การปลูกผัก แบบผสามผสาน สามารถสร้างเราได้อย่างต่อเนื่ง นอกจากจะปลอดภัยต้องผู้บริโภคแล้ว ความต้องการของ ผักปลอดสาร ยังมีต่อเนื่องทุกวัน โดยเฉพาะช่วยหน้าหนาวที่ค่อยข้างขาดตลาด วันนี้ทีมงาน พลังเกษตร.com จะพาท่านผู้อ่านไปดูตัวอย่างเกษตรกรที่หนองจอก กทม. ที่ทำแปลงผัก ผสมผสาน เน้นส่งขายตลาดมีนบุรี ใช้พื้นที่ จำนวน 19 ไร่ ที่เคยปลูกข้าวมาก่อน โดนจะมีเนื้อหาดังนี้
- ทำความรู้จัก คุณนารินทร์ กลึงกลางดอน และ คุณธนบดินทร์ แย้มเยื้อน
- การปลูกผัก พืชผสมผสานแซมในแปลงผัก
- การบริหารจัดการแปลงผัก
- การให้น้ำ – ให้ปุ๋ยในแปลงผัก
- การป้องกันกำจัดโรค และ แมลงในแปลงผัก
- ตลาด และ วิธีขายผัก ผสมผสาน
คุณนารินทร์ กลึงกลางดอน และ คุณธนบดินทร์ แย้มเยื้อน เกษตรกร ปลูกผักสวนครัว ในเขตหนองจอก
ปัจจุบันกระแสสุขภาพเริ่มมีบทบาทมากขึ้น เช่นเดียวกับ คุณนารินทร์ กลึงกลางดอน และ คุณธนบดินทร์ แย้มเยื้อน สองสามีภรรยาเกษตรกรในพื้นที่คลอง 9 เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ที่ยึดอาชีพ ปลูกผักสวนครัว แบบผสมผสาน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เลี้ยงชีพมานานร่วม 20 ปี ที่เน้น วิธีปลูกผัก ปลอดภัยด้วยชีวภัณฑ์ เก็บผักขายส่งให้กับลูกค้าประจำ และขายในแผงตนเองที่ตลาดมีนบุรี เพื่อตัดวงจรพ่อค้าคนกลาง เพื่อหวังให้ผู้บริโภคได้ทานผักปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง การันตีจากเกษตรกรผู้ปลูกเอง และสามารถตอบคำถามลูกค้าได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอนที่ปลอดภัย ทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค
การปลูกผัก และพืชผสมผสานแซมในแปลงผัก
คุณธนบดินทร์ได้เปิดเผยเส้นทางอาชีพให้ทราบว่า เดิมทีครอบครัวของตนเองและเกษตรกรในพื้นที่เขตหนองจอก ส่วนใหญ่นิยมปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักเพื่อสร้างรายได้ ด้วยสภาพพื้นที่เป็นที่ราบลุ่ม แต่ด้วยราคาข้าว ในบางช่วงตกต่ำ จนต้องประสบปัญหาขาดทุน ทำให้คุณแม่ของคุณธนบดินทร์ได้แบ่งที่ดินบางส่วนหันมา ปลูกผักพื้นบ้าน ทั้ง กระเพรา และ โหระพา ส่งขายตลาดในพื้นที่
เพื่อเก็บผลผลิตส่งขายตลาดมีนบุรี เพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ต่อมาครอบครัวได้นำพื้นที่ทั้งหมดมา ปลูกผัก ทดแทนนาข้าว เพราะมีรายได้ที่มั่นคงกว่า โดยเริ่มต้นจากการปรับพื้นที่ใหม่ให้เหมาะสมกับ วิธีปลูกผัก ที่ต้องมีระบบร่องน้ำเข้ามารองรับการให้น้ำที่ดีตลอดการผลิต
