ลักษณะที่ได้รับความนิยม ของ หน้าวัวใบ
หากแต่สำหรับนักเล่น หน้าวัวใบ ระดับ “ฮาร์ดคอร์” เรื่องของสีสันอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องเข้มงวดกวดขันเรื่องลักษณะต้นและฟอร์มต้นด้วย เพราะนี่คือคุณสมบัติที่นักเล่นต้องการ
ลักษณะที่ได้รับความนิยมคือ ใบหนา ก้านสั้น ฟอร์มใบกว้างกระชับ งานหนักของนักพัฒนาสายพันธุ์ หน้าวัวใบ จึงต้องปรับปรุงกันใน 2 มิติ คือ
- สี และ
- ฟอร์ม
การพัฒนาสายพันธุ์ หน้าวัวใบ
- จากไม้ใบเขียว สู่ ไม้ใบด่าง
- จากไม้ใบด่าง สู่ ไม้ใบสี
นี่คือวิวัฒนาการของการพัฒนาสายพันธุ์ “ หน้าวัวใบ ” เห็นได้ชัดจากลักษณะ หน้าวัวใบ ที่เปลี่ยนไป ตัวที่ได้รับความนิยมคือ กลุ่มไม้สี หรือด่างสี
ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม (หากบอกว่ามาจาก พลังเกษตร.com) ที่ คุณจิระ จุกมงคล สวนสีทอง 3
โทร. 08-1647-9415
การพัฒนาไม้ด่างสี-ฟอร์มสวย
โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็นของ จิระ จุกมงคล จาก สวนสีทอง 3 ใช้ชื่อเฟซบุ๊คว่า มิสเตอร์เจอาร์ เพราะสวนนี้ยืนหยัดที่จะพัฒนาไม้ด่างสี ฟอร์มสวย ออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
สวนสีทอง 3 เป็นหนึ่งในนักพัฒนาสายพันธุ์ หน้าวัวใบ ที่มีแนวทางชัดเจนคนหนึ่งของวงการ เขาเน้นการพัฒนาฟอร์มไม้เป็นอันดับแรก เห็นได้จากพ่อแม่ไม้ของเขา ส่วนใหญ่ฟอร์มสวย ต่างจากนักพัฒนาสายพันธุ์อีกจำนวนหนึ่งที่มักเน้นพัฒนาไม้ด่างสีเป็นหลัก
“ผมก็ยังย่ำเหมือนเดิมว่าต้องพัฒนาฟอร์มไม้ก่อน แล้วค่อยพัฒนาสี เพราะเรื่องสีนาทีนี้ทำได้ไม่ยาก แต่ถ้ามุ่งพัฒนาสีได้แล้วค่อยมาปรับฟอร์ม ผมมองว่าถ้าจะนำไม้สีมาปรับฟอร์ม แต่สีจะไม่ได้เหมือนเดิม” จิระพูดจากประสบการณ์การพัฒนา หน้าวัวใบ
คุณสมบัติเด่นของหน้าวัวใบ
ในช่วงแรกของการพัฒนาพันธุ์หน้าวัวใบ ส่วนใหญ่มุ่งไปที่การพัฒนาสีสัน เพราะเป็นเสมือน “หน้าตา” ที่คนมองเป็นสิ่งแรก และก็ต้องยอมรับว่า สาเหตุที่หน้าวัวใบดังก็เพราะสีสัน แต่ถ้าหน้าตาสวย แต่หุ่น ทรวดทรงองค์เอวไม่ดี ก็ไม่น่าลิ้มลอง ช่วงหลังนักพัฒนาสายพันธุ์จึงต้องหันมาเข้มงวดด้านฟอร์มต้นอีกทาง
บางเล้า บางสวน ถึงขนาดต้องเปลี่ยนพ่อแม่ไม้กันเลยทีเดียว เพราะพ่อแม่รุ่นเก่าอาจจะให้คุณสมบัติไม่ดี การเปลี่ยนพ่อแม่ไม้ที่เห็นมีหลายรูปแบบ แต่อย่างที่เห็นมากที่สุดคือ ใช้พ่อแม่รุ่นใหม่ที่ผ่านการพัฒนา โดยมีคุณสมบัติดีเด่นตามพิมพ์นิยม คือ ใบกว้าง ก้านสั้น หรือลายด่างสวย เป็นต้น
ถ้าแม่สวย พ่อหล่อ โอกาสลูกออกมาสวยหล่อเหมือนพ่อแม่ก็มีมาก ส่วนพ่อแม่ตัวไหนยังให้ลูกดีก็เก็บไว้ แล้วนำคู่ผสมที่ดีมาเข้ากัน พูดแล้วดูเหมือนง่าย แต่ความจริงไม่หอมหวานอย่างนั้น เพราะกว่าจะผสมลูกไม้ได้แต่ละรุ่น จนพร้อมเป็นแม่พันธุ์ ต้องใช้เวลา 2-3 ปี หรือมากกว่านั้น
