ไม้ดอกไม้ประดับ 10 พรรณไม้ ที่ได้รับความ “ยอดนิยม” ตลอดกาล

โฆษณา
AP Chemical Thailand

กระถางต้นไม้ P&U 336x280

ไม้ดอกไม้ประดับ นั้นมีอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของโลก ไม่ว่าจะเป็นไม้ประดับเมืองร้อน หรือเมืองหนาว หรือแม้แต่จะปลูกไว้ในกระถางเล็กๆ ประดับบ้าน ต่างก็มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ก็จะคงความสวยงามและน่ามอง อีกทั้งยังมีความหอมในแบบฉบับของตนเอง ถึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่ให้ความสวยงาม สบายตา และน่ามองนั่นเอง ซึ่งครั้งนี้เรามาพูดถึง 10 ไม้ดอกไม้ประดับยอดนิยมกันดีกว่า

คำว่าไม้ดอกไม้ประดับนั้นมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป เมื่อแยกออกเป็นสองคำ โดยไม้ดอกจะให้ความหมายว่าพืชที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากดอก ให้ความสวยงาม ในส่วนของไม้ประดับนั้นจะให้ความหมาย คือ พืชที่ใช้ประโยชน์จากรูปร่าง สีสัน ซึ่งไม้ประดับนั้นจะมีลักษณะของสีและใบที่แตกต่างกันออกไปตามความสวยงามของพืชชนิดนั้นๆ เมื่อนำทั้งสองคำมารวมกันจะให้ความหมายที่ว่าไม้ดอกที่นำมาประดับตกแต่งเพื่อความสวยงามให้กับสถานที่นั้นๆ อีกทั้งยังมีในเรื่องของกลิ่นที่ส่งกลิ่นหอมตลอดเวลาอีกด้วย

1.ไม้ดอกไม้ประดับ
1.ไม้ดอกไม้ประดับ

การปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับ 

ไม้ดอกไม้ประดับทั้ง 10 ชนิด ที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ เมื่อใครก็ตามที่คิดริเริ่มจะตกแต่งสวน ถือว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม้ดอกไม้ประดับแต่ละชนิดนั้นต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งไม้ดอกไม้ประดับแต่ละชนิดต่างก็มีความชอบสภาพอากาศที่ไม่เหมือนกัน

ซึ่งไม้ประดับบางชนิดอาจจะชอบสภาพอากาศที่มีความร้อนชื้น หรืออากาศแล้ง บางชนิดอาจจะชอบอากาศที่เย็นก็ได้ทั้งนั้นล้วนแล้วแต่การปลูก ซึ่งก่อนจะเริ่มที่จะปลูกนั้นควรจะทำการศึกษารายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับพืชชนิดนั้นที่นำมาปลูกจะดีที่สุด จะได้ไม่เกิดปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง นอกจากนี้อาจจะมีพืชที่สามารถปลูกในบ้านได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

ไม้ดอกไม้ประดับ คือ พรรณไม้ที่เติบโตขึ้นเพื่อความสวยงามและนำมาประดับตกแต่ง อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้ที่ให้ความสวยงาม และมีกลิ่นหอม นอกจากนี้อาจจะมีการจำแนกออกเป็น 2 วิธี คือ ตามลักษณะพรรณไม้ และตามประโยชน์ใช้สอย ซึ่งลักษณะของพรรณไม้นั้นอาจจะแบ่งเป็นไม้ดอกล้มลุก ไม้ดอกที่เป็นไม้พุ่ม ไม้ดอกที่เป็นไม้เลื้อย และไม้ยืนต้น หรือไม้ใหญ่ อีกประเภท คือ ตามประโยชน์ใช้สอย ก็จะเป็นประเภทไม้ตัดดอก ไม้ดอกกระถาง และไม้ประดับแปลง ซึ่งก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเภทของพรรณไม้

2.ดอกไฮเดรนเยีย
2.ดอกไฮเดรนเยีย

ประเภทของไม้ดอกไม้ประดับ

เรามาดูกันดีกว่าว่า 10 ประเภทไม้ดอกไม้ประดับที่ยังคงเป็นที่นิยมในประเทศไทย หรือตลาดพรรณไม้ ที่คนส่วนใหญ่นิยมนำไปประดับตกแต่งสวนหรือตามบ้านนั้นมีอะไรกันบ้าง ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นการยกตัวอย่างพรรณไม้ที่ได้รับความนิยมในการจะปลูก หรือนำไปปลูกนั้นเราต้องไม่ลืมที่จะศึกษารายละเอียดของต้นไม้ชนิดนั้นๆ ให้ดีด้วย

