บนพื้นดินนี้มีพรรณไม้ที่มีความหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นพรรณไม้ที่เห็นกันจนชินตา หรือพรรณไม้หายากที่ใกล้สูญพันธุ์ ล้วนแล้วแต่เป็นพืชสีเขียวที่ช่วยให้เวลามองแล้วรู้สึกสบายตามากขึ้น เราจะมาพูดถึงพรรณ ไม้เลื้อย ซึ่งไม้เลื้อย คืออะไร คือ พรรณไม้ที่ไม่สามารถทรงตัวได้ เวลาเติบโตจะเลื้อยไปตามต้นไม้ใหญ่หรือสิ่งที่ยึดเกาะได้ เพื่อให้ลำต้นเติบโตไปได้มากกว่าเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้กับพรรณไม้เหล่านี้
พรรณไม้เลื้อยที่จะยกตัวอย่างมานี้เป็นพืชพรรณไม้ที่สามารถพบได้ทั่วไป และโตได้ค่อนข้างเร็ว พรรณ ไม้เลื้อย คือ สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้ต้นไม้สายพันธุ์นี้เป็นอวัยวะพิเศษที่ช่วยในการเลื้อยเกาะเพื่อการปรับตัวที่จะช่วยให้เจริญเติบโตได้เต็มที่ อีกทั้งการเลื้อยของพรรณไม้ชนิดนี้จะเป็นตัวช่วยในการหาแสงเพื่อหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตให้กับต้นไม้ชนิดนั้นๆ
นอกจากนี้ยังมีใบและดอกที่สวยงามและน่ามองเป็นอย่างมาก เหมาะแก่การประดับตกแต่งสวนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยในการสร้างร่มเงาให้กับสวนเพื่อเป็นการพรางแสงอาทิตย์ที่ร้อนได้เป็นอย่างดี เหมาะแก่การนำมาตกแต่งและสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นให้กับสวนเป็นอย่างมาก
ประเภทของพืชพรรณ ไม้เลื้อย
ไม้เลื้อย เป็นพรรณไม้ทางเลือกที่เหมาะกับการจะนำมาตกแต่งสวน หรือช่วยตกแต่งบ้าน เพื่อป้องกันหรือพรางแสงแดดให้ไม่ร้อนมากจนเกินไป อีกทั้งเป็นพรรณไม้ที่มีความหลากหลายและน่าค้นหาเป็นอย่างมาก เพราะเป็นพรรณไม้ที่ไม่มีลำต้นที่ช่วยในการพยุงตัวในการเจริญเติบโต
ทำให้พรรณไม้หลายชนิดที่เป็นประเภท ไม้เลื้อย นั้น เป็นที่นิยมในการนำมาตกแต่งสวนเพื่อสร้างสีสันให้กับสวนในบ้าน หรือสวนที่จะทำไว้เพื่อให้ผู้คนได้มาเข้าชม อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้ที่มีความสวยงาม มีดอกและใบที่แปลกตา ทำให้เป็นพรรณไม้ที่น่าสนใจไม่น้อย 10 พรรณไม้ที่จะยกตัวอย่างมานี้มีอะไรบ้างไปดูกันดีกว่า
ไม้เลื้อย พรรณไม้ที่ไม่สามารถประคองตัวอยู่ได้เมื่อเจริญเติบโตขึ้น เวลาเติบโตจะเลื้อยไปตามขนาดของการเติบโตเพื่อหาแหล่งยึดเกาะเพื่อช่วยในการเติบโตต่อไปได้ อีกทั้งยังมีการปรับตัวเวลาเลื้อยและทำการทอดยอดเพื่อที่จะรับแสงไม่ให้ตัวเองเกิดตันเพื่อที่จะหาหนทางการเจริญเติบโต ทำให้ชนิดของพรรณไม้เลื้อยนั้นในธรรมชาติมีมากกว่าพรรณไม้ชนิดอื่นๆ
นอกจากนี้ดอกและใบยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับพันธุ์ไม้แต่ละชนิดได้เป็นอย่างดี ซึ่งความสวยงามนี้จะขึ้นอยู่กับดอกและสายพันธุ์ของ ไม้เลื้อย ชนิดนั้นๆ ซึ่งเวลานำมาปลูกนั้นจะช่วยลดความแข็งกระด้างได้เป็นอย่างดี จึงเป็นที่นิยมนำมาประดับตกแต่งสวนเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
