การปลูกแตงโม
ในฐานะของผลไม้เมืองร้อน ชื่อของ “แตงโม” เป็นที่รู้จักกันดี..ในแต่ละปีมีวางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่ฤดูกาล และความยาก-ง่ายในการเพาะปลูก
เราเคยมองการซื้อขายแตงโมเป็นเพียงเรื่องผ่านหู ผ่านตา..ไม่เคยคิดว่า “แตงโม” จะกลายเป็นเรื่องของธุรกิจใหญ่ที่มีเครือข่ายการปลูกโยงใยกันทั่วประเทศ
ทุกวันนี้เมืองไทยมีพื้นที่ปลูกแตงโมไม่ต่ำกว่า 26,086 ไร่ มีแหล่งปลูกแตงโมกระจัดกระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดกาญจนบุรี กำแพงเพชร นครราชสีมา นครสวรรค์ ยโสธร สกลนคร สระแก้ว สุโขทัย สุพรรณบุรี หนองคาย และอยุธยา ชลบุรี ฯลฯ
คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการบริโภคแตงโมเป็นผลไม้ จึงอาจไม่ทราบว่าการผลิตแตงโมแยกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ แตงโมเนื้อ มีเนื้อที่ปลูกประมาณ 25,888 ไร่ คือ แตงโมทั่วไปที่ปลูกเพื่อเก็บผลแก่ (บริโภคเป็นผลไม้) แตงโมเมล็ด พื้นที่ปลูกประมาณ 194 ไร่ คือ แตงโมที่ปลูกเพื่อให้เมล็ด ที่เหลือเป็นแตงโมอ่อน คือ แตงโมที่ปลูกเพื่อเก็บผลอ่อน
ด้วยความที่แตงโมเป็นพืชระยะสั้น ทำให้ชื่อเสียงในด้านการปลูกดูจะไม่คึกคักนัก เมื่อเทียบกับพืชเศรษฐกิจตัวอื่นๆ แต่ในความเป็นจริงแตงโมเป็นพืชที่ทำตลาดได้ค่อนข้างง่าย การซื้อขายไม่ยุ่งยาก ถ้ารู้จักเทคนิคและวิธีบริหารจัดการดีๆ การส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกกันอย่างแพร่หลาย แล้วรับซื้อมาเพื่อทำการตลาดต่อ ถือเป็นธุรกิจในยุคใหม่ที่น่าสนใจ
แต่ถ้าใครยังมองเห็นภาพธุรกิจนี้ไม่เด่นชัด ทีมงานเมืองไม้ผลจะพาทุกท่านไปที่ บริษัท นุชชา ไทยเมล่อน จำกัด พูดคุยกับ คุณนงนุช แก้วสุริยา ประธานกรรมการบริษัท ในเรื่องธุรกิจการซื้อขายแตงโมที่ทำมายาวนานกว่า17 ปี ทุกวันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี และกำลังก้าวไปสู่มาตรฐานที่ดีในอนาคต
จากอาชีพขายผักสด…มาสู่ธุรกิจขาย “แตงโม”
คุณนงนุช และคุณบัญชา แก้วสุริยา ผันตัวเองจากการเป็นผู้ขายผักในตลาดใหม่ชลบุรี เมื่อประสบกับปัญหาฟองสบู่เมื่อปี 2541 กำลังการซื้อของคนลดลงมาก ทั้งคู่จึงกลับมาเริ่มต้นที่ใหม่ที่บ้านบึง ซึ่งที่นี่ทำให้เห็นวิถีของชาวบ้านที่มีการซื้อขายแตงโม ทั้งในรูปแบบการค้าปลีก และค้าส่ง รวมถึงญาติพี่น้องของคุณบัญชาเองก็เป็นเกษตรกรผู้ปลูกแตงโมในพื้นที่ จึงเกิดแนวคิดแห่งการขายแตงโมด้วยใช้พื้นฐานจากการที่เคยเป็นแม่ค้าขายผัก