โฆษณา
AP Chemical Thailand
ดอกมะลิ
ดอกมะลิ

ดอกมะลิ พรรณไม้ของไทยที่ได้รับความนิยมในการปลูกเสมอ

พรรณไม้ของไทยที่ขึ้นชื่อว่าปลูกง่ายโดยเร็ว อีกทั้งยังคงเป็นที่นิยมอยู่เสมอในการนำมาประดับตกแต่งสวน หรือประดับหน้าบ้าน ถือเป็นไม้ดอกไม้ประดับของไทยที่ได้รับความนิยมตลอดกาลเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มักจะเห็นหลายๆ บ้านนิยมปลูกดอกมะลิไว้ประดับตกแต่งกันอย่างมากมาย

ซึ่งดอกมะลินั้นถือเป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งด้วย โดยดอกมะลินั้นจะมีจำแนกออกไป คือ ประเภทไม้พุ่ม และไม้เลื้อย ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปตามขนาดของแต่ละสายพันธุ์ ในส่วนของการดูแลนั้นก็สามารถทำได้ง่ายๆ เลยทีเดียว เพียงแค่ควรจะปลูกในดินที่มีความร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี และรดน้ำให้พอชุ่ม แต่ไม่ถึงกับแฉะ เพราะถ้าแฉะเกินไปจะทำให้มะลิเกิดโรคราได้ และควรตั้งให้โดนแดดจัดหรือแดดพอดี และให้ทำการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักประมาณ 5-6 ครั้งต่อปี ก็เพียงพอที่จะทำให้ดอกมะลินั้นออกดอกไปได้นาน แล้วถ้าอยากให้ดูสบายตามากขึ้นก็ทำการตัดแต่งกิ่งให้ดูโปร่งสวยงามก็ได้เช่นกัน

จึงถือว่าดอกมะลิเป็นพรรณไม้ดอกไม้ประดับที่คงทนต่อสภาพอากาศ อีกทั้งยังเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีประโยชน์ในตัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะนำมาใส่ในข้าวแช่ หรือน้ำ เพื่อเพิ่มความหอมได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญเลย คือ การนำมะลิมาร้อยเป็นพวงมาลัยซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากของคนไทย ทำให้พูดได้เลยว่าดอกมะลินั้นถือเป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมตลอดกาลอย่างแท้จริง

ดอกกุหลาบ
ดอกกุหลาบ

ดอกกุหลาบ ดอกไม้แทนความสุขและความรัก

ไม้ดอกไม้ประดับชนิดต่อมา หลายๆ คนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ดอกกุหลาบดอกไม้ที่ความสวยงามในแบบเฉพาะของตัวเอง อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมที่เป็นแบบเฉพาะตัว และมีหลากหลายสีสันให้เลือกนำมาประดับ รวมไปถึงสรรพคุณของดอกกุหลาบที่หลายคนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ซึ่งดอกกุหลาบนั้นก็มีหลากหลายสายพันธุ์ จึงทำให้มีหลายสี

ในเรื่องของการดูแลนั้น ดอกกุหลาบเป็นพรรณไม้ที่ให้ความสวยงามอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง การดูแลจึงต้องใส่ใจและพิถีพิถันเป็นพิเศษ และต้องมีความใจเย็นที่จะดูแลด้วย จึงจะได้ผลลัพธ์ออกมาดี ซึ่งถ้าดอกกุหลาบชนิดไหนได้รับการดูแลดี จะให้ผลผลิตที่สวยงาม อีกทั้งยังส่งขายได้ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการดูแลแบบทั่วไปเลยทีเดียว