ซึ่งตัวพันธุ์ ไม้เลื้อย นั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ การเลื้อยแบบพาดพิง การเลื้อยแบบขัดสาน และการเลื้อยพันแบบเกาะยึดเหนี่ยว เรามาดูกันดีกว่า 10 พรรณไม้เลื้อยมีอะไรกันบ้าง
1.ต้นม่านบาหลี
ถ้านักจัดสวนหลายท่านคงจะรู้จักกันดีว่าไม้เลื้อยชนิดนี้น่าจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักจัดสวน หรือคนที่สนใจจะเริ่มสวนใหม่ภายในบ้าน หรือตามสถานที่ต่างๆ หรือนำไปตกแต่งในงานพิธีต่างๆ ต้นม่านบาหลี จัดเป็นพรรณไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่ตัวรากของต้นนั้นจะห้อยลงมามีลักษณะคล้ายกับม่าน ซึ่งการที่รากห้อยลงมานี้เองทำให้ส่วนของรากนั้นจะช่วยในการบังแดดได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการสร้างบรรยากาศภายในสวนให้ดูสวยงามและร่มรื่นน่ามองได้เป็นอย่างดี
โดยลักษณะของใบนั้นจะเป็นรูปหัวใจปลายแหลม ส่วนของดอกนั้นจะออกเป็นช่อสีขาวอมเหลือง ในส่วนของรากนั้นหรือเรียกว่าม่านก็ได้ ในช่วงแรกจะเป็นสีชมพูก่อน แต่พอต้นเริ่มแข็งแรงได้เต็มที่แล้วส่วนของรากก็จะมีการเปลี่ยนสีเกิดขึ้น กลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือเข้มก็ได้ เป็นพรรณไม้เลื้อยที่การเจริญเติบโตที่เร็วมาก ซึ่งต้นม่านบาหลีนั้นจัดเป็นอีกหนึ่งไอเดียดีๆ ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับสวนได้ไม่ยากเลย
ดอกของต้นนั้นจะออกในช่วงพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ แต่ก็จะพบได้ไม่มากนัก อีกทั้งตัวต้นม่านบาหลีนั้นเป็นพรรณไม้เลื้อยที่ชอบแสงแดดจัด จึงควรรดน้ำแค่วันละ 1 ครั้งก็เพียงพอ อย่างที่กล่าวไปว่าต้นม่านบาหลีนั้นเป็นพรรณไม้ที่เติบโตค่อนข้างเร็ว ทำให้จะต้องมีการตัดแต่งกิ่งและรากอยู่ตลอด โดยการตัดแต่งกิ่งและรากนั้นควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็พอ เพราะจะได้ความยาวที่พอดี ไม่ยาวหรือสั้นเกินไป ช่วยปรับภูมิทัศน์ของสวนได้เป็นอย่างดี
2.สร้อยอินทนิล
เป็นพรรณไม้เลื้อยอีกชนิดหนึ่งที่มีเถาขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพรรณไม้ที่ชอบขึ้นอยู่ตามป่าดิบแล้ง หรือป่าเบญจพรรณ ลำต้นค่อนข้างแข็ง และมีอายุอยู่ได้นานหลายปี อีกทั้งเมื่อโตขึ้นจะสามารถเลื้อยเพื่อหาแหล่งอาหาร และเติบโตได้ถึง 15-20 เมตร เลยทีเดียว
ซึ่งสร้อยอินทนิลนี้เป็นพรรณไม้ที่ชอบแสงแดดจัด จึงมีการนำมาประดับตกแต่งในสวน หรือตามซุ้มงานพิธีต่างๆ เป็นอย่างมาก ถ้าปลูกเพื่อประดับสวนควรปลูกในพื้นที่ที่มีแดดส่องถึงอย่างสม่ำเสมอ เพราะเป็นพรรณไม้ที่ชอบแสงแดดค่อนข้างจัด อีกทั้งควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอจะเหมาะสมมากกว่า เพราะจะช่วยให้ต้นนั้นเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น โดยการเติบโตนั้นจะเริ่มต้นโตเต็มที่ในช่วง 1 ปี และหลังจากนั้นก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ แต่เลื้อยเถาได้ยาว
