การเพาะ เลี้ยงปลาหมอ และทำ เกษตรผสมผสาน
“วิถีพอเพียงฟาร์ม” แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของ คุณกิตติคุณ แคะกระโทก ด้วยความที่เป็นคนอีสาน การบริโภคปลาพื้นบ้านเป็นของคู่กัน และทุนเดิมสนใจปลาหมออยู่แล้ว เริ่มศึกษาหาข้อมูลด้านการเพาะเลี้ยงและข้อมูลที่ดึงดูดความสนใจเข้าไปอีกก็คือ ปลาหมอเป็นปลาที่โตเร็วกว่าปลาน้ำจืดชนิดอื่นๆ ประกอบกับราคาก็สูงด้วย ตัวเมียที่ท้องบวมๆ นั่นคือ แหล่งโปรตีนที่ได้จากไข่ปลาล้วนๆ จึงเกิดความสนใจที่จะทำฟาร์มปลาหมออย่างจริงจัง
การเลี้ยงปลาหมอถึงแม้จะได้เปรียบในเรื่องของการเลี้ยงง่าย โตเร็ว ได้ราคาสูง แต่หากคนเลี้ยงไม่ใส่ใจ และรู้เรื่องการเลี้ยงไม่จริง ก็ไม่ต่างอะไรกับการแค่ได้เลี้ยง คุณกิตติคุณใช้เวลากว่า 1 ปี ศึกษา ลองถูกลองผิด ทั้งจากผู้ที่มีประสบการณ์ และการศึกษาในระบบฟาร์มทดลอง
โดยลงทุนสร้างบ่อทำการทดลองเลี้ยงปลาหมอในปูน เพื่อศึกษาหัวข้อต่างๆ ที่ตนเองต้องการรู้ คือ
- สังเกตการเจริญเติบโต ระหว่างปลาหมอที่แปลงเพศ กับไม่แปลงเพศ
- เปรียบเทียบการแปลงเพศในแบบต่างๆ
- การเลี้ยงในลักษณะแตกต่างกัน และ
- เปรียบเทียบเรื่องของสูตรอาหารที่ใช้เลี้ยงปลา
หลังจากที่ประสบความสำเร็จในบ่อทดลองก็สร้างความท้าทาย ต่อด้วยการขุดบ่อดินขนาด 6×30 เมตร จำนวน 8 บ่อ เลี้ยงปลาหมอ และเก็บบ่อพ่อแม่พันธุ์ไว้ 1 บ่อ
รายได้จากผลผลิตปลาหมอ
สำหรับราคาปลา ณ ช่วงเวลานี้ ปลาหมอถือเป็นพระเอกแซงโค้งปลานิลไปแล้ว ด้วยระยะเวลาการเลี้ยง 3-4 เดือน ได้ปลาหมอไซส์ 7-8 ตัว/กิโลกรัม
- ราคาปากบ่อกิโลกรัมละ 80 บาท ราคาจำหน่ายปลีกในตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 100-120 บาท
ผลผลิตต่อบ่อขึ้นอยู่กับจำนวนปลาที่ปล่อยลงเลี้ยง คุณกิตติคุณปล่อยปลาหมอเลี้ยง 15,000 ตัว/บ่อ ไซส์ปลาเฉลี่ย 8 ตัว/กิโลกรัม จะได้น้ำหนักปลารวมประมาณ 1,800 กิโลกรัม เมื่อหักค่าใช้จ่ายไปแล้วบ่อไม่ถึงไร่
- ภายใน 4 เดือน สามารถให้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 60,000-70,000 บาท
การพัฒนาสายพันธุ์ปลาหมอ
การจะได้ลูกพันธุ์ที่ดี มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของฟาร์ม คุณกิตติคุณลองถูกลองผิดกว่า 1 ปี จึงได้สายพันธุ์ในแบบฉบับที่ตนเองต้องการ นั่นคือ สายพันธุ์ที่แข็งแรง เลี้ยงง่าย โตเร็ว มีอัตราการแปลงเพศ 97.3% ถือเป็นความสำเร็จด่านแรก
การผสมพันธุ์เพาะฟักปลาหมอ คุณกิตติคุณกล่าวว่า พ่อแม่พันธุ์ที่เราพัฒนาขึ้นมาจะมีอายุการใช้งาน 1 ปีหลังจากนั้นไปก็จะเปลี่ยนพ่อแม่พันธุ์ชุดใหม่ ในการผสมพันธุ์นั้นจะว่าจ้างฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาที่มีประสบการณ์ ด้วยวิธีการฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์กระตุ้นให้พ่อแม่พันธุ์ผสมพันธุ์ วางไข่ตามธรรมชาติ