จนกระทั่งมีการส่งต่ออาชีพให้กับลูกหลานมา รวมทั้งคุณธนบดินทร์ด้วย ที่ได้หันมายึดอาชีพ ปลูกผัก เพื่อสร้างรายได้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุณธนบดินทร์จะเน้นปลูกผักบ้านจำพวกผักใบ โดยเฉพาะผักใบที่ตลาดมีความต้องการสูง ได้แก่ กะเพรา โหระพา แมงลัก เป็นหลัก
นอกจากนี้จะมี วิธีปลูกผัก จำพวก คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้งจีน ขึ้นอยู่กับช่วงจังหวะ และเทศกาลต่าง ๆ ที่มีความต้องการผักใบ ที่มีราคาผลผลิตค่อนข้างดี รวมไปถึง วิธีปลูกผัก พืชผสมผสานแซมในพื้นที่ ทั้งกล้วย หน่อไม้ มะนาว พริกขี้หนูสวน เพื่อนำไปขาย และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้
ภายใต้การปลูกผักบนเนื้อที่ทั้งหมด 19 ไร่ เน้นใช้คนงานในการดูแลเพียง 2 คน เพื่อช่วยงานทุกอย่างภายในแปลงผัก ทั้ง วิธีปลูกผัก การดูแลรักษา และการเก็บผลผลิต เพื่อส่งขายออกสู่ตลาดทุกวัน
การบริหารจัดการแปลงผัก
การปลูกผัก ในพื้นที่ค่อนข้างง่ายกว่าปัจจุบันนี้มาก ส่วนหนึ่งนั้นอาจจะมาจากพื้นที่เดิมเป็นที่นาเก่า ที่มีสารอินทรียวัตถุและปุ๋ยตกค้างอยู่ในดินเป็นจำนวนมาก ทั้งเศษฟาง ปุ๋ยเคมีต่าง ๆ ที่ใช้บำรุงต้นข้าว ประกอบกับสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ฝนตกต้องตามฤดูกาล โรคและแมลงก็ยังไม่เยอะเท่าปัจจุบัน ทำให้ผักที่ปลูกไว้โตเร็ว และสมบูรณ์มาก ขายได้ราคาดี เป็นที่ต้องการของตลาด และผู้บริโภค
คุณธนบดินทร์จึงได้ยึด การปลูกผัก ทั้งกระเพรา โหระพา แมงลัก และ ผักบ้านทั่วไป ส่งขายตลาดเองมาตลอด จนกระทั่งได้มีผู้ส่งออกติดต่อเข้ามาขอรับซื้อผักปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน GAP เพื่อการส่งออก ภายใต้การทำสัญญาซื้อขายกันแบบล่วงหน้าในราคาประกันที่ 25 บาท / กก. ภายใต้กำลังการผลิตที่ 400-500 กก./วัน
ทางสวนต้องมีแผน การปลูกผัก อย่างเป็นระบบ บนเนื้อที่กว่า 19 ไร่ และ ทีมงานมากกว่า 8 คน รวมทั้งเจ้าแปลงผักด้วย เนื่องจากการทำแปลงผักเพื่อการส่งออกจำเป็นต้องมีการจัดการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผักสดที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐานทุกล็อต
นำมาซึ่งรายได้ที่ดี แต่ด้วยปัญหาด้านแรงงานที่ขาดแคลน และไม่เพียงพอต่อการจัดการภายใน แปลงผัก ทำให้ต้องยกเลิกการผลิตผักป้อนให้กับผู้ส่งออกในเวลาต่อมา พร้อมกับได้หันมาทำผักป้อนให้กับลูกค้าประจำที่ต้องส่งผักให้ทุกวัน และเก็บผักเผื่อไว้บางส่วนเพื่อนำไปขายที่ตลาดมีนบุรี ที่ได้มีการเช่าแผงเอาไว้กับทางตลาด แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตที่ไม่มากเหมือนกับการผลิตเพื่อการส่งออก แต่ก็ทำให้อาชีพนี้สามารถสร้างรายได้ที่ดีให้กับครอบครัวตลอดมา