อีกทั้งยังมีอายุที่ยืนยาวกว่าพรรณไม้บางชนิด ถ้าปลูกไว้ในที่ร่มตัวดอกที่จะออกนั้นจะไม่สวยเหมือนปลูกไว้ในที่ที่มีแสงส่องถึงมากนัก ซึ่งพรรณไม้ชนิดนี้สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี เป็นต้นไม้ที่ไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องโรคและแมลงมากเท่าไหร่นัก ในการดูแลรดน้ำ ถ้าวันไหนสังเกตเห็นว่าดินยังมีน้ำแฉะอยู่ก็เว้นการรดน้ำได้
โดยปกติอาจจะรดวันละ 1 ครั้ง แต่ถ้าดินยังแฉะอยู่ให้รดน้ำวันเว้นวันก็ได้ เพื่อไม่ให้ต้นเกิดการสะสมน้ำมากเกินไปจนเน่าตาย ในการปลูกนั้นส่วนใหญ่จะเน้นเป็นการปักชำมากกว่า เพราะจะช่วยให้ต้นนั้นโตได้เร็วกว่าการเพาะเมล็ด อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของดอกที่อาจจะดกกว่า ถ้าใครไม่ได้เพาะปลูกเองก็แนะนำให้หาความรู้ก่อนที่จะปลูกหรือศึกษาก่อนจะซื้อ เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
ในเรื่องของดินนั้นถ้าดินเป็นดินร่วน และเก็บน้ำได้ดี ให้ความชุ่มชื้นดี การรดน้ำก็อาจจะเว้นระยะอย่างที่กล่าวไป จึงทำให้ต้นสร้อยอินทนิลนั้นเป็นที่ยอมรับในหลายๆ เรื่อง เพราะความสวยงาม และความทนทาน เหมาะแก่การนำมาประดับตกแต่งเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
3.ต้นลดาวัลย์
ถ้าใครกำลังมองหาพรรณไม้เลื้อยที่จะนำมาประดับตกแต่งสวน หรือตกแต่งบ้าน ถ้าไม่มีต้นนี้คงจะเป็นไม่ได้เลย ต้นลดาวัลย์พรรณไม้เลื้อยอีกหนึ่งชนิดที่ดอกส่งกลิ่นหอมอบอวลเป็นอย่างดี อีกทั้งใบร่วงน้อย ทำให้ไม่ต้องคอยมานั่งกวาดหรือทำความสะอาดสวนหรือบริเวณบ้านบ่อยๆ
ซึ่งต้นลดาวัลย์นี้จะมีลักษณะดอกเป็นสีขาวนวล มีกลิ่นที่หอมเย็น ซึ่งต้นลดาวัลย์นี้จะเหมาะกับการปลูกในช่วงที่ส่งเปลี่ยนฤดูปลายฝนต้นหนาว จะเป็นช่วงที่เหมาะกับการปลูกเป็นอย่างมาก ยิ่งในช่วงเช้าเมื่อต้นลดาวัลย์มีดอกแล้วจะส่งกลิ่นหอมออกมาแบบให้ความรู้สึกเย็นสบายเป็นอย่างมาก
อีกทั้งเป็นไม้เลื้อยที่มีทรงเป็นพุ่มเตี้ยจัดอยู่ในกลุ่มพรรณไม้เลื้อยขนาดเล็ก กิ่งและก้านนั้นจะเปราะบางทำให้หักได้ค่อนข้างง่าย แต่ถ้าปล่อยให้โตเองนั้นต้นลดาวัลย์เลื้อยยาวได้ถึง 8 เมตร เลยทีเดียว แต่เป็นพรรณไม้ที่ไม่จำเป็นจะต้องตัดแต่งกิ่งบ่อยมากนัก อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้โตเร็ว ทนแดด ไม่ต้องใส่น้ำเยอะ แต่ถ้าปลูกในดินก็ควรทำให้ดินมีความชุ่มชื้นจะเหมาะที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยบังแดดถ้านำไปปลูกเป็นซุ้มก็จะช่วยส่งกลิ่นหอมในช่วงเช้า และบังแดดช่วงสายๆได้เป็นอย่างดี สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและอบอวลไปด้วยเลย
4.ต้นเล็บมือนาง
