้ว
กลุ่มเกษตรกรหลายแห่งจึงพยายามผลักดันให้คนในพื้นที่ปลูกหน้าวัวตัดดอกเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้ให้กับครอบครัว ดังเช่น กลุ่มผู้ปลูกเลี้ยงหน้าวัวตัดดอก บางกรวย นนทบุรี ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีการผลักดันให้คนหันมาปลูกหน้าวัวตัดดอกเป็นอาชีพเสริม
โดยของบสนับสนุนจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อซื้อต้นพันธุ์หน้าวัวตัดดอก พันธุ์บัญชา ออเรนจ์ หรือ ส้มบัญชา แจกจ่ายให้แก่ผู้ที่ต้องการปลูกเพื่อการค้า ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเช่นกัน
คุณสมบัติเด่นของหน้าวัวตัดดอก
ทีมงานจึงเกิดคำถามว่า….ทำไมต้องเป็นพันธุ์บัญชา ออเรนจ์….??
เพื่อไขข้อข้องใจทีมงานจึงมุ่งหน้าสู่สวนกล้วยไม้ และหน้าวัวตัดดอก บัญชา ออร์คิด ใน อ.เมือง จ.นครปฐม และพูดคุยกับคุณบัญชา หงษ์แสนยาธรรม ผู้เป็นเจ้าของสายพันธุ์หน้าวัวดัดดอกชื่อดังนี้
แน่นอนว่าคอกล้วยไม้ และแฟนพันธุ์แท้ นิตยสารไม้ดอกไม้ประดับ ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคุณบัญชามาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อย ด้วยฝีมือการพัฒนาสายพันธุ์ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ และหน้าวัวตัดดอก ทั้งเชิงปริมาณ และคุณภาพ ทำให้คนในวงการเห็นว่าเขาคือหนึ่งในตัวจริงของวงการนี้
เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ทีมงานเคยเข้าไปเยือนสวนบัญชา ออร์คิดส์ มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ด้วยเสียงเรียกร้องของแฟนข่าว ทีมงานจึงกลับเข้าไปที่สวนของคุณบัญชาอีกครั้ง และขอให้เจ้าของสายพันธุ์หน้าวัวดัดดอกบัญชา ออเรนจ์ เล่าประวัติความเป็นมา และคุณสมบัติเด่นของหน้าวัวตัดดอกนี้อีกครั้ง
สภาพพื้นที่ปลูกหน้าวัวตัดดอก
“ผมซื้อต้นกล้าหน้าวัวจากการเพาะเมล็ดมาจากโครงการต้นกล้าดอยตุงมาประมาณ 10,000 ต้น ต้นกล้าชุดนั้น ดร.อุทัย เป็นคนผสม โดยไม่ได้จดบันทึกว่าใช้ต้นใดเป็นพ่อ-แม่ไม้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นลูกผสมระหว่างหน้าวัวดอกสายพันธุ์ไทยเข้าคู่ผสมกับสายพันธุ์จากต่างประเทศ” ที่ผมซื้อมาทั้งหมดเป็นต้นกล้าจากการเพาะเมล็ด เมื่อทดลองนำมาปลูกเลี้ยงพบว่าลูกไม้ชุดนั้นมีความหลากหลายพอสมควร แต่ผมสังเกตเห็นต้นหนึ่งมีลักษณะดี มีจุดเด่นที่ดอกใหญ่ สีสวย สีส้มจัด ออกดอกง่าย สม่ำเสมอ และ ทนโรคสุดๆ เลยลองแยกมาปลูกแล้วสังเกตพฤติกรรมการเจริญเติบโต และให้ผลผลิต ถึง 2 ปี เพื่อดูว่าเมื่อนำมาปลูกเลี้ยงในภาคกลาง