ในการปลูกดอกกุหลาบนั้นเริ่มแรกเลย คือ เราต้องทำการคัดเลือกสายพันธุ์ที่จะนำมาปลูกเพื่อประดับตกแต่งก่อน ซึ่งดอกกุหลาบเป็นพรรณไม้ที่ชอบอากาศเย็นสบายไม่ถือกับว่าเย็นจัดมาก ในการปลูกเพียงนำเมล็ดพันธุ์มาปลูกหรือทำการลิดใบก็ได้ อาจจะนำมาเพาะในถุงเพาะที่มีดินผสมปุ๋ยบำรุงอยู่แล้วก็ได้ จากนั้นให้รดน้ำในตอนเช้า โดยให้ดอกกุหลาบที่ปลูกนั้นโดนแดดอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง และทำการเพิ่มอีกวันละ 1 ชั่วโมง โดยทำแบบนี้จนกว่าจะครบ 1 สัปดาห์ ควรให้โดนแดดในช่วงเช้าที่แสงแดดไม่แรงมาก เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการกลีบไหม้ได้ถ้าโดนในช่วงสาย

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เมื่อดอกกุหลาบเริ่มแตกตาใหม่ ให้ย้ายลงไปปลูกในกระถาง โดยกระถางที่จะปลูกนั้นจะต้องมีดินรองอยู่ในกระถางประมาณ 2-3 นิ้ว ด้วย พอเราย้ายลงในกระถางเรียบร้อย จากนั้นให้เติมดินและกลบโคนต้นด้วยขุยมะพร้าวที่ผ่านการแช่น้ำไว้ประมาณ 1 คืน ก็เป็นอันเรียบร้อย

สำหรับการปลูกดอกกุหลาบในกระถางนั้นสิ่งสำคัญเลย คือ ดินต้องมีการระบายน้ำที่ดี แต่ไม่ควรจะให้ดินระบายน้ำเร็วหรือช้าเกินไป ควรเป็นดินที่รักษาความชื้นได้ดี อีกทั้งวางกระถางดอกกุหลาบให้โดนแดดอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง โดยอาจจะเป็นช่วงเช้าหรือช่วงเย็นที่แดดไม่จัดมากก็ได้ และรดน้ำที่โคนต้นวันละ 1-2 ครั้ง ที่สำคัญอย่าให้ดินแฉะ เพราะจะทำให้เกิดโรคราได้

ดอกกล้วยไม้
ดอกกล้วยไม้

กล้วยไม้ ไม้ประดับสวยงามที่ครองใจหลายๆ คน

ถ้าให้พูดไม้ดอกไม้ประดับคงจะหนีไม่พ้นดอกกล้วยไม้ ไม้ประดับตลอดกาลที่ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน ซึ่งถือว่าเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้แก่สวนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งคนไทยเองก็คงนิยมเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไม้ประดับแบบแขวนลอย

โดยกล้วยไม้นั้นจะหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้เลือกซื้อมาประดับตกแต่งสวน หรือบ้าน กันอย่างมากมายเลยทีเดียว ซึ่งกล้วยไม้เองก็มีหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกสรร ซึ่งแหล่งกำเนิดนั้นหลักเลยจะอยู่ที่ลาตินอเมริกากับเอเชียแปซิฟิก ซึ่งในเอเชียนั้นศูนย์กลางของแหล่งกล้วยไม้เลย คือ ประเทศไทยเอง เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่มีความเอื้ออำนวย ทำให้ปลูกกล้วยไม้ได้ง่าย อีกทั้งยังมีลักษณะเด่นในตัวต่างจากแถบลาตินอเมริกาอีกด้วย

ซึ่งการจะนำกล้วยไม้มาประดับนั้นสิ่งสำคัญเลยจะทำให้กล้วยไม้โตได้คุณภาพ คือ แสงสว่าง ความชุ่มชื่น อุณหภูมิ และบรรยากาศ ทั้ง 4 อย่างนี้ จะช่วยให้กล้วยไม้ของเรามีดอกที่สวยงาม และมีกลิ่นหอมนั่นเอง ส่วนใหญ่แล้วนั้นการนำกล้วยไม้มาปลูกประดับนั้นจะปลูกในกระถางดินเผาที่มีขนาดความกว้างประมาณ 4-6 นิ้ว หรือเรียกกระถางนี้ว่า คอมพอท หรือจะใช้กระเช้าไม้ในการปลูกก็ได้ โดยกระเช้าไม้นั้นควรจะมีความกว้างประมาณ 3-5 นิ้ว หรืออาจจะ 8-10 นิ้ว ก็ได้ ถ้ากล้วยไม้มีขนาดใหญ่