รู้ขั้นตอนของการทำร้านที่ค่อนข้างยุ่งยาก เพราะผักมีอายุการเก็บรักษาสั้น แต่แตงโมเป็นผลไม้ที่มีอายุเก็บรักษานาน ขายเป็นลูกก็ได้ เป็นกิโลก็ได้ ไม่ต้องเก็บ ไม่ต้องแช่ เหมือนผัก และมีแหล่งตลาดที่ต้องการชัดเจน คุณนงนุชเล่าว่า “เราเข้ามาจับธุรกิจแตงโมตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งบริษัท เป็นเพียงผู้รับซื้อแตงโมจากเกษตรกร แล้วก็เอามาขายทั้งปลีกและส่งต่ออีกที ความรู้เรื่องแตงโมก็ยังไม่มาก ความรู้พื้นฐานเรื่องแตงโม คือ ไม่ต่างจากคนซื้อทั่วไป เราซื้อมาขายดีบ้าง ไม่ดีบ้าง คุณภาพไม่ค่อยได้ เริ่มขาดทุนบ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เริ่มคิดว่าคงไม่ไหว ถ้าเป็นแบบนี้คงไม่สามารถตั้งตัวได้ เลยคิดที่จะปลูกแตงโมเองเพื่อควบคุมคุณภาพให้ได้ตามที่ใจเราต้องการ”
สายพันธุ์แตงโม
ทั้งนี้มีเพียงปัจจัย 2 ข้อหลักๆ ที่ทำให้คิดจะปลูกแตงโมเอง คือ ต้องการควบคุมคุณภาพให้ได้ตามที่ตัวเองต้องการ และต้องการตอบคำถามลูกค้าได้อย่างชัดเจนถึงวิธีการปลูก แหล่งที่มา และความปลอดภัยในการบริโภค จึงเริ่มต้นการปลูกเองในพื้นที่ 5 ไร่ ที่บ้านบึง โดยใช้เมล็ดพันธุ์จากเพื่อนที่ให้ความมั่นใจได้ว่าเป็นแตงโมพันธุ์ที่ดี แต่ปัญหาหลักของการปลูกแตงโมก็คือ เรื่องผลผลิต เมื่อออกมาพร้อมกันมาก ราคาก็ถูก ทำการตลาดยาก เป็นเหตุให้ต้องมานั่งคิดวิเคราะห์กันใหม่ ก็มาได้ข้อสรุปที่สำคัญ คือ “ความหลากหลายของสายพันธุ์แตงโม” ที่ปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคของคนนั้นนิยมอยู่เพียงไม่กี่สายพันธุ์ เน้นๆ คือ พันธุ์กินรี (สีแดง) เกษตรกรก็จะปลูกแค่พันธุ์ที่ตลาดต้องการ และแตงโมเป็นพืชระยะสั้น อายุประมาณ 2 เดือน เมื่อปลูกพันธุ์เดียวกันออกมาพร้อมกัน ราคาในการจำหน่ายก็ถูกเป็นเรื่องธรรมดา
ดังนั้นถ้าต้องการสร้างมูลค่าให้มากขึ้น จึงควรปลูกแตงโมที่ไม่ค่อยมีในท้องตลาด เพื่อสร้างทางเลือกให้ผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้การสืบค้นไปทางบริษัทเมล็ดพันธุ์ต่างๆ จึงเริ่มขึ้นเพื่อเสาะหาเมล็ดพันธุ์แตงโมที่แตกต่าง ถึงกระนั้นก็ตามแม้จะได้เมล็ดพันธุ์ที่ต้องการมาส่วนหนึ่ง แต่ความเสี่ยงที่จะปลูกเองก็ยังเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ รวมถึงปริมาณผลผลิตที่ต้องออกสู่ตลาด นำมาสู่แนวทางการส่งเสริมการปลูกในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และปริมาณผลผลิตที่มากพอกับตลาดต้องการ