ที่มีสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไม้ตัวนี้จะยังคงคุณสมบัติดังกล่าวอยู่หรือไม่ เพราะสายพันธุ์หน้าวัวที่ปลูกในเมืองนอกจะสวย และใหญ่ แต่เมื่อนำมาปลูกในเมืองไทยที่สภาพอากาศแตกต่างกัน ความสมบูรณ์ไม่เหมือนเดิมแน่นอน ปรากฏว่าเวลาผ่านไปกว่า 2 ปี คุณสมบัติเหล่านี้ยังอยู่ดีทุกประการ พอแน่ใจแล้วผมก็เอาเข้าแล็ปปั่นเนื้อเยื่อ และจำหน่ายในชื่อสายพันธุ์บัญชา ออเรนจ์ จนพรรคพวกพูดติดตลกว่าโชคดีเหมือนได้รางวัลที่ 1” เจ้าของสวนพูดถึงความเป็นมาของหน้าวัวพันธุ์บัญชา ออเรนจ์
การจำหน่ายหน้าวัวตัดดอก
จากนั้นไม่นานหน้าวัวตัดดอกพันธุ์บัญชา ออเรนจ์ หรือ ที่เกษตรกรเรียกติดปากว่า ส้มบัญชา ก็ถูกจำหน่ายให้กับเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงหน้าวัวอย่างกว้างขวาง เมื่อเกษตรกรได้ทดลองปลูกหน้าวัวพันธุ์บัญชา ออเรนจ์ แล้วพบว่า ผลผลิตดี ออกดอกง่าย-สม่ำเสมอ ดอกใหญ่ สีส้มสด ต้นยิ่งโต ยิ่งสมบูรณ์ ดอกจะยิ่งมีขนาดใหญ่ ให้ดอกทุกไซส์ตามที่ตลาดต้องการ ตั้งแต่ SS, S, M, L, XL, XXL และ จัมโบ้ จำหน่ายในราคาตั้งแต่ 4-20 กว่าบาท เลี้ยงง่าย ทนโรค ข้อถี่ สูงช้า จึงไม่พบปัญหาต้นล้ม ให้หน่อเก่ง ขยายพันธุ์ง่าย เหมาะสำหรับปลูกเชิงเศรษฐกิจ
ต่างจากสายพันธุ์ต่างประเทศบางตัวที่เลี้ยงยาก มักเกิดโรคเน่า แม้จะเป็นสายพันธุ์ที่ตลาดต้องการเป็นพิเศษ ราคาต่อดอกสูงกว่า แต่เกษตรกรไม่สามารถผลิตเชิงเศรษฐกิจได้ เพราะให้ผลผลิตน้อย อ่อนแอต่อโรค
จึงอนุมานได้ว่าการจะผลิตสินค้าชนิดใดก็ตามควรคำนึงด้วยว่าสินค้าชนิดนั้นๆ สามารถผลิตเชิงปริมาณ หรือเชิงเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่..??
ในวิถีของธุรกิจนอกจากความต้องการของผู้บริโภคแล้ว “ปริมาณสินค้า” ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สินค้าที่ผลิตปริมาณน้อย แม้จะมีราคาต่อชิ้นสูง แต่กลับยากที่จะสร้างมูลค่าโดยรวมให้สูง สังเกตได้ว่าผู้ผลิตส่วนใหญ่จึงเน้นการผลิตเชิงปริมาณ (Volume) มากกว่า
ดังเช่น หน้าวัวตัดดอกพันธุ์บัญชา ออเรนจ์ ที่เกษตรกรสามารถปลูกเลี้ยงผลิตเชิงปริมาณได้จริง จนเป็นที่ไว้วางใจของเกษตรกรผู้ปลูกหน้าวัวตัดดอกทั่วประเทศ
ปัจจุบันบัญชา ออร์คิด ยังมุ่งเน้นผลิตต้นกล้าหน้าวัวพันธุ์บัญชาออเรนจ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของเกษตรกรที่ขณะนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ไปพร้อมๆ กับการผลิตและพัฒนาสายพันธุ์กล้วยไม้หลายสกุลโดยเฉพาะกล้วยไม้ป่า และพันธุ์พื้นเมือง
