การเลี้ยงปลากะพง
ปลากะพงถือเป็นสัตว์น้ำที่มูลค่าการลงทุนสูงกว่าสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ก่อนที่จะมีปลาเนื้อเลี้ยงได้ต้องผ่านระบบมาหลากหลาย ซึ่งการชำปลากะพงพร้อมการหัดอาหารเม็ดไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครก็สามารถทำได้ จะต้องมีเทคนิคและวิธีการต่างๆ เพื่อให้ได้ลูกปลาที่ได้คุณภาพอย่างแท้จริง ไม่มีการหลอกลวง
การเริ่มต้นของนิมิตฟาร์ม คุณนิมิต แฮวอู เล่าว่า จากพนักงานราชการตำแหน่งนักวิชาการในศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งสมุทรสงคราม ริเริ่มจากการเลี้ยงกุ้งขาวบ่อดิน ซึ่งเป็นการทดลอง 1 ปี แล้วจึงได้ย้ายหน้าที่มาอยู่โรงเพาะปลากะพง ซึ่งจะผลิตลูกพันธุ์ปลากะพงขาวปล่อยแหล่งน้ำธรรมชาติ แล้วหัวที่เหลือจากการปล่อย40,000-50,000 ตัว จะนำมาฝึกอาหารเม็ดไว้ขาย จึงได้ประสบการณ์ในส่วนนั้นมา และเมื่อประมาณปีที่ 8 ตนได้ติดต่อหาเช่าพื้นที่ที่เป็นโรงเพาะฟักเหมือนที่เคยได้ทำมาในศูนย์ จึงได้มาเปิดฟาร์มเป็นของตัวเอง และได้มาเจอพื้นที่แห่งนี้ที่เปิดกิจการมากว่า 5 ปี
การคัดเลือกลูกพันธุ์ปลากะพง อาหารปลากระพงขาว
ลูกพันธุ์ปลาที่ทางฟาร์มเลือกใช้เอามาจากบริเวณสองคลอง ซึ่งเป็นฟาร์มที่ไว้ใจได้ มีการจดทะเบียนฟาร์ม ขนาดลูกปลาที่นำมาชำจะมีขนาด 1.5-2 ซม. ราคาของลูกพันธุ์จะมีการขึ้น-ลงตามฤดูกาลตลอด หากเป็นช่วงหน้าร้อนราคาจะถูก ถ้าหน้าหนาวลูกพันธุ์ปลาจะมีราคาที่สูงกว่า สั่งครั้งละ 100,000-150,000 ตัว เนื่องจากฟาร์มที่นี่รองรับได้เท่านี้ อาหารปลากระพงขาว อาหารปลากระพงขาว อาหารปลากระพงขาว อาหารปลากระพงขาว
และเมื่อได้รับลูกพันธุ์ปลาที่มีคุณภาพมาแล้ว จะมีวิธีการตัดเชื้ออยู่ 3 วิธีการด้วยกัน คือ
1.ด่างทับทิม การใช้ด่างทับทิมจะใส่ถัง 500 ลิตร แล้วเอาปลาที่รับมาใส่สวิง แช่ในถังประมาณ 10 วินาที ยกขึ้นนำไปปล่อยบ่ออนุบาล
2.ฟาร์มทั่วไปจะใช้ฟอร์มาลีน เมื่อรับลูกปลาแล้วก็ถ่ายใส่บ่อปูนที่จะชำเลย และใช้ฟอร์มาลีนแช่ทั้งคืน เช้าจึงถ่ายออก อัตราส่วนที่ใช้ คือ ฟอร์มาลีน 40 ml. ต่อน้ำ 1 ตัน
3.วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ทางฟาร์มเลือกใช้ คือ นิวโปรไซส์ ใช้ช่วงเช้าที่ถ่ายน้ำเสร็จ จะใส่ในอัตราส่วน 3 ml. ต่อน้ำ 1 ตัน แช่ทิ้งไว้ และถ่ายทิ้งช่วงบ่าย จะสะดวก และง่ายกว่า ไม่ต้องใช้เยอะ ฆ่าเห็บ ปรสิต ปลิงใส และยังสามารถปรับ pHได้ด้วย