การส่งเสริมการปลูกแตงโม
แนวทางการส่งเสริมก็เริ่มจากการชวนชาวบ้านปลูกด้วยสายพันธุ์ใหม่ๆ แล้วรับซื้อผลผลิตทั้งหมดทุกเกรด ก็เริ่มมีคนปลูกให้บ้าง และเริ่มส่งเมล็ดพันธุ์นี้ให้เพื่อนเอาไปให้สมาชิกในกลุ่มได้ปลูก แล้วเข้าไปรับซื้อผลผลิตทั้งหมด การที่ต้องรับซื้อผลผลิตทั้งหมดทุกเกรดนั้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ปลูก เพราะหลายคนมองว่าปลูกแตงโมพันธุ์ที่ตลาดไม่ค่อยมีจะทำการตลาดยาก การรับซื้อทั้งหมดก็เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องนี้ โดยคุณนงนุชจะรับซื้อแตงโมราคาพันธุ์ธรรมดา 9-10 บาท แต่พันธุ์แตงโมที่หายาก เช่น ไดอาน่า แตง เหลือง ต่างๆ จะซื้อแพงกว่า 2-3 บาท
ปัจจุบันเครือข่ายผู้ปลูกแตงโมของคุณนงนุชเฉพาะกลุ่มชลบุรีมี 3 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตแตงโม และพืชผักปลอดภัย อำเภอบ้านบึง มีสมาชิก 8 ราย
2.เกษตรกรรายย่อยประมาณ 10 ราย
3.เกษตรกรที่เป็นคนกลางมีลูกไร่ของตัวเอง โดยจะรับเมล็ดพันธุ์จากคุณนงนุชเอาไปให้สมาชิกอีกต่อหนึ่ง
นอกจากนี้ในระดับภูมิภาคก็ยังมีอีก 2 แหล่งใหญ่ๆ คือ ที่สกลนคร ที่มีเกษตรกรประมาณ 100 คน รวมถึงหมู่บ้านแตงโมที่มหาสารคาม นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายกระจายในอีกหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นหนองคาย จันทบุรี ตราด กำแพงเพชร ฯลฯ ซึ่งทุกจุดที่เข้าไปส่งเสริมนั้นทางบริษัทเองจะให้ความรู้ควบคู่กันไป เพื่อยกระดับการผลิตแตงโมให้มีคุณภาพมากขึ้น
บริษัท นุชชา ไทยเมล่อน จำกัด….ธุรกิจเพื่อการซื้อขายแตงโมโดยเฉพาะ นำเสนอภายใต้แบรนด์ “นุชชาฟาร์ม”
บริษัท นุชชา ไทยเมล่อน จำกัด เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2556 หลายคนเกิดคำถามว่าเข้ามาสู่ธุรกิจแนวนี้ตั้งแต่ปี 2541 แต่ทำไมถึงเปิดตัวในนามบริษัทเมื่อปี 2556 นั่นเพราะว่าจากแนวทางการส่งเสริมการปลูกที่ผ่านการจำหน่ายจะอยู่ในตลาดค้าส่งทั่วไปเป็นหลัก ปัญหาประการหนึ่งที่เจอ คือ “ระบบการจ่ายเงิน” เนื่องจากทางบริษัทฯ ไม่เคยเสียเครดิตกับบรรดาสมาชิกทุกครั้ง จ่ายตรงตามกำหนดสัญญา เพียงแต่ว่าตลาดปลายทางที่ส่งสินค้ากลับไม่ตรงตามกำหนด ทำให้เกิดปัญหา จุดนี้เองที่นำมาสู่ช่องทางของการจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าที่มีสัญญาชัดเจน มีระบบการจ่ายที่แน่นอน จึงได้เริ่มการก่อตั้งบริษัท และนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า เริ่มที่แรกที่ทำการติดต่อซื้อขาย คือ “แมคโคร”