การบำรุงดูแลหน้าวัวตัดดอก
พื้นที่ส่วนหนึ่งถูกแบ่งเป็นโรงเรือนสำหรับหน้าวัวตัดดอก และต้นกล้าหน้าวัว พร้อมจำหน่าย รวมพื้นที่กว่า 3 ไร่ หน้าวัวตัดดอกแปลงแรกของคุณบัญชามีอายุมากกว่า 10 ปี แต่ทุกต้นยังให้ผลผลิตดี ให้ดอกต่อเนื่อง แข็งแรง ปราศจากโรครบกวน ลำต้นไม่สูงยืดยาว เพราะเป็นไม้ข้อถี่ แต่ก้านดอกยาว ดอกมีขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับเป็นไม้ตัดดอก โดยปกติที่นี่ตัดวันละประมาณ 3,000 ดอก/สัปดาห์
คุณบัญชาเจ้าของสวนเล่าว่า “หน้าวัวแปลงใหญ่อายุน่าจะเกิน 10 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้รื้อเลย เพราะยังให้ผลผลิตดีอยู่” เมื่อก่อนเราก็ปลูกกับพื้นเหมือนเกษตรกรคนอื่นๆ นั่นล่ะ แต่ตอนหลังยกเป็นโต๊ะทั้งหมด เพื่อความสะดวกในการจัดการ ดูแลง่ายทั้งเรื่องโรค แมลง เพราะการระบายอากาศดีกว่า ต้นทุนอาจจะสูงขึ้นหน่อย แต่การจัดการโดยรวมง่ายขึ้น” จริงๆ โรงเรือนหน้าวัวไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ทำเล็กๆ ไม่ต้องลงทุนมาก เพียงแค่สร้างเสาให้มั่นคง แล้วเอาซาแลนกางอย่างง่าย ส่วนระบบน้ำก็ทำไม่ยาก ให้วางท่อแล้วติดสปริงเกลอร์ ส่วนวัสดุปลูกก็ใช้กาบมะพร้าวสับ เพราะราคาถูก หาง่ายในท้องถิ่น การปลูกหน้าวัวตัดดอกไม่จำเป็นต้องทำตามแบบวิชาการเสมอไป เราลองไปดูแบบอย่างจากหลายๆ สวน แล้วเอามาดัดแปลงให้เหมาะสมกับเรา เพื่อพยายามลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด” คุณบัญชายกตัวอย่างแนวทางการประหยัดต้นทุนอย่างง่าย
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหน้าวัวตัดดอก
ส่วนต้นกล้าหน้าวัวจากสวนบัญชาออร์คิดส์มีทั้งแบบแยกหน่อ และมาจากการปั่นเนื้อเยื่อ ทั้ง 2 แบบ มีข้อดีต่างกัน คือ ต้นกล้าจากการแยกหน่อจะโตเร็ว และให้ผลผลิตเร็ว แต่ผลิตเชิงปริมาณได้ช้า หากไม่มีต้นแม่พันธุ์มากพอ ในขณะที่ต้นกล้าที่มาจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจะใช้เวลามากกว่า คือ ใช้เวลาเพาะเลี้ยงในแล็ปถึง 2 ปี จึงนำมาออกขวด และเลี้ยงต่ออีก 2 ปี จึงจะเริ่มให้ผลผลิต แต่ข้อดีของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ คือ ได้ต้นกล้าจำนวนมาก ทั้งยังเป็นต้นกล้าที่สะอาดปลอดเชื้ออีกด้วย
เทคนิคการปลูกเลี้ยงหน้าวัวตัดดอก
เมื่อมาถึงสวนบัญชา ออร์คิด เจ้าของต้นตำรับหน้าวัวตัดดอก บัญชา ออเรนจ์ ทั้งที ทีมงานไม่พลาดที่จะนำเทคนิคการปลูกเลี้ยงหน้าวัวตัดดอกมาฝากผู้สนใจแน่นอน….วิธีการเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกัน..!!