การให้น้ำ – ให้ปุ๋ยในแปลงผัก
ด้วยสภาพอากาศที่แปรเปลี่ยนไป เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝน การผลิตผักในปัจจุบัน ส่งผลให้การจัดการยากขึ้น ผลผลิตไม่ออกอย่างสม่ำเสมอ ในบางฤดูกาล ประกอบกับโรคและแมลงเข้าทำลายมากขึ้น ทำให้มีต้นทุนการจัดการที่สูงขึ้น อีกทั้งแรงงานก็หายาก ทำให้ทุกวันนี้การทำผักจึงเน้นทำผักแบบพอเพียงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงมากกว่าการผลิตในเชิงการค้าอย่างในอดีต โดยเฉพาะการ “ ผลิตผักปลอดภัย ” ทั้ง “กระเพรา โหระพา แมงลัก” ป้อนให้กับตลาด ทุกวันนี้จะเน้นการจัดการแบบ “ ชีวภัณฑ์ ”
โดยจะเริ่มต้นผลิตผัก ตั้งแต่กระบวนการเพาะเบี้ยแบบหว่านจากเมล็ดพันธุ์ที่เก็บรักษาเอาไว้ เพื่อลดต้นทุนด้านเมล็ดพันธุ์ ก่อนจะนำเมล็ดพันธุ์มาเพาะในแปลงเพาะขนาด 1 x 1 เมตร เน้นให้น้ำเช้าและเย็น ควบคู่ไปกับการเตรียมแปลงปลูกเอาไว้ก่อนโดยการไถพลิกหน้าดิน และตากดินทิ้งไว้ก่อน 1 เดือน
เมื่อเบี้ยมีอายุ 1 เดือน หรือมีความสูงประมาณ 1 คืบ ก็จะถอนต้นกล้ามาลงปลูกในแปลงที่เตรียมไว้ได้ เน้นการปลูกในระยะ 30 – 40 เซนติเมตร เพื่อง่ายต่อการจัดการ และเก็บเกี่ยวผลผลิต ที่มีสัดส่วนใน การปลูกโหระพา มากกว่ากระเพรา และแมงลัก ตามลำดับ เนื่องจากทางสวนมีลูกค้าประจำที่ต้องการผักโหระพามากกว่าผักอื่น อีกทั้งการปลูกในแต่ละแปลงจะมีกำหนดปลูกผักให้ห่างกันประมาณ 10 วัน / รอบ เพื่อให้มีผักหมุนเวียนเก็บเกี่ยวผลผลิตป้อนตลาดได้ทุกวัน
การป้องกันกำจัดโรค และ แมลงในแปลงผัก
หลังจากที่ถอนต้นกล้ามาลงปลูกในแปลงแล้วจะมีการดูแลรดน้ำแบบเช้าและเย็นทุกวัน ก่อนจะให้ปุ๋ยคอกจำพวกขี้หมู ขี้ไก่ เพื่อบำรุงต้นผักให้แข็งแรง สมบูรณ์ ก่อนจะใช้ ชีวภัณฑ์ และ น้ำหมักชีวภาพ ฉีดพ่นเพื่อป้องกันโรคและแมลงเข้าทำลายใบผักให้เสียหาย
เมื่อต้นผักมีอายุได้ประมาณ 1 เดือน ก็จะสามารถตัดยอดออกจำหน่ายได้เป็นรุ่นแรก โดยการเลือกตัดกิ่งที่มีความสมบูรณ์ ใบใหญ่ กิ่งใหญ่ เท่านั้น เพื่อให้ได้ผักคุณภาพตรงกับที่ตลาดต้องการ
ซึ่ง การปลูกผัก แต่ละครั้งสามารถตัดเก็บผลผลิตขายได้นานถึง 7 – 8 เดือน หรือขึ้นอยู่กับการบำรุงดูแลรักษา หากบางช่วงที่มีการดูแลรักษาที่ดีจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นานถึง 1 ปี
ที่สำคัญในช่วงหน้าฝนจะมีโรคและแมลงเข้าทำลายผักมากที่สุด และผักเป็น “โรคใบเหลือง” ค่อนข้างมาก เนื่องจากความชื้น และเชื้อรา ซึ่งช่วงนี้ทางสวนจะไม่เน้นใส่ปุ๋ยเคมี แต่จะใส่ปุ๋ยคอกและสารชีวภาพในการบำรุงแทน