ตามมาด้วย “เครือเดอะมอลล์” ซึ่งทุกห้างที่ทางบริษัทนำโปรไฟล์เข้าไปเสนอนั้นแทบจะตอบรับกลับมาในทันทีนั้น เพราะว่าห้างสรรพสินค้าทั้งหลายเองมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ทำการซื้อขายกับเกษตรกรโดยตรง ส่วนมากจะผ่านพ่อค้าคนกลาง ปัจจุบันนอกจาก 2 ห้างแรกดังกล่าวก็ยังมีสัญญาซื้อขายกับโมเดิร์นเทรดอีกหลายห้าง
มาตรฐานของแตงโม ห้างสรรพสินค้าพร้อมรับออเดอร์ที่ไม่ต่ำกว่า 50 ตัน/เดือน
ความแตกต่างของการค้าส่งในตลาดทั่วไปกับห้างสรรพสินค้านั้นมีค่อนข้างมาก อย่างน้อยก็ในเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยในตลาดค้าส่งทั่วไปจะไม่สนใจถึงแหล่งที่มา วิธีการปลูก การใช้สารเคมี สนใจเพียงอย่างเดียว คือ ผลผลิตต้องสวย รสชาติต้องดี และมีสินค้าให้ตามต้องการ แต่ในการทำสัญญาซื้อขายกับห้างสรรพสินค้านั้นจะละเอียดกว่ามาก เนื่องจากต้องชัดเจนทุกกระบวนการ เริ่มตั้งแต่แหล่งที่ปลูก,วิธีการจัดการฟาร์ม, สารเคมีที่ใช้, ปุ๋ยเคมีต่างๆ รวมถึงแนวทางการปลูกในระหว่างปี มาตรฐานต่างๆ ที่มีโรงคัดแยกสะอาดมาก-น้อยอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องได้มาตรฐานทั้งหมด และที่ทางบริษัทมีในปัจจุบัน ไม่ว่าจะมาตรฐาน Q (Quality), GAP (Good Agricultural Practice) ก็สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ความละเอียดของหลายสิ่งหลายอย่างที่ว่านี้ แม้จะดูเป็นการยุ่งยาก แต่ในแง่การลงทุนถือว่าคุ้มค่า เนื่องจากปัญหาของตลาดล่างทั่วไป คือ กำลังซื้อที่ไม่แน่นอน และการจ่ายที่ไม่มีระบบ เมื่อเข้าสู่ระบบการซื้อขายที่ชัดเจน แม้ต้องทำมาตรฐานให้ดีขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นพัฒนาการที่หลายคนต้องการที่จะก้าวไปให้ถึงจุดนี้
ราคารับซื้อผลผลิตแตงโม
ราคารับซื้อตามสัญญาในแต่ละห้างนั้นไม่เท่ากัน โดย “แมคโคร” เป็นห้างค้าส่ง ราคาที่รับซื้อจะไม่แตกต่างจากที่แม่ค้าทั่วไปรับซื้อ แต่จะได้ปริมาณที่ค่อนข้างมาก เฉลี่ยของแมคโครประมาณ 10-15 ตัน/สัปดาห์ (ในโซนภาคตะวันออก) ส่วนในเครือเดอะมอลล์มีออเดอร์ประมาณ 1-2 ตัน/อาทิตย์ แต่ต้องเป็นสินค้าพรีเมี่ยม ราคาจึงสูงกว่าปกติ 2 เท่า เมื่อคิดคำนวณดูแล้วปริมาณแตงโมที่ส่งเข้าห้างสรรพสินค้านั้นแต่ละเดือนต้องมีไม่ต่ำกว่า 50 ตัน ทั้งนี้ตลาดค้าส่งทั่วไปก็ยังเป็นตลาดที่มีการซื้อขายมากกว่าสัดส่วนการส่งห้างสรรพสินค้าประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของยอดจำหน่ายทั้งหมด