แต่ละสวนอาจใช้วัสดุปลูกแตกต่างกันไปตามแต่ความถนัดในการจัดการของผู้ปลูกเลี้ยง ส่วนใหญ่เกษตรกรจะใช้วัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น หรือใช้วัสดุที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ปลูกเลี้ยง เช่น ทางภาคใต้จะมีการใช้โฟม หรือถ่านไม้ เป็นวัสดุปลูก เนื่องจากสภาพอากาศร้อนชื้น ฝนตกสม่ำเสมอ มีฤดูฝนที่ยาวนาน ดังนั้นวัสดุปลูกที่ใช้ควรโปร่ง และระบายน้ำได้ดี ในขณะที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก หรือภาคเหนือ นิยมใช้กาบมะพร้าวสับเป็นวัสดุปลูก เพราะกาบมะพร้าวสับจะเก็บความชื้นได้ดี แล้วก็ระบายน้ำได้ดีเช่นกัน แต่ละสวนอาจมีการผสมวัสดุอื่น อย่าง โฟม หรือถ่านไม้ เพื่อเพิ่มความโปร่ง ก็เป็นเทคนิคของแต่ละสวน
การให้น้ำและปุ๋ยหน้าวัวตัดดอก
ส่วนสวนบัญชา ออร์คิด ใช้กาบมะพร้าวสับเป็นวัสดุปลูก เพราะหาง่าย ราคาถูก กักเก็บความชื้นได้ดี เหมาะสำหรับปลูกหน้าวัวตัดดอกในเขตภาคกลาง และยังเป็นที่นิยมของเกษตรกรส่วนใหญ่อีกด้วย “ถ้าเปรียบเทียบกับกล้วยไม้ หน้าวัวง่ายกว่าเยอะ..!!” เจ้าของสวนกล่าว พร้อมกับขยายความว่าหน้าวัวเป็นไม้เลี้ยงง่าย ชอบชื้น แต่ไม่ชอบแฉะ รดน้ำเพียงวันละครั้ง ถ้าอากาศร้อนจัดให้เพิ่มเป็น 2 ครั้ง/วัน แต่ถ้าเป็นฤดูฝนงดการให้น้ำได้ เสริมความสมบูรณ์ด้วยปุ๋ยออสโมโค้ท หรือปุ๋ยเกร็ด (ชนิดเดียวกับที่ใช้ฉีดกล้วยไม้) ฉีดพ่นทางใบ 2 สัปดาห์/ครั้ง
การป้องกันกำจัดแมลง และศัตรูพืช
คอยสังเกตช่วงเพลี้ยไฟระบาด จึงฉีดยากำจัด 1 ครั้ง/สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นช่วงปกติควรฉีดพ่น 2 สัปดาห์/ครั้ง หากมีการป้องกันและกำจัดอย่างต่อเนื่องจะมีโอกาสเกิดโรคน้อยมาก โดยภาพรวมแล้วหน้าวัวตัดดอกปลูกเลี้ยง ดูแลง่าย ไม่เน้นสารเคมี เพียงแต่เกษตรต้องเข้าใจธรรมชาติของต้นหน้าวัว คอยสังเกตศัตรูพืชจำพวกแมลง/หนอนกินดอก เชื้อราในฤดูฝน และเพลี้ยไฟ ในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลเท่านั้น
ด้านตลาดหน้าวัวตัดดอก
จากการได้พบปะพูดคุยกับเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงหน้าวัวใบหลายราย ทีมงานได้คำตอบเดียวกันว่า ปัจจุบันดอกหน้าวัวถูกใช้งานหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้มีไว้ใช้เฉพาะงานศพเหมือนในอดีต เมื่อดอกหน้าวัวเริ่มมีความหลากหลายด้านสีสัน ทำให้กลายเป็นที่ต้องการของตลาดงานจัดดอกไม้ ทั้งที่เป็นของฝาก ของขวัญ หรืออีเวนท์ต่างๆ เพราะดอกหน้าวัวมีความทนทาน อายุการใช้งานนานประมาณ 2 สัปดาห์ ความนิยมหน้าวัวตัดดอกจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปริมาณที่เกษตรกรผลิตได้ ณ วันนี้ จึงไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ทั้งไทย และต่างประเทศ แม้ว่าต่างประเทศเองก็ยังต้องการหน้าวัวตัดดอกคุณภาพจำนวนมาก แต่ต้องยอมรับว่าศักยภาพการผลิตดอกหน้าวัวเชิงปริมาณของไทยยังมีไม่เพียงพอ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่ามีหลายหน่วยงานที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเลี้ยงหน้าวัวตัดดอก และหลายๆ ฝ่ายคาดหวังว่าในอนาคตจะมีผู้ปลูกเลี้ยงหน้าวัวตัดดอกเพิ่มขึ้น เพื่อจะได้ผลิตดอกหน้าวัวให้เพียงพอกับตลาดนั่นเอง
จุดเด่นของสวนบัญชา ออร์คิด
ในส่วนธุรกิจกล้วยไม้ของบัญชา ออร์คิด ก็ยังเป็นที่ไว้วางใจจากกลุ่มนักเลี้ยง-นักสะสมกล้วยไม้ และพ่อค้า-แม่ค้าเช่นเดิม ตลอดระยะเวลาที่ทีมงานอยู่ในสวนกล้วยไม้แห่งนี้ มีบรรดาคนในวงการเข้ามาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย
ด้วยจุดเด่นของสวน คือ กล้วยไม้พื้นเมือง และลูกผสมนานาชนิด ที่มีให้เลือกซื้อ เลือกชม ได้ทุกฤดูกาล ตามแต่ว่าฤดูกาลใดจะมีกล้วยไม้ชนิดใดให้ชม….แต่แน่นอนว่าสวนนี้ไม่เคยขาดสีสันเลยแม้แต่วันเดียว..!!
ดังเช่นฤดูนี้กล้วยไม้ “สกุลช้าง” บานสะพรั่ง และบางส่วนเริ่มทยอยหมดดอก แต่กล้วยไม้สกุลเอื้องสาย อย่าง “เหลืองจันทบูร” กำลังแข่งกันชูช่ออวดโฉมจนเต็มสวน ประหนึ่งว่าจะขโมยซีนให้ผู้มาเยือนหยุดสายตาไว้แต่เพียงเจ้าเหลืองจันทน์เท่านั้น
แต่เจ้าของสวนก็มีกล้วยไม้ลูกผสมตัวใหม่จากไต้หวัน ชื่อ อิพิเดนดรัม (Epidendrum) เป็นกล้วยไม้ที่จัดอยู่ในกลุ่มของแคทลียา ดอกสีแดงสด ช่อดอกแน่น ดอกใหญ่กว่าอิพิเดนดรัมทั่วไป คุณบัญชาจึงตั้งชื่อเรียกอย่างง่ายว่า “แดงบัญชา”
คุณบัญชามองว่ากล้วยไม้อิพิเดนดรัมนี้มีจุดเด่นที่สีสันสดใส เลี้ยงง่าย ใช้กาบมะพร้าว หรือถ่านไม้ เป็นวัสดุปลูก ฟอร์มต้นโดยรวมมีขนาดเล็ก เหมาะจะนำไปใช้ประดับตกแต่งบนโต๊ะทำงาน หรือจัดตกแต่งในพื้นที่ขนาดเล็ก เหมาะทั้งเป็นไม้ประกวด หรือปลูกเลี้ยงเพื่อการสะสม และน่าจะเดินได้ดีในตลาดด้วยเช่นกัน
ขอขอบคุณ
คุณบัญชา หงษ์แสนยาธรรม
3/3 ม.17 ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม 73000
โทร.08-9686-4041 และ 09-5101-1139