เพราะการจะดูลูกไม้หน้าวัวใบให้ชัวร์ๆ ดูตอนต้นยังเล็กไม่ได้ ต้องดูกันเมื่อต้นโตจนเผยโฉมหน้าใบจริงออกมาก่อนแต่ก็คงไม่ยากไปกว่าฝีมือคนไทย เพราะเริ่มเห็นลูกไม้ใหม่ๆ สีสวย ฟอร์มตั้งดีกันบ้างแล้วทั้งในเวทีประกวด และในเฟซบุ๊คส่วนตัวของนักพัฒนาสายพันธุ์ และนักเล่นหน้าวัวใบ
การคัดสายพันธุ์หน้าวัวใบ
ส่วนจะเลือกสายพันธุ์ไหนจึงจะได้ทั้งไม้สีและไม้ฟอร์มพร้อมๆ กัน จิระบอกว่าสามารถพัฒนาได้ทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นสายแบล็ค ใบผักกาด สิงโต และมังกรทอง เป็นต้น ซึ่งจิระเองก็พัฒนาเกือบทุกสายพันธุ์
หลักเกณฑ์ง่ายๆ วิธีการคัดสายพันธุ์จิระดูลักษณะเด่นของแต่ละต้น ต้องครบองค์ประกอบคือ รูปทรง ลายด่าง และสี ยกตัวอย่างไม้ด่างสี ที่เขาตั้งชื่อว่า “แบล็คบิวตี้” ฟอร์มใบเห็นเลยว่ามีลักษณะเด่นที่ใบยับ หูใบกว้าง
ไม้ที่เรียกว่าฟอร์มดีในความคิดของเขาคือ ต้องมีใบอย่างน้อย 10 ใบ มอง 45 องศา ให้ลักษณะทรงต้นคล้ายดอกกุหลาบ
ไม้เด่นประจำสวน 3 อย่าง
ด้วยการพัฒนาสายพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เขาได้ลูกไม้ใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติดีกว่ารุ่นเดิม โดยเฉพาะไม้เด่นประจำสวนสีทอง 3 อย่าง “ใบลายหินอ่อน”
ลูกไม้ของเขาแต่ละตัวเห็นแล้วต้องร้องว้าว!! เพราะเด่นที่สีสัน และเด่นที่ฟอร์ม ซึ่งเป็นแนวทางที่เขาเข้มงวดกวดขันมากที่สุด ลูกไม้แต่ละตัว ไม่ว่าจะไม้ด่างสี ไม้ด่างขาว ไม้ดำ ไม้เขียว และโกลด์เด้น(สีเหลืองทอง) ล้วนผ่านการเข้าคลาสพัฒนาฟอร์มมาแล้วทั้งสิ้น
ซักถามเรื่องทิศทางพัฒนาสายพันธุ์ หน้าวัวใบ ยุคปี 2017
เพราะหลังจากเขาแสดงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสายพันธุ์หน้าวัวใบด้วยการจัดเก็บพ่อแม่ไม้จากแหล่งต่างๆ มาไว้ที่สวน เพื่อเป้าหมายพัฒนา “ไม้ด่าง” ควบคู่กับ “ไม้ฟอร์ม” ซึ่งลูกไม้ชุดที่เริ่มผสมออกมา บัดนี้เริ่มเติบใหญ่จนเห็นใบจริงออกมาบ้างแล้ว ผลปรากฏว่ามีลูกไม้หลายต้นที่ฟอร์มใบกลมสั้นกระชับตั้งแต่เด็ก เขาบอกว่าเมื่อโตขึ้นใบจะกว้างกว่านี้อีก ส่วนสีสันก็โดดเด่นไม่แพ้กัน
ลักษณะเด่นของลูกไม้ที่ผสม
วันนี้หน้าตาของลูกไม้ที่ผสมออกมามันฉายลักษณะที่ดีออกมาอย่างเต็มที่ ทั้งสีและฟอร์ม ยิ่งตอกย้ำความมั่นใจว่า “ทำได้แน่” สามารถ “สั่งสี” ได้ กล่าวคือในอดีตทำได้เพียง ใบสีชมพูอ่อนๆ หรือส้มๆ เท่านั้น แต่มาตอนนี้สามารถพัฒนาสายพันธุ์ให้ใบสีชมพูเข้มชัดเจนขึ้น และไม่ถอดสีได้ ไม้พวกนี้เราเทสมาเป็นฝักที่ 2-3 แล้วเราจึงรู้แล้วว่าไม่ถอดสี ถ้าสียังนิ่งอยู่นั่นคือของจริง
“ตอนนี้ฟอร์มไม้กระชับทั้งหมดแล้ว รูปทรงก็กระชับขึ้น สีก็ชัดเจนขึ้น ความทนทานก็ต่อสภาพดินฟ้าอากาศดีขึ้น ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนก็อยู่ที่ 60-70% แทบไม่มีโรคแมลงให้เห็นเลย เรื่องความแข็งแรงไม้ชุดนี้ผมให้ 70% เลย” จิระถึงความคืบหน้าของการพัฒนาสายพันธุ์ หน้าวัวใบ ในปัจจุบัน