จำหน่ายแตงโมหลากหลายสายพันธุ์เพื่อสร้างมูลค่าในการตลาด
ทางบริษัทมีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกแตงโมที่มีความหลากหลายนั้น ก็จะดีกับตัวเกษตรกรเองด้วยที่จะสามารถขายได้ในราคารับซื้อที่สูงขึ้น แต่ความที่เป็นพันธุ์ใหม่ เกษตรกรบางครั้งก็ไม่สามารถปลูกได้ตามแบบฉบับของสายพันธุ์นั้น ก็เป็นหน้าที่ของบริษัทเองที่ต้องไปให้ความรู้และแนวทางการปลูกที่ถูกต้อง รวมถึงต้องทำงานควบคู่กับบริษัทเมล็ดพันธุ์ เพื่อหาสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ให้ผลผลิตดี มีความต้านทานโรคมากขึ้น
รายละเอียดแต่ละสายพันธุ์
1.กินรี (สายพันธุ์ใหม่)
ถือเป็นพันธุ์มาตรฐานที่ทุกบริษัทต้องมี เพราะเป็นที่นิยมบริโภคหลักๆ ของลูกค้าทั่วไป แต่แตงโมกินรี สายพันธุ์ที่ บริษัท นุชชา เลือกใช้ก็เป็นสายพันธุ์ใหม่พิเศษ ที่มีผิวสีเขียวเข้ม เงางาม ผลทรงรี ไม่กลม (เพราะแตงทรงผลกลม จะมีปัญหาเรื่องความแดงไม่สม่ำเสมอ) หรือแดงไม่สุด ลูกค้าไม่ชอบ แตงทรงรีจะแดงทั่วถึงตลอดทั้งลูก แตงโมที่ดีผิวต้องเรียบ เปล่งปลั่ง สมบูรณ์ แตงโมถ้าเขียวสดแสดงว่ายังไม่แก่จัด ถ้ามีฝ้าขาวนวลขึ้นแสดงว่าแก่จัด หรือถ้าขั้วงอลงแสดงว่าแก่จัดเช่นกัน พันธุ์กินรีนี้เทคนิคความหวานอยู่ที่การปลูก ก่อนตัดต้องงดน้ำประมาณ 5 วัน จะได้ความหวานมาก แต่ส่วนใหญ่เกษตรกรจะอัดน้ำเพื่อให้ได้น้ำหนักแทนก็คือ ได้แตงโมที่น้ำหนักมาก แต่ความหวานน้อยนั่นเอง
2.แตงโมตอร์ปิโดเนื้อเหลืองรัน รัน (สายพันธุ์ใหม่)
โดยปกติเมื่อพูดถึงแตงเหลืองจะเป็นแตงโมที่คนทั่วไปนิยมทานน้อย อาจเป็นเพราะน้ำเยอะ ทำให้ความหวานน้อย เนื้อนิ่ม เปลือกบาง เปราะ แตกง่าย ทางบริษัทจึงเลือกที่ปลูกแตงโมเนื้อเหลืองรัน รัน สายพันธุ์ใหม่ ที่เป็นแตงโมเนื้อเหลืองที่มีความหวาน กรอบ อร่อย มากขึ้น เปลือกบางมาก แต่เหนียว ทนทานต่อการขนส่ง และผลผลิตต่อไร่สูงมาก มีความหวานที่ 11 – 13 บริกซ์
3.แตงโมน้ำผึ้งสายพันธุ์ใหม่ คิงส์ออเร้นจ์
เป็นแตงโมที่มีความโดดเด่นในตัวเองมาก ถือว่าเป็นราชาแห่งแตงโม คือ มีเนื้อสีส้ม หรือสีน้ำผึ้ง มีเนื้อละเอียด เนียน แน่น ไม่มีเส้นไฟเบอร์ที่ทำให้เนื้อเหนียว และแข็ง มีกลิ่นหอมน้ำผึ้งอ่อนๆ มีผิวสีน้ำเงินเข้ม มันวาว สวยงาม เปลือกบาง แต่แข็งแรง ทนทาน ไม่แตกง่าย
4.ตอร์ปิโด (สายพันธุ์ใหม่)