มารู้จักกับอีกหนึ่งพรรณไม้เลื้อยอีกหนึ่งชนิดกันดีกว่า ต้นเล็บมือนางเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็งที่คนที่รักการตกแต่งสวน หรือจะสร้างสวนใหม่ ไม่ควรพลาดที่จะมีพรรณไม้ชนิดนี้อยู่ในสวน หรือตามบ้าน เป็นพรรณไม้อีก 1 ชนิดที่นำมาตกแต่งสวนกันเป็นจำนวนมาก เรียกว่าเป็นที่นิยมเลยก็ว่าได้
โดยพรรณไม้เลื้อยชนิดนี้เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวถึง 10 เมตรโดยลักษณะของใบนั้นจะเป็นแบบเรียวยาวคล้ายวงรูปวงรี การเจริญเติบโตนั้นก็เติบโตได้ค่อนข้างรวดเร็ว โดยระยะเวลาการเติบโตนั้นใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ก็เริ่มโตระยะหนึ่งแล้ว อีกทั้งการให้น้ำก็ให้ประมาณ 2 ครั้งต่อวัน
ซึ่งการปลูกต้นเล็บมือนางนั้นส่วนใหญ่จะใช้วิธีการปักชำ หรือไปซื้อมาเพื่อตกแต่งสวนเลยก็ได้ อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้เลื้อยที่ชอบแสง สามารถทนแสงแดดได้เป็นอย่างดี การออกดอกนั้นออกดอกได้ตลอดทั้งปี ทำให้ต้นเล็บมือนางเป็นอีกหนึ่งไม้เลื้อยที่โตได้ค่อนข้างเร็ว และเหมาะแก่การนำมาประดับสวน ตกแต่งสวน เป็นอย่างมาก
5.ต้นการเวก
ถ้าพูดถึงไม้เลื้อยที่มีขนาดใหญ่คงจะหนีไม่พ้นต้นการเวกแน่นอน เป็นไม้เถาเลื้อยที่อยู่ในประเภทเดียวกับต้นสายหยุด อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อเริ่มโตขึ้นตามเถาของตัวต้นการเวกจะมีลักษณะคล้ายๆ กับมือที่ช่วยในการเกาะพันที่ยึดให้ต้นเติบโตไปได้ นอกจากนี้ยังมีใบสีเขียวที่เข้มและกว้างยาวออกสลับกันเป็นพุ่มอย่างหนาแน่น และมีดอกที่มีสีเหลืองช่วยเพิ่มสีสันให้กับตัวต้นการเวกได้เป็นอย่างดี
ซึ่งต้นการเวกนี้ตกเย็นหรือหัวค่ำตัวดอกจะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาในช่วงเวลานี้ อีกทั้งยังเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เมื่อใช้วิธีการตอนกิ่งในการปลูกซึ่งการตอนกิ่งนั้นส่วนใหญ่แล้วจะทำในช่วงหน้าฝน เพราะจะทำให้ไม่เสียเวลาในการเจริญเติบโตของต้น เมื่อกิ่งเริ่มเติบโตจึงทำการย้ายไปปลูกในดินตามลำดับ ดินที่เหมาะกับการปลูกต้นการเวกนั้นควรจะเป็นดินร่วนปนทราย
ซึ่งก่อนจะเริ่มปลูกควรทำการรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักเสียก่อน และรดน้ำให้ชุ่ม แต่การรดน้ำนั้นห้ามรดให้แฉะเด็ดขาด โดยจะทำวันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและช่วงเย็น แต่ทำแค่เฉพาะช่วงที่ต้นกำลังเจริญเติบโตเท่านั้น ถ้าต้นการเวกเริ่มแข็งแรงแล้วให้รดน้ำเหลือเพียงแค่วันละ 1 ครั้ง เท่านั้น ในส่วนของโรคและแมลงนั้นต้นการเวกจัดเป็นไม้เลื้อยอีกหนึ่งชนิดที่ไม่ค่อยจะมีปัญหาในด้านนี้มากนัก จึงเหมาะแก่การนำไปปลูกเพื่อประดับสวน หรือนำไปประดับตกแต่งซุ้ม หรือรั้วของบ้าน ก็ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
6.ต้นโคลงเคลงเลื้อย