ยิ่งกว่านั้นจิระค้นพบเทคนิคที่ทำอย่างไรให้สีนิ่ง และชัดเจนแล้ว เขาบอกว่า การเลี้ยงดู หน้าวัวใบ ที่ถูกต้องมีผลต่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะเรื่อง “ความชื้นสัมพัทธ์” และ “อุณหภูมิ” ความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะกับไม้ด่างสี อยู่ที่ 76 เปอร์เซ็นต์ และที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียล เพราะลูกไม้หน้าวัวใบลูกผสมใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ด่าง มีความเปราะบาง
การใช้พ่อแม่ไม้ที่เป็นลูกผสม
การใช้พ่อแม่ไม้ที่เป็นลูกผสม ทำให้ลูกไม้มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ไม่เพียงแต่ได้ลักษณะเด่นจากพ่อหรือแม่เท่านั้น บางต้นยังได้ลักษณะเด่นของปู่ย่าตายายติดมาด้วย “แม่ให้สี พ่อให้ลาย” ดังจะเห็นได้จากลูกไม้รุ่นนี้ “สีนิ่งและชัดเจน” ขึ้นกว่าลูกไม้ชุดก่อนอย่างมาก
หลักการทำไม้ ก็คือ ไม้ดำเข้ากับไม้ด่าง การทำเราต้องจินตนาการว่าต้องการไม้ดำ ไม้เขียว หรือไม้สี ถ้าต้องการไม้ดำก็ต้องเลือกไม้ดำเข้ากับไม้ด่าง “ส่วนหลักการทำไม้สีทำได้ทั้ง 2 แบบ คือจะเอา ดำใส่ด่าง หรือ ด่างใส่ดำ ก็ได้ มันอยู่ที่จินตนาการและการทำงานจริง” จิระพูดถึงหลักการพัฒนาไม้ของเขา
เขาสามารถจับเส้นทางการผสม หน้าวัวใบ ได้ ใช้วิธีไม่ต่างอะไรกับงานวิจัย มีการใช้จินตนาการ การตั้งสมมุติฐาน หลักการสุ่มตัวอย่าง เก็บรวบรวมข้อมูล ก่อนจะนำมาวิเคราะห์หาไม้ที่ตอบโจทย์การพัฒนาสายพันธุ์ได้ต่อไป แนวโน้มลูกไม้ใหม่ของจิระ จะได้เห็นลูกไม้ที่มีสีตั้งแต่เล็กมากขึ้น เพราะจากการพัฒนาสายพันธุ์มาหลายรุ่น เขามีความมั่นใจสูงว่าลูกไม้รุ่นนี้จะให้สีนิ่งชัดเจนอย่างนี้น่าจะตลอดทั้งปี
จิระมองว่ายังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้ต้นที่สวยสมบูรณ์จริงๆ เพราะเป้าของการพัฒนาสายพันธุ์คือ หน้าวัวใบสีแดง เหมือนอย่างอโกลนีมา แต่ตอนนี้ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่ง ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะได้ต้นที่สวยสมบูรณ์
การปลูก ชวนชม ไม้แดดกลางแจ้งกว่า 40 ไร่
แต่มาครั้งนี้ต่างจากหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา…??? บังเอิญว่าตรงกับช่วงที่ ชวนชม ผลิดอก ทีมงานนิตยสารไม้ดอกฯ จึงถือโอกาสนี้ไปเยี่ยมชมสวน ชวนชม ของคุณจิระด้วย ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างไกลกันมาก เราจึงได้เห็นแหล่งปลูก ชวนชม ขนาดใหญ่ กับต้น ชวนชม ที่กำลังบานสะพรั่งแดงอร่ามเต็มทุ่ง ส่งสัญญาณเชื้อเชิญให้บรรดานักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับความงดงาม
ทำเลของสวนจัดว่าดีเพราะเป็นแหล่งใกล้ชุมชน การเดินทางไปมาสะดวก ขับรถจาก กทม. สบายๆ ประมาณชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว สวน ชวนชม อยู่ใกล้ๆ ตลาดน้ำวัดลำพญาที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในย่านนี้ สามารถแวะมาได้ตลอด เดินชมต้นไม้สะดวกสบายสุดๆ
จิระเป็นที่รู้จักกันดีในวงการไม้ประดับ ด้วยความที่เขาเป็นแหล่งผลิตไม้ประดับรายใหญ่ มีพื้นที่ผลิตรวม 200 ไร่ ใน จ.นครปฐม และนนทบุรี ผลิต “ไม้ใบ” เป็นตัวหลัก จนเมื่อ 10 ปีก่อนเขาลงทุน “ ชวนชม ” ไม้แดดกลางแจ้งกว่า 40 ไร่ จนเป็นแหล่งผลิตตอ ชวนชม แหล่งใหญ่ทีเดียว ใน อ.บางเลน จ.นครปฐม
มุ่งผลิต ชวนชม กลุ่มไม้สี ดอกสวย เป็นหลัก มากกว่า 20 เบอร์ เช่น แดงอุดมทรัพย์ อาทิตย์ทรงกลด หัสดีพิงค์ จันทรา โพไซดอน ไม้ด่างลายหินอ่อน และโชคอำนวย ดอกลายสวย เป็นต้น ชวนชม “ไม้สี” หรือที่นิยมเรียกกันจนติดปากว่า ชวนชม “ฮอลแลนด์” เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
ตรรกะแห่งความนิยม ชวนชม ไม้สีของคนไทย หลายคนให้เหตุผลตรงกันว่า เป็นเพราะมีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ หรือการพัฒนาที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ความแปลก และความสวยงาม ถูกป้อนสู่ตลาดอย่างไม่ขาดสาย จาก ชวนชม ที่มีดอกสีพื้นๆ ธรรมดาๆ อย่าง สีแดง ชมพู เป็นต้น พัฒนาสู่สีสันดอกที่มีความหลากหลายขึ้น พร้อมกับปรากฏลวดลายเส้นขึ้นบนกลีบดอก ขนาดดอกใหญ่และดกพราว ตรึงใจคนรักต้นไม้ยิ่งนัก
การขยายพันธุ์จากการเพาะเมล็ด
พร้อมด้วยปฏิวัติการขยายพันธุ์จากการเพาะเมล็ดมาเป็นการ “เสียบยอด” ที่ช่วยให้สามารถผลิตเชิงปริมาณได้อย่างรวดเร็ว กระจายสู่ผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย ราคาสบายกระเป๋า ความนิยมจึงถูกส่งถ่ายอย่างง่ายดาย
ที่สำคัญไม่ได้ส่งถ่ายเฉพาะในกลุ่มคนไทยเท่านั้น แต่ส่งถ่ายในรูปของการส่งออกไปยังต่างประเทศ ทั้งกลุ่มประเทศที่นำเข้าเพื่อผลิตเป็นแม่พันธุ์ และประเทศที่บริโภคแบบ “วันเวย์” (One Way) ในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
หลักการผลิตของเขาคือ เลือกผลิตไม้ที่ตัวเองชอบเป็นพื้นฐาน และต้องเป็นไม้ที่สามารถผลิตเป็นไม้เศรษฐกิจที่ตลาดมีความต้องการ สิ่งสำคัญเขาจะคัดเลือกสายพันธุ์ที่ออกดอกง่าย ดอกดก สีสวยสดใส มีความทนทาน และเลี้ยงง่าย
หลักทั่วไปของการปลูกชวนชม เพื่อทำตลาด
เตรียมวัสดุปลูก มะพร้าวสับผสมแกลบดิบ และมูลหมู คุณประโยชน์ของขี้หมู มีสารอาหารมาก ช่วยในการเจริญเติบโตของพืช และช่วยปรับปรุงบำรุงดินให้กลับคืนความสมบูรณ์ ส่งผลให้ชวนชมโตเร็ว ออกดอกเก่ง ดอกดก
การดูแลไม้ วันแรกที่ปลูกต้องรดน้ำให้ชุ่มไปเลย แล้วจากนั้นอาจเว้นไว้ 2 วัน เมื่อถึงวันที่ 3 จึงรดน้ำต้องรดให้ชุ่ม โดยปกติจะรดน้ำวันละครั้ง หรือให้เว้น 2 วันก็ได้ สามารถให้น้ำเยอะได้ แต่ไม่ควรให้น้ำขัง