เพื่อป้องกันโรคและแมลงต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยทั้งเกษตรกรเอง และผู้บริโภคด้วย ในขณะที่การใส่ปุ๋ยเคมีจะเน้นใส่ในช่วงที่ต้นพืชโทรม และชะงักการเจริญเติบโตเท่านั้น ซึ่งผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าผักที่สวนแห่งนี้ปลอดภัยแน่นอน เพราะแปลงผักที่ปลูกขาย และเก็บทานภายในครอบครัวก็คือแปลงเดียวกัน
ตลาด และ วิธีขายผัก ผสมผสาน
จุดเด่นของที่นี่ก็คือ เน้นการผลิตที่ให้ปลอดภัยทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค ผักสดใหม่ทุกวัน สะอาด ปลอดภัย ผักสดนานกว่าผักทั่วไป ผักไม่เหี่ยวง่าย ไม่เน่าง่าย ที่ทำให้ลูกค้าที่นี่ติดใจ และมีการซื้อขายกันเป็นลูกค้าประจำตลอดมา เพราะคุณธนบดินทร์จะใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต
ตั้งแต่ การปลูกผัก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว ที่เน้นเก็บยอดใหญ่สมบูรณ์ คัดผักที่ไม่สมบูรณ์ออกให้ลูกค้า เน้นการขนส่งที่ให้ผักบอบช้ำ และเสียหายน้อยที่สุด ที่สำคัญทางสวนจะเน้นตัดผักขายให้พอดีกับยอดสั่งจองของลูกค้าเป็นหลักประมาณวันละ 160 – 180 กิโลกรัม ในราคาขายส่งที่กิโลกรัมละ 40 บาท ในช่วงหน้าฝน
และราคาในหน้าหนาวจะขยับสูงขึ้นมาที่ 60 – 70 บาท / กิโลกรัม หรือ ขึ้นอยู่กับราคาตามท้องตลาดในแต่ละช่วง ก่อนจะเก็บผักให้เหลือผักไว้เพียง 20 กิโลกรัมต่อวัน เพื่อนำไปขายที่หน้าร้านของตนเองในตลาดมีนบุรีด้วย
นอกจาก ปลูกผักสวนครัว ตามที่กล่าวมาแล้วยังมีบ่อปลา 1 บ่อ หลากหลายสายพันธุ์ มี การปลูกกล้วยน้ำว้า ปลูกไผ่ เพื่อเก็บหน่อไม้ขาย ปลูกพริก และมะนาว แบบผสมผสาน เพื่อสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว ภายใต้ ปลูกผักสวนครัว ที่เน้นขายเอง ที่ทำให้รู้ถึงความเป็นไปของตลาดและกลไกต่าง ๆ ของตลาดที่เกิดขึ้น
แต่ท้ายที่สุดแล้วการทำผักให้ได้คุณภาพ ทำผักให้สวย และปลอดภัย เท่านั้น คือ คำตอบสุดท้ายที่ตลาดและผู้บริโภคต้องการมากที่สุด อีกทั้งการเป็นเกษตรกรที่ปลูกผักเอง และนำพืชผลผลิตมาขายเอง ทำให้ขายผลผลิตได้ราคาดีกว่าขายส่งที่หน้าสวนทั่วไป นำมาซึ่งอาชีพที่มั่นคงและรายได้ที่ดี อยู่ได้แบบพอเพียง ประหยัด อดออม ขยันหมั่นเพียร เน้นทำผักให้ดี และปลอดภัย
สนใจผักบ้านที่ปลอดภัย และ ผักสดคุณภาพ ติดต่อ
คุณนารินทร์ กลึงกลางดอน และ คุณธนบดินทร์ แย้มเยื้อน
26 หมู่ 3 คลอง 10 เขตหนองจอก กทม.10510
โทร. 061-015-9088
การปลูกผัก วิธีปลูกผัก ผสมผสาน ปลูกผักสวนครัว การปลูกผักสวนครัว พืชผักสวนครัว สวนปลูกผัก การจัดการแปลงผัก การป้องกันกำจัดโร แมลง การปลูกผัก ตลาดผัก ขายผัก