ต้นโคลงเคลงนั้นเป็นพรรณไม้เลื้อยประเภทคลุมดินที่มีอายุอยู่ได้นานหลายปี ซึ่งมีขนาดเล็ก ลำต้นและกิ่งนั้นจะอวบหน่อยๆ มีสีม่วงแดง และมีขนปกคลุมอยู่ทั่วลำต้นและกิ่ง โดยเมื่อเติบโตได้เต็มที่แล้วจะสามารถเลื้อยไปได้ไกลประมาณ 2-3 เมตร และจะมีรากแตกออกมาจากข้อของลำต้น
การเพาะปลูกนั้นจะทำได้โดยการนำเอาเมล็ดมาเพาะ หรือจะปักชำกิ่ง หรือตอนกิ่งก็ได้ โดยต้นโคลงเคลงเลื้อยนี้จะเจริญเติบโตได้ในดินที่มีคุณภาพดี โดยดินนั้นควรจะเป็นดินร่วน และควรจะมีสารอาหารที่ดีอยู่ในดินอย่างครบถ้วน ความเป็นกรดควรจะมีเล็กน้อย อย่ามากจนเกินไป อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้ที่ต้องการความชื้นในดินสูง เป็นพรรณไม้ที่โตได้เร็ว
โดยใช้ระยะเวลาไม่ถึงปีก็โตได้เต็มที่แล้ว เรื่องน้ำนั้นเป็นพรรณไม้ที่ต้องการน้ำในปริมาณไม่มาก ไม่น้อย เกินไป และชอบแสงแดดแบบเต็มวัน หรือครึ่งวันก็ได้ ซึ่งถ้านำต้นโคลงเคลงไปปลูกในที่ร่มนั้นจะทำให้ลำต้นยืดได้ยาวขึ้น แต่จะออกดอกได้ไม่มาก ยิ่งในช่วงหน้าฝนจะมีการออกดอกที่ดกเป็นพิเศษกว่าหน้าอื่นๆ จึงเป็นไม้เลื้อยอีกชนิดที่เหมาะกับการนำไปปลูกในสวน หรือใส่ในกระถางแขวนลอยปลูกก็ดีไม่น้อย
7.เกล็ดมังกร
เกล็ดมังกรเป็นพรรณไม้ล้มลุกหรือไม้เลื้อย โดยจะหาที่ยึดเลื้อยไปตามต้นไม้อื่นๆ และย้อยห้อยลงมาหรือหาเกาะเลื้อยพันตามเสาเพื่อเป็นที่ยึดเกาะ โดยจะย้อยห้อยลงมาเป็นสายทางยาวๆ ความยาวประมาณ 10-50 เซนติเมตร โดยจะมีรากตามลำต้น ซึ่งทุกส่วนของต้นเกล็ดมังกรนี้จะมีน้ำยางขาวๆ ลักษณะคล้ายน้ำนมอยู่ทุกส่วนของลำต้น
ซึ่งการขยายพันธุ์จะทำด้วยวิธีการเพาะเมล็ดเป็นหลัก เป็นพันธุ์ไม้ที่ขึ้นอยู่ตามป่าเสียส่วนใหญ่ แต่ก็มีการนำมาประดับตกแต่งภายในสวนตามบ้านเรือนอยู่บ้าง เป็นพรรณไม้ที่กระจายอยู่ทุกภูมิภาค นอกจากนี้ยังเป็นพรรณไม้ที่เจริญเติบโตได้ค่อนข้างเร็ว โตใช้เวลาในการเติบโตไม่นานนัก ไม่เกิน 1 ปี ก็เริ่มที่จะเลื้อยและทอดความยาวไปตามต้นไม้ได้แล้ว
อีกทั้งลักษณะใบที่มีความกว้างประมาณ 4-8 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 4-11 มิลลิเมตร ตามยอดอ่อนและใบมีขนอ่อนขึ้นประปรายด้วย อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้เลื้อยที่มีดอกและผลขึ้นอยู่ตามช่อใบ ซึ่งต้นเกล็ดมังกรนี้เหมาะกับการนำมาปลูกประดับตามสวนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสรรพคุณของต้นเกล็ดมังกรนี้จะมีสรรพคุณทางยาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถอนพิษไข้ พิษไข้กาฬ พิษตานซาง ฯลฯ ได้อีกด้วย
8.เดรปใบด่าง
ถ้าให้พูดถึงต้นไม้ที่สามารถปลูกในพื้นที่จำกัด อย่าง ห้องเช่า หรือคอนโด นั้น คงสงสัยว่ามันก็มีแต่ต้นไม้ต้นเล็กๆ เท่านั้นที่ปลูกได้ จริงๆ แล้วก็จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับห้องสี่เหลี่ยมนั้นไม่จำเป็นต้องใส่กระถางและวางตั้งเท่านั้น อาจจะหาที่แขวนก็ทำได้