การรับแสง ทางสวนจะปลูกกลางแจ้งแดดจัดได้ 100% ตลอดทั้งวัน ทำให้ต้นแข็งแรง ผิวพรรณดี การเจริญเติบโตดี รูปร่างสมส่วน เพราะหากได้รับแสงแดดไม่เต็มที่จะทำให้ต้นชวนชมไม่สวย
การใส่ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยให้พอเหมาะ ใช้เป็นปุ๋ยละลายช้า ยี่ห้อ ออสโมโค้ท สูตรเร่งดอก ใส่พร้อมปลูกได้เลย หากปลูกวันนี้ก็นับไปอีก 3 เดือนแล้วค่อยมาใส่ปุ๋ยอีกรอบ และได้จังหวะที่จะต้องเปลี่ยนกระถางด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเป็นไม้ตลาดสามารถนำไปขายได้เลย
โรคส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อรา
โรคส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อรา สาเหตุมาจากรดน้ำหรือวัสดุปลูกมีความชื้นมากเกินไป การกำจัดส่วนใหญ่จะใช้ยาไซเพอร์เมทริน (cypermetthrin) 35% ฉีดพ่นเพื่อป้องกันเชื้อรา สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
รูปแบบการจัดการสวนชวนชม
สวนแห่งนี้เป็นสวนขนาดใหญ่ แม้จะเน้นผลิตเชิงปริมาณ แต่ชวนชมทุกต้นที่ออกจากสวนจะต้องเป็นไม้ที่มีความสวยงามที่มีคุณภาพ ทั้งดอกและต้น เพราะชวนชมทุกต้นได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนดิน เพิ่มอาหารทางดินและทางใบต่อเนื่อง และจัดการโรคและแมลงไม่เคยขาด ชวนชมจึงมี “สุขภาพดี”
รูปแบบการจัดการสวนชวนชมของเขา มีความเป็นระเบียบ และปฏิบัติกับชวนชมทุกต้นอย่างเคร่งครัด ไม่ว่ามูลค่าของมันจะเป็นอย่างไร
สำหรับสายพันธุ์ที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงนี้จะเป็นจันทรา แดงอุดมทรัพย์ โพไซดอน โชคอำนวย อาทิตย์ทรงกลด และไม้ด่างลายหินอ่อน โดยลูกค้าส่วนมากจะเลือกซื้อพวกที่มีชื่อมงคล ดอกสีสดใสสวยงาม มีลวดลายบนกลีบดอกที่หลากหลาย และเป็นพันธุ์ยอดนิยม ไม้กลุ่มนี้จะเป็นลูกค้าที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อไปขายอีกที ความหลากหลายของสีดอกชวนชม ให้เต็มสิบ เรียกว่าครบเครื่อง
ขนาดไซส์ที่สวนสีทอง 3 ผลิต เป็นกระถางขนาด 6 นิ้ว และ 8 นิ้ว แต่ละเบอร์มีสินค้าพร้อมจำหน่าย ทั้งขายปลีกและขายส่ง ราคาเป็นมิตรภาพ เป็นโอกาสของคนรักชวนชมที่จะจับจ่ายแบบสบายๆ แบบไม่ต้องคิดมาก นักเล่นสามารถซื้อได้ง่าย นำไปเลี้ยงไปตกแต่งได้ตามสไตล์ เลือกพันธุ์ที่ตัวเองชอบ สีดอกที่ตัวเองหลง เพราะราคาไม่ต่างกันมากนัก
จากแนวคิดในการผลิตไม้ประดับเชิงปริมาณ พร้อมกับขายในราคาไม่แพง ซึ่งไม้กลุ่มนี้เป็นไม้เศรษฐกิจที่ตลาดมีความต้องการ จึงทำให้ จิระ จุกมงคล เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งของวงการ ไม้ดอกไม้ประดับ ไทย และเป็นที่ยอมรับของคนในวงการในด้านนักพัฒนาสายพันธุ์หน้าวัวใบด้วยนั่นเอง
ขอขอบคุณข้อมูล คุณจิระ จุกมงคล สวนสีทอง 3 โทร. 08-1647-9415