เนื่องจากตรงนี้เป็นน้ำบาดาล ค่าอัลคาไลน์จะสูง ความกระด้างของน้ำจะสูงตาม และออกซิเจนจะไม่สามารถละลายในน้ำได้ จึงต้องมีการแก้ปัญหานี้โดยการลดความกระด้างของน้ำ ด้วยการใช้กรดเกลือ หรือกรดน้ำส้มสายชู แต่ความอันตรายกรดเกลือจะอันตรายกว่า จึงเลือกใช้กรดน้ำส้มสายชู 50 ml. ต่อน้ำ 1 ตัน
มาตรฐานการเลือกลูกปลาคุณภาพก่อนส่ง
เหตุผลที่ลูกค้ามีแต่ลูกค้าเก่าที่ไม่หายไปไหน เนื่องจากพอไปจับปลายทางแล้วแม่ค้าเขาจะตัดปลาที่ไม่มีคุณภาพทิ้ง ซึ่งทางฟาร์มผลิตลูกปลาที่มีคุณภาพออกไปเท่านั้น โดยมีมาตรฐานของฟาร์ม คือ
- มีการคัดปลาเสียออก ครีบเหงือกเปิด ครีบหลังหาย หางคด หากเจอลักษณะเช่นนี้จะคัดทิ้ง ทำให้มีออเดอร์ล่วงหน้าตลอด
- หากเป็นปลาหางจะปล่อยบ่อธรรมชาติของทางฟาร์มเท่านั้น
- บริการปรับค่าความเค็มของน้ำให้เท่ากับบ่อลูกค้า และไปปรับอุณหภูมิที่บ่อลูกค้าอีกครั้งก่อนปล่อยลงเลี้ยง
การชำลูกปลาในบ่อปูน
ฟาร์มนี้จะใช้ระบบชำในบ่อปูน เนื่องจากข้อดีของบ่อปูนจะมีมากกว่าบ่อดิน มีข้อเสียอยู่เพียงข้อเดียวเท่านั้น คือ จะโตช้ากว่า แต่เมื่อได้ผลผลิตลูกปลาออกมา และนำไปลงเลี้ยงเป็นปลาเนื้อ จะได้คุณภาพของปลาที่ดี และสวย กว่าปลาที่ผ่านการชำจากบ่อดิน ในบ่อปูนพบการติดเชื้อน้อย และยังสามารถควบคุมการติดเชื้อได้ง่าย หากเป็นบ่อดินในช่วงฤดูฝนจะพบอาการปลาตัวดำ ติดเชื้อ และควบคุมระบบน้ำได้ยาก
การบริหารจัดการบ่อปลากะพง
บ่อที่ใช้ในฟาร์มมีทั้งหมด 17 บ่อ บ่อขนาด 4×4 เมตร ซึ่งจะแยกเป็น 2 ระบบ คือ ระบบบ่อฟอกน้ำ และระบบบ่อชำ ในส่วนของบ่อชำจะมีทั้งหมด 8 บ่อ และบ่อสำหรับฟอกน้ำอีก 6 บ่อ และบ่อสต็อคน้ำจืด 2 บ่อ ขั้นตอนการทำความสะอาดบ่อหลังปลาขึ้น
ในช่วงระยะเวลาที่เร่งผลิตต้องปล่อยปลาต่อเลย จะใช้น้ำยาล้างจานผสมกับโพลิโดนล้างขัดบ่อและอุปกรณ์ แล้วนำไปแช่ฟอร์มาลีนต่อ 1 คืน เช้านำขึ้นมาตากแดดให้แห้งเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อราก่อนเก็บ แต่ช่วงที่มีระยะเวลาที่มากพอไม่ต้องลงลูกปลาต่อเลย จะมีขั้นตอนเพิ่มเข้ามา คือ จะใช้ฟอร์มาลีนกับน้ำ 500 ลิตร แล้วใช้ไดโว่ฉีดทั้งฟาร์มเลย และมีวิธีในส่วนของการฆ่าเชื้อตามซอกบ่อ ฉีดให้เปียกแล้วปล่อยให้แห้งสลับกันไป และเชื้อก็หมดไปเอง แต่อย่าลืมว่าต้องใช้ตอนที่ไม่มีลูกปลาเท่านั้น