พรรณไม้ที่จะพูดถึง คือ เดรปใบด่าง เป็นพรรณไม้เลื้อยขนาดเล็ก ไม่ใหญ่มาก เหมาะกับการปลูกในพื้นที่ที่มีจำกัดอย่างคอนโดเป็นอย่างมาก ซึ่งพรรณไม้ชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่คนที่อาศัยในพื้นที่จำกัด เพราะสามารถเป็นพรรณไม้ที่ตกแต่งได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะกับการนำมาปลูกแขวนได้ไม่ยาก มีขนาดที่เล็กพอดี
ซึ่งพรรณไม้ชนิดมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าหากเอาใจใส่ดูแลอย่างดีต้นเดรปใบด่างนี้จะออกดอกได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้ที่โตได้เร็ว ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก เป็นพรรณไม้ที่ชอบแสงแดด ฉะนั้นการปลูกพืชชนิดนี้ในคอนโดนั้นควรจะนำออกมาเจอแสงแดดบ้าง เพื่อไม่ให้เวลาเดรปใบด่างอยู่ในที่ร่มนานๆ จะทำให้ใบเกิดอาการเหลืองได้
อีกทั้งต้นเดรปใบด่างยังไม่ชอบความชื้นแฉะมากนัก สิ่งที่ไม่ควรเลยอย่ารดน้ำให้ต้นเดรปใบด่างบ่อยเด็ดขาด ซึ่งถ้ารดบ่อยรากจะชื้นและเกิดเป็นโรครากเน่าตามมาได้
9.เหลืองชัชวาล
ไม้เลื้อยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอีกชนิดหนึ่ง เหลืองชัชวาลเป็นพรรณไม้ที่มีลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็งขนาดกลาง ไม่ใหญ่มาก มีอายุอยู่ได้หลายปี เมื่อโตเต็มที่จะสามารถเลื้อยได้ไกลถึง 3-5 เมตร เลยทีเดียว และตามลำต้นของพรรณไม้ชนิดนี้นั้นจะมีมือพันที่ข้อเพื่อเป็นตัวช่วยในการเกาะและยึดเหนี่ยวให้ลำต้นนั้นเติบโตไปได้
อีกทั้งตัวดอกเองยังออกเป็นช่อ โดยจะชอบกระจุกอยู่ตามซอกใบและปลายยอด กลีบของดอกมีสีเหลืองสวย และออกดอกตลอดทั้งปี ในการปลูกนั้นสามารถทำได้โดยการปักชำกิ่งและตอนกิ่ง จะช่วยให้ต้นนั้นเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งการเติบโตก็จะใช้ระยะเวลาในช่วงแรก 1 ปี ต้นก็เริ่มเลื้อยยาวออกไปได้เต็มที่
ในการปลูกให้เลื้อยนั้นจะต้องมีการขึงลวดสลิงเป็นตัวนำก่อน เมื่อต้นไม้อายุมากขึ้นก็จะเลื้อยได้โดยตามธรรมชาติ ยิ่งหากกำแพงบ้านใครที่มีลักษณะเป็นผิวขรุขระสักหน่อยการยึดเกาะก็จะได้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าผนังที่มีความเรียบ ซึ่งเหลืองชัชวาลนั้นเป็นไม้เลื้อยที่มีความแข็งแรงและเติบโตได้ดีในอากาศร้อน
แต่จะโตได้เร็วเกินไปจนไปกวนต้นอื่นได้ จึงแนะนำให้ปลูกในที่ร่มรำไรก็พอ เพื่อเป็นการจำกัดการเจริญเติบโตของต้น อีกทั้งการรดน้ำก็รดแค่พอชุ่ม การปลูกเหลืองชัชวาลนั้นก็สามารถปลูกได้ในทุกสภาพของดิน แต่การเติบโตได้ดีนั้นเหมาะกับสภาพดินทรายและดินเหนียวมากกว่า
10.ต้นคอนสวรรค์