การนำกล้วยมาไม้มาปลูกไว้นั้นก็มีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะปลูกกับต้นไม้ใหญ่ ปลูกในกระถางดินเผา กระถางพลาสติก ฯลฯ ก็ล้วนแล้วแต่ความสะดวกในการดูแลของคนปลูก การให้น้ำในกล้วยไม้ควรเป็นน้ำที่มีค่าความเป็นกลาง ซึ่งถือว่าน้ำเป็นส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งน้ำที่เหมาะกับกล้วยไม้มากที่สุดจะเป็นน้ำฝน รองลงมา คือ น้ำประปา ในส่วนของการให้น้ำนั้นอาจจะใช้บัวรดน้ำ หรือใช้สายยาง ก็ได้

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ซึ่งเวลาให้น้ำของกล้วยไม้นั้นช่วงเช้าจะเหมาะสมมากที่สุด ควรให้น้ำไม่เกิน 9 โมงเช้า และไม่ควรรดน้ำถูกยอดของกล้วยไม้อย่างเด็ดขาด ในส่วนของปุ๋ยก็สามารถใส่ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยอนินทรีย์ ก็ได้ หรือจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ที่มีส่วนช่วยให้กล้วยไม้มีลำต้นและใบที่สวยงามอยู่เสมอ การให้ปุ๋ยควรให้ปุ๋ยในปริมาณที่พอเหมาะ และในฤดูร้อนอาจจะให้ปุ๋ยมากกว่าในช่วงฤดูหนาวอยู่พอสมควร และเวลาที่เหมาะแก่การให้ปุ๋ยนั้นควรจะไม่เกิน 11 โมงเช้า เพราะถ้าเกินกล้วยไม้อาจจะเกิดความเสียหายได้

เฟื่องฟ้า
เฟื่องฟ้า

เฟื่องฟ้า ไม้ดอกเมืองร้อนคงความนิยมตลอดกาล

ถ้าพูดถึง ไม้ดอกไม้ประดับ ยอดนิยมของคนไทยเลย เฟื่องฟ้าถือเป็น ไม้ดอกไม้ประดับ อีก 1 ชนิด ที่คงความนิยมตลอดมา เพราะถือว่าเป็นไม้ดอกที่มีความคงทนต่อสภาพอากาศร้อนในเมืองไทยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้วยังเป็นไม้ดอกที่มีความหลากสีสันเลยทีเดียว ขนาดคนที่ไม่ได้นิยมปลูกไม้ดอกไม้ประดับไว้ตกแต่งสวนยังต้องรู้จักดอกเฟื่องฟ้าเป็นอย่างดีเลยทีเดียว

โดยต้นกำเนิดของเฟื่องฟ้านั้นอยู่ที่ประเทศบราซิล แต่ในภายหลังเริ่มมีการนำไปขยายพันธุ์เพื่อทำการปลูกมากขึ้น จึงทำให้ปัจจุบันเป็นไม้ดอกที่มีอยู่ทั่วโลกเลยทีเดียว โดยประเทศไทยนั้นได้เริ่มนำเข้ามาในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 โดยนำเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์ จึงทำให้คนไทยรู้จักเฟื่องฟ้ามากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

โดยการขยายพันธุ์นั้นส่วนใหญ่แล้วเฟื่องฟ้าจะเน้นวิธีการแบบปักชำ โดยตัดให้มีความยาวประมาณ 20 เซนติเมตร และนำกิ่งที่ตัดออกนั้นจุ่มลงในฮอร์โมนที่จะทำการเร่งราก แล้วนำไปปักชำในดินผสมขี้เถ้าแกลบ ในปริมาณอัตราส่วน 5 ต่อ 1 โดยใส่ขี้เถ้าแกลบ 5 ส่วน และ ดิน 1 ส่วน จากนั้นให้นำไปวางไว้ในที่มีแสงอยู่รำไรประมาณ 1 เดือน รากจะเริ่มงอก และค่อยๆ ทำการย้ายเพื่อนำไปปลูกใส่ในกระถางหรือลงดินต่อไป

ในการให้น้ำของดอกเฟื่องฟ้านั้น โดยปกติแล้วเฟื่องฟ้าเป็นไม้ดอกที่มีความคงทนต่อสภาพอากาศที่มีความร้อนได้ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องให้น้ำมากเกินไป เพราะธรรมชาติแล้วเฟื่องฟ้าเป็นไม้ดอกที่ไม่ชอบสภาพดินที่มีความแฉะหรือชุ่มมากจนเกินไป จึงจำเป็นที่จะต้องคอยสังเกตกระถางที่ปลูกว่ามีการระบายน้ำที่ดีหรือไม่อยู่ตลอด และควรรดน้ำแค่วันละ 1 ครั้ง ส่วนการใส่ปุ๋ยให้ใส่รอบโคนต้นประมาณ 1 ช้อนแกง โดยการใส่ปุ๋ยควรใส่ทุกๆ 2 สัปดาห์ จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นตามขนาดของต้นเฟื่องฟ้าก็ได้