ปกติแตงโมตอร์ปิโดจะมีเนื้อหยาบ เปลือกหนา เหนียว แข็ง ไม่นุ่ม แต่สายพันธุ์ใหม่ที่บริษัทเลือกใช้จะเป็นแตงโมตอร์ปิโดที่มีผิวสีเขียวเข้ม มันวาว สวยงาม เนื้อสีแดงสด แน่น หวาน กรอบ รสชาติดี เปลือกบางมาก แต่เหนียว ทนทานต่อการขนส่ง
5.แตงโมไดอาน่า (แตงทอง)
เป็นแตงโมเนื้อเปลือกผิวสีทอง เนื้อสีแดง เมล็ดน้อย เปลือกบาง อร่อย พันธุ์นี้ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีโรคและแมลงเยอะ แต่ในตลาดมีความต้องการ และราคาจำหน่ายก็ดีมาก
6.แตงโมซอนญ่า
เป็นแตงโมลูกผสมที่มีความหวาน หอม สุกเร็ว ขนาดผล 2-4 กก.ไม่ใหญ่เกินไป เป็นที่นิยมมากในเรื่องของรสชาติความอร่อย
7.ญาญ่า
เป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากแตงโมซอนญ่าให้มีความกรอบ แน่น มากขึ้น ขนาดผลใหญ่ขึ้น มีรูปทรงที่ใหม่ เป็นหมอนยาว สะดวกต่อการลำเลียงขนส่ง และผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นเป็น 2 เท่าของสายพันธุ์ธรรมดา ประมาณ 5-8 ตัน/ไร่ มีการต้านทานต่อโรค-แมลงได้ดีขึ้น
8.อพอลโล่
เป็นการพัฒนาต่อเนื่องจาก ซอนญ่า และญาญ่า อีกเช่นกัน ให้เป็นแตงโมรูปแบบใหม่ เป็นทางเลือกให้กับแม่ค้ากลุ่มที่นิยมแตงโมรูปแบบใหม่ เป็นทางเลือกให้กับแม่ค้ากลุ่มที่นิยมแตงโมผลใหญ่ในการผ่าขาย หรือกลุ่มใช้เนื้อมาก เช่น โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร หรือตลาดต่างประเทศที่ต้องการแตงโมไซส์ใหญ่ ขนาด 8-15 กก. เช่น ประเทศจีน ไต้หวัน
9.แตงโมไร้เมล็ด (สายพันธุ์ใหม่)
แตงโมไร้เมล็ดในตลาดบ้านเรามีการวางจำหน่ายน้อยมาก มีเกษตรกรผู้ปลูกก็น้อยมาก อาจเป็นเพราะกระบวนการเพาะปลูกที่ยุ่งยาก และสายพันธุ์ที่มีอยู่ในประเทศยังไม่นิ่ง คุณภาพไม่ดีพอ แต่สายพันธุ์ที่ทางบริษัทนำมาปลูกเป็นแตงโมไร้เมล็ดสายพันธุ์ใหม่ที่มีขนาดผลไม่ใหญ่มาก พอเหมาะ แต่โดดเด่นในเรื่องความหวาน กรอบ เปลือกบาง มีสีแดงจัด และที่สำคัญ คือ มีเมล็ดดำๆ ปนน้อยมากที่สุด
10.จินตหรา
เป็นชื่อสายพันธุ์แตงโมที่คนไทยแทบจะหลงลืมไปแล้ว แต่ยังมีกลุ่มลูกค้าที่ยังชอบรสชาติแบบนี้อยู่ ทางเราก็ยังมีปลูกไว้จำหน่ายเรื่อย ๆ
11.แตงโมมินิ ICE BOX (สายพันธุ์ใหม่)
เป็นแตงโมไซซ์เล็ก ขนาดผล 1.5-2.5 กก. แต่มีความโดดเด่นเรื่องรสชาติที่หวาน กรอบ เนื้อแน่น เหมาะสำหรับครอบครัวยุคใหม่ไซซ์เล็ก
12.แตงโมเนื้อเหลืองไร้เมล็ด (สายพันธุ์ใหม่)
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ชอบทานแตงโมเหลือง มีความหวาน กรอบ มากขึ้น เพราะไร้เมล็ดดำๆ มาทำให้สะดุดตอนรับประทาน