ต้นคอนสวรรค์ ไม้เลื้อย อีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประดับตกแต่งสวนเป็นอย่างมาก โดยมีชื่อเรียกที่หลากหลายและแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นดาวนายร้อย เข็มแดง แข้งสิงห์ เป็นต้น จัดอยู่ในกลุ่มของพรรณไม้ล้มลุก เป็นพรรณไม้ที่โตได้ค่อนข้างเร็ว และมีอายุสั้น โดยอายุของต้นอยู่ได้แค่ 1 ปี เท่านั้น เมื่อเริ่มออกดอกแล้วส่วนของลำต้นก็จะเริ่มแห้งเหี่ยวลงเอง ในส่วนของดอกจะมีลักษณะเป็นรูปช่อดาวออกตามง่ามของใบ ช่วยเพิ่มสีสันที่สวยงามให้กับลำต้นได้เป็นอย่างดี
โดยดอกนั้นจะมี 3 สี คือ ขาว แดง และชมพู การนำมาประดับตกแต่งในสวนนั้นเหมาะแก่การประดับตกแต่งเป็นซุ้ม หรือเป็นพุ่มเล็กๆ อีกทั้งยังช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสบายตาให้กับสวนในบ้าน เป็นพรรณไม้ที่เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทยเป็นอย่างมาก เพราะสามารถทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนได้ แต่ต้องไม่โดนแสงแดดจัดมากนัก การปลูกนั้นควรปลูกในดินที่มีความร่วนซุย และน้ำไม่ควรให้มากจนเกินไป ให้ในปริมาณที่พอดี นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการเป็นยาได้ ไม่ว่าจะช่วยในเรื่องของริดสีดวงทวาร หรือแก้อาการไอเป็นเลือด ก็ได้เช่นกัน
พรรณไม้เลื้อยทุกชนิดนั้นต่างก็มีคุณประโยชน์และความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าการนำมาปลูกนั้นเพื่อใช้ในเรื่องของอะไร เพราะพรรณไม้เลื้อยบางชนิดนั้นเป็นพืชที่ค่อนข้างเปราะบางและเสียหายได้ จึงควรได้รับความใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ การปลูกพรรณไม้เลื้อยนี้เป็นอีกทางเลือกของการตกแต่งสวน ประดับบ้าน หรือ เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้านได้เป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนที่กำลังมองหาต้นไม้เพื่อใช้ในการประดับตกแต่งสวน หรือเพื่อเพิ่มความร่มรื่นให่กับตัวบ้านได้ไม่ยากเลย
อย่างที่กล่าวไปว่าพรรณไม้เลื้อยเป็นพืชที่มีความสวยงาม โดดเด่น ในแต่ละชนิดการปลูกนั้นจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจเสียก่อนที่จะเริ่มนำมาปลูกหรือนำมาใช้ พรรณไม้เลื้อยทั้ง 10 ชนิด ที่นำมาเสนอนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อให้เป็นแนวทางในการเลือกดูว่าต้นไม้เลื้อยชนิดไหนเหมาะกับอะไร หรือสามารถปลูกไว้ที่ใดได้บ้าง ซึ่งพรรณไม้เลื้อยนั้นเป็นพืชที่แม้จะทนแสงแดด หรือสภาพอากาศกลางแจ้งได้ แต่บางประเภทก็ต้องได้รับการดูแลอย่างถี่ถ้วน ไม่ให้ขาดน้ำจนเกินไป อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและความสวยงามให้กับพื้นที่ต่างๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.xn--2-5wf2eljdmn4b6cn.com/knowledge-detail.php?id=524#sthash.UDDRP32V.dpbs,http://www.vip-groups.com/new/blog/10073,https://www.baanlaesuan.com/25945/plant-scoop/11-climbers,