ดอกแก้ว
ดอกแก้ว

ต้นแก้ว

ไม้ดอกไม้ประดับ ที่คนชอบตกแต่งสวนจะต้องหามาประดับสวนตลอด ต้นแก้วหรือดอกแก้วถือว่าเป็น ไม้ดอกไม้ประดับ ที่มีความสวยงาม และความหอมอยู่ในตัว ซึ่งกลิ่นหอมของดอกแก้วนั้นจะสร้างบรรยากาศที่น่าหลงใหลให้กับคนได้กลิ่นเป็นอย่างดีเลยทีเดียว จนต้องถามเลยว่าปลูกดอกอะไร

โฆษณา
AP Chemical Thailand

นอกจากนี้ดอกแก้วนั้นถือเป็นไม้ประดับในลักษณะที่เป็นไม้ทรงพุ่มมีขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่มาก เหมาะแก่การนำมาเป็นไม้ประดับในสวนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ด้วยลักษณะที่มีความหอมเฉพาะตัวทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะเป็น 1 ในไม้ประดับที่ควรนำมาปลูกเป็นอย่างยิ่ง นับว่าได้รับความนิยมมากเลยทีเดียว

นอกจากจะเป็นไม้ประดับที่ให้ความสวยงามและความหอมชวนหลงใหลแล้วนั้น ดอกแก้วยังถือได้ว่าเป็นไม้ประดับที่มีความมงคลอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะนิยมการปลูกไว้ตามแนวรั้วของบ้าน เพื่อที่ว่าเวลาเดินผ่านไปมาจะได้กลิ่นหอมๆ จากดอกแก้วนั่นเอง อีกทั้งยังมีความหมายดีๆ ที่เชื่อกันว่าจะช่วยให้มีแต่คนรักใคร่เมตตาดั่งแก้วตาดวงใจ อีกด้วย

การปลูกต้นแก้วนั้นอาจจะแบ่งเป็นการปลูกตามแนวรั้วบ้าน โดยอาจจะแบ่งขนาดหลุมไว้ประมาณ 30×30 เซนติเมตร และใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก โดยเป็นดินร่วน อัตรา 1 ต่อ 2 ทำการผสมดินปลูกก็สามารถปลูกได้แล้ว ส่วนของการให้น้ำควรให้แบบพอประมาณ และควรให้ต้นแก้วนั้นโดนแดดจัดจะเหมาะสมที่สุด แต่ก็ควรจะใส่ปุ๋ยเพิ่มสารอาหารไม่เกิน 6 ครั้ง ถ้าปลูกใส่กระถางทุกๆ 1-2 ปีกำลังดีที่สุด

ดอกไฮเดรนเยีย
ดอกไฮเดรนเยีย

ไฮเดรนเยีย พรรณไม้เมืองหนาวกำลังได้รับความนิยมที่ผ่านมา

ไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ที่เป็นสายพันธุ์จากต่างประเทศ เป็นพรรณไม้ที่มีอายุหลายปี เมื่อเริ่มปลูกแล้วสามารถโตได้สูงถึง 2 เมตร แต่ก็อาจจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ด้วย โดยสายพันธุ์ของไฮเดรนเยียมีมากกว่า 70 สายพันธุ์ทั่วโลก โดยเป็นพรรณไม้ที่ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นไม้เมืองหนาว แต่ก็สามารถมีสายพันธุ์ที่ทนต่อสภาพแวดล้อมเขตร้อนได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

จึงไม่แปลกเลยว่าจะครองใจคนแต่งสวนหลายๆ คน เนื่องจากเป็นพรรณไม้ที่มีความสวยงาม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ดอกไฮเดรนเยียยังคงเป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ยิ่งถ้าปลูกในช่วงฤดูหนาวแล้วยิ่งเพิ่มความสวยงามไปอีกหลายเท่าตัวเลยก็ว่าได้ ดอกไม้ชนิดนี้จะนิยมปลูกในทางภาคเหนือของไทย และนิยมนำมาประดับตกแต่งสวนอีกหลายๆ ที่เป็นอย่างมาก ด้วยความที่มีสายพันธุ์ค่อนข้างเยอะ ทำให้ดอกไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ที่สามารถตกแต่งได้หลายสีสันภายในสวนเดียวเลยก็ว่าได้