13.แตงโมสายน้ำผึ้ง (ศรีจันทร์)
เป็นแตงโมเนื้อเหลืองพันธุ์ดั้งเดิม มีเนื้อสีเหลืองเข้ม เนื้อนุ่ม หวาน พอดี เปลือกบาง และนิ่มมาก ทำให้มีปัญหาเรื่องการให้น้ำ และการเก็บเกี่ยว ขนส่งในแปลงผลิต
อนาคต คือ เป็นแหล่งรับซื้อแบบครบวงจร..พร้อมพัฒนาการปลูกเป็นอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์
ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน คุณนุชชากล่าวว่า “การลงทุนสร้างจุดรับซื้อตรงนี้ ถ้าทำเต็มรูปแบบจะต้องมีโรงคัดแยก มีห้องแปรรูปผลิตภัณฑ์ มีแปลงสาธิต เพื่อให้คนเข้ามาศึกษาดูงานได้ แต่การทำเต็มรูปแบบที่ว่าอาจต้องใช้เวลากว่า 5 ปี ก็ต้องทำไป ลงทุนคู่กันไป”
สิ่งที่เป็นเป้าหมายอีกอย่าง คือ การสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในแปลงเพาะปลูกที่มีขณะนี้ เพื่อเป็นการยกระดับและพัฒนาศักยภาพของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ด้านสินค้าผักและผลไม้ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ AEC ด้วยมาตรฐาน Thai GAP ซึ่งเป็นการจัดการที่คำนึงถึงสุขภาพ และความปลอดภัย ของเกษตรกรผู้ปลูก การใช้สารเคมีอย่างถูกต้อง และปลอดภัย การจัดการด้านการเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างถูกต้อง สะอาด ปลอดภัย ระบบขนส่งถึงมือผู้บริโภคอย่างมีคุณภาพ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของผลผลิตนั้นๆ ได้อย่างแม่นยำ และในอนาคตจะพัฒนาในเรื่องราวของการผลิตแตงโมปลอดสารพิษอย่างแท้จริง ขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการศึกษาเทียบเคียงว่าถ้าลด ละ เลิก การใช้สารเคมี จะสามารถใช้อินทรีย์ตัวไหนอย่างไรมาทดแทนกันได้บ้าง
ด้านการตลาดผลผลิตแตงโม
สิ่งที่ต้องการสื่อสารไปถึงเกษตรกรทุกคน คือ “อยากให้เกษตรกรร่วมมือกันผลิตแตงโมที่ปลอดภัย นั่นหมายถึง สิ่งที่ตอบแทนกลับมานั้นสูงมาก โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ทุกวันนี้เกษตรเคมีนั้นมีเยอะมาก แต่ถ้าเราสามารถก้าวพ้นจุดที่คนทำอยู่มากๆ ออกมาได้นั้น หมายถึง อากาศบริสุทธิ์ที่อยู่เหนือออกไปจะคุ้มค่ามาก เพียงแต่การก้าวให้พ้นมาเท่านั้นเป็นสิ่งสำคัญ และบริษัทเราก็พยายามผลักดันให้เกษตรกรไปถึงจุดๆ นั้นให้ได้”
ขอขอบคุณ
คุณนงนุช แก้วสุริยา ประธานกรรมการ บริษัท นุชชา ไทยเมล่อน จำกัด
129/4 ม.3 ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี 20220
โทร.09-8982-3444
www.nuchchathaimelon.com