การแปลงเพศปลาหมอ
จากนั้นรีดไข่ออกมาแล้วเราก็จะนำไข่มาฟักและอนุบาลด้วยตนเอง ด้วยการให้กินอาหารผสมฮอร์โมนแปลงเพศ 17-β Estradiol เพื่อแปลงเพศปลาหมอให้เป็นเพศเมีย ซึ่งจะแตกต่างจากปลานิลที่จะแปลงเพศปลานิลให้เป็นเพศผู้
การแปลงเพศจะใช้อาหารสำเร็จรูปผสมกับฮอร์โมนแปลงเพศ และเสริมความแข็งแรงด้วยการผสมวิตามินรวมลงในอาหารด้วย โปรแกรมการแปลงเพศจะใช้ระยะเวลา 30-35 วัน จะได้ลูกปลาขนาดใบมะขาม ลูกพันธุ์ปลาหมอที่แปลงเพศเรียบร้อยแล้วจะมีเกษตรกรเข้ามารับซื้อ และอีกส่วนหนึ่งก็จะแบ่งไปลงบ่อเลี้ยงของตนเอง
การเตรียมบ่อ เลี้ยงปลาหมอ
การเลี้ยงปลาในบ่อดิน สิ่งที่ได้เปรียบกว่าการเลี้ยงปลาในกระชัง หรือในบ่อปูน คือ ในบ่อดินสามารถสร้างอาหารธรรมชาติได้ ขั้นตอนแรกของการเตรียมบ่อ คือ ถ้าเป็นบ่อเก่าจำเป็นต้องตากบ่อ ใช้แสงแดดฆ่าเชื้อโรคภายในบ่อก่อน
จากนั้นใช้ปูนขาว 1 ถุง หว่านให้ทั่วบ่อ ทิ้งไว้ 7 วัน ต่อด้วยการใส่ปุ๋ยคอกในอัตราส่วนบ่อละ 200 กิโลกรัม/ไร่ ปุ๋ยคอกนี่เองที่จะเป็นตัวสร้างอาหารธรรมชาติ จำพวกไรแดง หนอนแดง เป็นอาหารวัยอ่อน โปรตีนสูง ให้กับลูกปลาหมอได้เป็นอย่างดี แล้วจึงเติมน้ำที่ผ่านการกรองด้วยถุงกรองลงในบ่อประมาณ 50% ของบ่อ
ในบ่อที่เตรียมน้ำเรียบร้อยแล้วจะทิ้งบ่อเพื่อให้เกิดอาหารธรรมชาติ 7-10 วัน ก่อน จึงจะทำการปล่อยลูกปลาหมอลงไปเลี้ยงในอัตราส่วน 50 ตัว/ตารางเมตร หรือประมาณ 15,000 ตัว จะสังเกตได้ว่าบ่อที่ เลี้ยงปลาหมอ น้ำภายในบ่อจะมีลักษณะเป็นสีเขียว ซึ่งแพลงก์ตอนพืชที่เกิดขึ้นในบ่อถือเป็นอาหารธรรมชาติเลี้ยงปลาในช่วงแรกที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
ระหว่างที่ปล่อยลูกปลาลงไปเลี้ยง คุณกิตติคุณจะใช้การสังเกต เวลาที่เติมน้ำเข้าไปในบ่อ ลูกปลาที่เลี้ยงจะกินอาหารได้ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นให้ปลากินอาหารดีขึ้น ฉะนั้นทุกๆ สัปดาห์ จะมีการเติมน้ำเข้าครั้งละ 10 เซนติเมตร เทคนิคนี้นอกจากจะกระตุ้นการกินอาหารของปลาที่เลี้ยงแล้ว ยังทำให้ปลาได้รับน้ำใหม่ และถ่ายน้ำเก่าออกไปบางส่วน เป็นการรักษาและควบคุมคุณภาพน้ำให้เหมาะสมตลอดการเลี้ยง
การให้ อาหารปลาหมอ
อาหารถือเป็นสิ่งสำคัญที่คนเลี้ยงต้องลงทุน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ จากการทดลองในเรื่องอาหาร
- ในช่วง 1 เดือนแรก จะใช้อาหารกบ (ไฮเกรด) เม็ดเล็กอย่างเดียว