นอกจากนี้การปลูกดอกไฮเดรนเยียควรปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น เพราะเป็นพรรณไม้เมืองหนาว ทำให้การปลูกในแต่ละครั้งควรจะให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยดอกไฮเดรนเยียนั้นเป็นพรรณไม้ที่ชอบน้ำเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ควรจะให้น้ำนั้นท่วมขังจนเกินไป ในช่วงแรกอาจจะให้น้ำเช้าและเย็น โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย จากนั้นไฮเดรนเยียจะต้องการสารอาหารพืชมากขึ้น โดยให้สารอาหารประมาณ 1-1.5 กรัมต่อลิตร ประมาณ 4-5 วันต่อสัปดาห์ และน้ำที่ให้นั้นควรเป็นน้ำที่มีค่าความเป็นกลางที่สุด โดยอยู่ที่ 5.5-6.5 และควรให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก ที่สำคัญเลยอย่าให้ดอกไฮเดรนเยียโดนแดดจัดตลอดทั้งวันเกินไป เพราะถ้าโดนแดดมากจะทำให้ดอกไม่ออก แต่ถ้าในอากาศที่เย็นจะยิ่งมีดอกเพิ่มขึ้นนั่นเอง

โฆษณา
AP Chemical Thailand
โมก ไม้ดอกไม้ประดับ ยอดนิยม
โมก ไม้ดอกไม้ประดับ ยอดนิยม

โมก ไม้ดอกที่ช่วยให้คุณสดชื่นได้ตลอดทั้งวัน

ไม้ดอกไม้ประดับ ของไทยนั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีของนักจัดสวนทั่วประเทศ หนึ่งใน ไม้ดอกไม้ประดับ ที่เป็นที่นิยมนั้นก็คงหนีไม่พ้นโมก ไม้ประดับประเภทพุ่ม มีขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นไม้ประดับหรือยืนต้นขนาดกลาง มีความสูงไม่เกิน 12 เมตร ดอกจะมีลักษณะเป็นช่อ ส่งกลิ่นหอมตลอดทั้งวันเลยทีเดียว โดยจะมีดอกประมาณ 4-8 ดอกต่อช่อ

แม้ต้นโมกจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับต้นแก้ว แต่ความจริงนั้นจะมีกลิ่นที่หอมสดชื่น และตลอดทั้งวันมากกว่าดอกแก้ว ซึ่งส่วนใหญ่ในการนำมาประดับนั้นอาจจะนำมาประดับเป็นรั้วหน้าบ้าน หรือปลูกในสวน ก็ได้เช่นกัน อีกทั้งยังถือได้ว่าโมกเป็นพรรณไม้มงคลอีกหนึ่งชนิดของไทยเลยก็ว่าได้

โดยการปลูกต้นโมกนั้นจะปลูกลงในกระถาง หรือปลูกในที่ที่มีดินที่สมบูรณ์ดี ดินมีความร่วนซุย และก่อนจะปลูกนั้นดินที่นำมาปลูกต้องมีการผสมปุ๋ยอาจจะเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ก็ได้เช่นกัน การให้น้ำก็ควรให้น้ำในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป แต่ห้ามปล่อยให้มีน้ำขังอย่างเด็ดขาด บำรุงด้วยปุ๋ยประมาณปีละ 4 ครั้ง และปลูกในที่ที่มีแดดจัดก็ได้เช่นกัน เพราะเป็นพรรณไม้ที่มีความคงทนต่อสภาพอากาศร้อนได้เป็นอย่างดี

นับเป็นอีกหนึ่งพรรณไม้ที่ยังคงเป็นที่นิยม และได้รับการนำมาประดับตกแต่งสวน หรือทำเป็นรั้วหน้าบ้านอยู่เสมอ

ดอกปีบ
ดอกปีบ

ปีบ พรรณไม้มงคลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

อีกหนึ่งไม้ประดับที่มีความเป็นมงคลสำหรับคนไทย และยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะนิยมนำมาปลูกไว้ที่บ้าน หรือไม่ก็นำมาประดับตกแต่งสวนที่บ้าน ซึ่งตามความเชื่อสมัยโบราณเชื่อว่าการปลูกต้นปีบไว้ในบ้านนั้นจะช่วยโชคทรัพย์ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าเป็นไม้ประดับขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ หรือเป็นไม้ยืนต้นนั่นเอง โดยจะมีดอกที่ออกสีขาวอมชมพู จะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปทั่วทั้งสวนเลยก็ว่าได้

นอกจากจะมีกลิ่นที่หอมชวนให้นำมาประดับตกแต่งในสวนแล้ว ยังคงเป็นพรรณไม้ประดับที่ได้รับความนิยมอยู่เสมออีกด้วย ทั้งนี้ดอกปีบหรือต้นปีบนั้นยังได้รับให้เป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด รวมไปถึงหน่วยงานราชการต่างๆ อีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพรรณไม้ที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอในการนำมาประดับตกแต่งสวน หรือนำมาปลูกนั่นเอง

โฆษณา
AP Chemical Thailand

นอกจากนี้ต้นปีบเองยังสามารถที่จะทนความร้อนได้เป็นอย่างดี จึงสามารถปลูกทั้งในที่ที่มีแดดจัดหรือแดดรำไรได้ แต่ถ้าปลูกในพื้นที่ที่แดดส่องถึง และความชื้นสัมพันธ์กัน จะทำให้ต้นปีบนั้นโตได้เร็วขึ้น แต่ถ้าแดดไม่จัดมาก และปลูกในที่ที่มีความชื้น ต้นจะไม่ค่อยโต แต่รากจะยาวและแตกหน่อใหม่ได้เร็วนั่นเอง

ทั้งนี้ดอกปีบสามารถนำมาทำเป็นยาสมุนไพรช่วยในการบรรเทาอาการโรคหอบหืดได้ หรือจะนำมารับประทานร่วมกับน้ำพริกก็ได้เช่นกัน ซึ่งมีสรรพคุณทางยาได้อีกด้วย ถือว่าเป็นพรรณไม้ประดับที่ให้ทั้งความสวยงามและมีคุณค่าในตัวเลยทีเดียว

พุดซ้อน
พุดซ้อน

พุดซ้อน พรรณไม้ยอดนิยมของไทยอีกหนึ่งชนิด

พรรณไม้ประดับอีกหนึ่งชนิดที่แทบจะมีติดทุกสวน พุดซ้อนเป็นพรรณไม้ที่มีขนาดกลางไม่สูงมาก โดยความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1-2 เมตร และก็มีขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน ดอกจะมีลักษณะที่เป็นสีขาว มีกลิ่นหอมที่ชวนให้หลงใหล อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้มงคลที่นักจัดสวนหรือคนที่ชอบตกแต่งสวนนำมาประดับสวนอยู่ตลอด ยังคงเป็นพรรณไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

โดยความเชื่อที่ว่านั้น คือ จะช่วยให้คนที่ปลูกนั้นประสบความสำเร็จใจชีวิตนั่นเอง โดยลักษณะของต้นนั้นจะมีใบที่เป็นทรงพุ่ม ไม่หนามาก และทำการเพาะพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการตัดแต่งกิ่ง การปลูกก็ควรจะปลูกในที่ที่มีความโล่งแจ้ง เพราะเป็นพรรณไม้ยืนต้นที่ต้องการแสงแดดจัด และชอบดินที่มีความร่วนซุยดี เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากจะปลูกประดับเพื่อความสวยงามร่มรื่นแล้ว และยังคงเป็นพรรณไม้ประดับที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น ยังคงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกหลากหลายชนิดด้วย โดยหลักๆ แล้วนั้นจะนำดอกพุดซ้อนมาใช้เป็นการร้อยพวงมาลัยเพื่อบูชาและกราบพระ ส่วนของเมล็ดนั้นยังสามารถนำไปเป็นสีผสมอาหารจากธรรมชาติได้อีกด้วย ส่วนดอกก็จะแปรรูปเป็นน้ำมันหอมระเหยหรือน้ำหอมได้นั่นเอง

ถือว่าเป็นพรรณไม้ประดับที่ได้รับความนิยมอีกชนิดหนึ่งเลยทีเดียวกับพุดซ้อน ที่ไม่ว่าจะไปสวนไหนก็จะมีต้นพุดซ้อนปลูกเป็นไม้ประดับอยู่ในสวนแทบทุกสวนเลยทีเดียว