- ช่วงเดือนที่ 2 และเดือนที่ 3 จะใช้อาหารปลาดุกเบอร์เล็ก และเบอร์กลาง ตามขนาดของตัวปลา ซึ่งในช่วงเดือนที่ 2 และ 3 นี้ ถือเป็นการช่วยเร่งการเจริญเติบโต คุณกิตติคุณจะใช้สูตรอาหารที่ได้ทดลองมา โดยการใช้อาหารสำเร็จรูปผสมกับยาคุมกำเนิด ในอัตราส่วนยาคุมกำเนิด 3 เม็ด มาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำ 1.25 ลิตร แล้วนำไปคลุกเคล้ากับอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่จะให้ในแต่ละวัน ลักษณะอาหารที่ได้จะเปียกๆ ต้องนำไปผึ่งลมให้แห้งก่อนแล้วแบ่ง จึงให้กินวันละ 3 มื้อ อาหารสูตรนี้จะให้กินสัปดาห์ละ 6 วัน อีก 1 วัน จะให้อาหารเสริม ซึ่งอาหารเสริมนี้จะใช้โครงไก่บดละเอียดผสมกับรำ และน้ำหมักชีวภาพ (EM) หมักทิ้งไว้ 1 วัน แล้วจึงนำไป เลี้ยงปลาหมอ
สูตรอาหารดังกล่าวที่กล่าวมา คุณกิตติคุณกล่าวถึงผลได้ว่าภายใน 3 เดือน ของการเลี้ยง ปลาจะมีน้ำหนัก 7-8 ตัว/กิโลกรัม ซึ่งถ้าในบางช่วงปลาไซส์นี้ถือว่าคนก็บริโภคกันได้แล้ว แต่ถ้าอยากได้ความมันจากตัวปลา และลดกลิ่นคาว ในช่วงก่อนจับผลผลิตจะใช้อาหารอีกสูตร โดยการใช้โครงไก่บดละเอียดนึ่งสุก ผสมฟักทองนึ่งสุก ปั้นเป็นก้อน ให้ปลากินต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน นอกจากความมัน ลดกลิ่นคาวแล้ว เนื้อปลาจะมีรสชาติอร่อย ได้น้ำหนักดีด้วย
รายได้จากผลผลิตพืชผัก พืชผักงามจากการใช้น้ำจากบ่อปลา
“พอเพียงนี้อาจจะมีมาก อาจจะมีของหรูหรา ก็ได้ แต่ว่าต้องไปเบียดเบียนคนอื่น ทำอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติตนก็พอเพียง” อีกหนึ่งพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวง ซึ่งจากความรู้สึกที่ทีมงานสัมผัสได้ของคุณกิตติคุณที่ต้องการสนองตอบตามแนวทางของพ่อหลวง ที่ไม่เพียงแต่การทำงานประจำ และสร้างอาชีพเสริมจากความชอบในการ เลี้ยงปลาหมอ
การทำการเกษตรอื่นๆ รวมด้วยในพื้นที่เดียวกัน ทั้งการปลูกพืชผัก และผลผลิตอื่นๆ ตามคันบ่อ และการเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาดุก ก็เป็นสิ่งที่คุณกิตติคุณเลือกที่จะทำไปพร้อมกันระหว่างรอผลผลิตหลัก อย่าง ปลาหมอ ก็จะมีรายได้จากการจำหน่ายพืชผักที่ปลูก
น้ำจากบ่อปลาที่อุดมด้วยแร่ธาตุถือเป็นปุ๋ยสูตรเข้มข้นชั้นดีที่ใช้เติมลงไปในนาข้าวกว่า 10 ไร่ ที่ปลูกไว้เป็นแปลงปลูกข้าวปลอดสารพิษเพื่อบริโภคเอง งานนี้ลงทุนอย่างเดียวได้ประโยชน์ 2 ต่อ อย่างลงตัว ทีมงานต้องขอชื่นชมในแนวความคิดต่อยอดของวิถีพอเพียงของคุณกิตติคุณไว้ ณ โอกาสนี้
ฝากถึง…ผู้ที่สนใจทำเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง
สุดท้ายนี้คุณกิตติคุณขอฝากถึงผู้ที่สนใจมีใจรักเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง และมีอุดมการณ์เดียวกัน ในการใช้ชีวิตแบบวิถีพอเพียง สามารถเข้าไปเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับ คุณกิตติคุณ แคะกระโทก คุณเก่ง ได้ที่ บ้านเลขที่ 19 หมู่ 2 ต.ทุ่งกะตะพัฒนา อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 08-2899-7706