โฆษณา
AP Chemical Thailand
ดอกชบา
ดอกชบา

ดอกชบา พันธุ์ไม้ของไทยที่คงครองใจหลายๆ คน

พรรณไม้ของไทยที่ยังคงได้รับความนิยมในการนำมาประดับตกแต่งสวนอยู่ตลอดเวลา คงหนีไม่พ้นดอกชบา ซึ่งก็จะมีแทบทุกสวนเลยทีเดียวที่ปลูกไม้ดอกชนิดนี้ ตามความเชื่อของคนสมัยโบราณนั้นชบาเป็นพรรณไม้ที่ตีความได้ว่าช่วยให้ความสดชื่น เบิกบาน และเสริมความเป็นมงคลแก่ผู้ปลูกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของหน้าที่การงานให้มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น

ชบานั้นเป็นพรรณไม้ที่เป็นพุ่ม อาจจะมีความสูงได้ถึง 4 เมตร เลยทีเดียว มีดอกที่มีขนาดใหญ่ และมีความสวยงามอยู่ในตัว อีกทั้งความสวยงามนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์อีกด้วยว่าจะมีดอกที่มีสีสันแปลกใหม่ขนาดไหน นอกจากนี้ในเรื่องของการดูแล

ชบาอาจจะต้องดูแลเป็นพิเศษเสียหน่อย คือ การปลูกชบานั้นอาจจะปลูกในที่ที่มีแดดส่องถึงพอดี และควรรดน้ำในปริมาณที่เหมาะสม แต่ไม่ควรแฉะจนเกินไป เพราะจะทำให้ตัวดอกชบาเสียหายและติดโรคได้ อีกทั้งตัวดอกชบานั้นสามารถเจริญเติบโตได้อย่างดีในสภาพดินแทบทุกชนิด แต่อาจจะเป็นดินมีความร่วนซุย และมีธาตุอาหารในดินเสียหน่อย ก็จะช่วยให้การเติบโตของดอกชบานั้นดียิ่งขึ้น

และที่สำคัญเลยต้องไม่ลืมในเรื่องของการใส่ปุ๋ยในดิน เพื่อให้ดินมีธาตุอาหารที่สมบูรณ์ และเป็นการปรับสภาพดินไปในตัว โดยอาจจะบำรุงดินด้วยปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียม ในอัตราส่วนที่มีความเท่ากัน  เพียงเท่านี้ก็จะได้ต้นชบาที่มีความสมบูรณ์ ดอกสวย พร้อมโชว์สู่สายตาแก่ผู้พบเห็นได้แล้ว

3.ดอกกุหลาบ
3.ดอกกุหลาบ

ฝากถึงผู้ที่สนใจ ไม้ดอกไม้ประดับ 

ความนิยมของ ไม้ดอกไม้ประดับ นั้นยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง สาเหตุก็มีหลายๆ ปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะเป็นสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น หรือสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่วุ่นวาย ทำให้อยากหาอะไรมาประดับสวนที่บ้านเพื่อเพิ่มความสงบ ร่มรื่น และสวยงาม

แต่ก็บอกได้เลยว่าพรรณไม้ที่กล่าวข้างต้นนั้นเป็นพรรณไม้ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้ที่สามารถหาซื้อได้ง่าย ถ้าใครอยากจะเริ่มหา ไม้ดอกไม้ประดับ มาตกแต่งสวน หรือแต่งบ้าน ลองเอาพรรณไม้ดังกล่าวไปพิจารณาดูได้เลย

โฆษณา
AP Chemical Thailand

พรรณไม้ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นการยกตัวอย่างพรรณ ไม้ดอกไม้ประดับ ที่ได้รับความนิยมเสมอมาในการที่จะนำไปจัดสวน ซึ่งอาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงจุดเล็กของการบอกกล่าวถึงพรรณไม้ที่น่าลองนำมาตกแต่งสวน หรือตกแต่งบ้านได้ ซึ่งถ้าหากใครมีต้นอื่นๆ ที่น่าสนใจก็สามารถที่จะแชร์ข้อมูลได้เช่นกัน จึงเป็นที่มาของบทความนี้

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

https://www.baanlaesuan.com/134758/dontmiss/hydrengea,https://home.kapook.com/view139030.html,https://www.baanlaesuan.com/31123/plant-scoop/10flower,https://sites.google.com/a/harnthao.ac.th/dxkmi/dxk-chba,https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_1813491