เมื่อทำความสะอาดบ่อเรียบร้อยจะมีขั้นตอนของการเตรียมน้ำ แต่ที่ฟาร์มนี้จะเสียตรงที่ไม่มีบ่อพักน้ำ คือต้องดูดน้ำจากคลองเข้ามาพักในบ่อฟอกเลย ซึ่งมีความเค็มที่สูงถึง 28 ppt. ซึ่งจะใช้ปูนขาวเพื่อลดตะกอนแขวนลอยและฆ่าเชื้อ อัตราส่วนที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 8 ตัน และตีน้ำให้อากาศ พอตกเย็นก็จะใส่คลอรีนประมาณ 5 กรัม ต่อน้ำ 1 ตัน และจะทำการผสมน้ำจืดเข้าไปให้เหลือความเค็มที่ 10 ppt. เท่านั้น และที่ฟาร์มจะมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวัน 2 เวลา ในช่วงเช้าก่อนให้อาหารประมาณ 7.00-8.00น. และช่วงอีกรอบตอน 16.00 น. เกือบ 100%
การให้อาหารลูกปลากะพง
การให้อาหารลูกปลากะพงเมื่อปล่อยลงบ่อแล้วภายใน 1 สัปดาห์แรก จะให้อาร์ทีเมียประมาณ 3-4 วัน และเมื่อปลามีการขยับไซส์เป็นปลาเซ็นต์จะเริ่มใช้อาหารเม็ดผงของ บริษัท อินเว (ประเทศไทย) จำกัด ผสมกับอาร์ทีเมีย แล้วก็หยอดเพื่อให้ปลาร่วมกลุ่ม หลังจากนั้นก็จะเป็นอาหารสำเร็จรูปเม็ดจมของอินเวอย่างเดียว
ต่อมาเริ่มใช้ ดีไลท์ของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีด มิลล์ จำกัด เป็นอาหารลอยน้ำ ตามด้วยอาหารเม็ดลอยน้ำ โปรฟีดเบอร์ 1 ของบริษัท ไทยยูเนี่ยนฯ ขยับเบอร์ตามไปเรื่อยๆ และจะตัดเชื้อด้วยนิวโปรไซส์ ยาเหลือง ในอัตราส่วน 2 กรัม ต่อน้ำ 1 ตัน เพื่อรักษาแผลบอบช้ำจากการคัดไซส์ ปลาเกล็ดถลอก 3 วันจะติด และเมื่อครบ 5 วัน จะมีการร่อนไซส์ และจะใส่นิวโปรไซส์ เช้าแช่ถึงเย็นถ่ายน้ำออก เติมน้ำใหม่ ให้อาหาร แล้วก็ใส่ยาเหลืองยันเช้าอีกวัน และถ่ายน้ำทิ้ง ทำแบบนี้ 3 วันติด เพื่อเป็นการป้องกันโรค การติดเชื้อ
การจำหน่ายปลากะพง
หนึ่งรอบการเลี้ยงจากปลาไซส์ 1 ซม. จะใช้ระยะเวลาในการเลี้ยง 45-60 วัน จะเริ่มได้ไซส์ 2.5-3 ซม. ภายในช่วง 3 เดือน ผลผลิต 100,000 ตัว จะขายได้ 60,000-70,000 ตัว อัตรารอด 70-80% ไม่เท่ากัน เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ช่วงฤดูหนาวปลาจะไม่ค่อยกินอาหาร มีวิธีแก้ คือ การควบคุมอุณหภูมิ แต่บางทีก็ไม่กินเลยยอมตัวแบนแห้งตาย ถ้ามีฮิตเตอร์ช่วยในการควบคุมอุณหภูมิจะดี ให้อยู่ที่ 28 องศาเซลเซียส เพราะถ้าต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส ปลาจะไม่กินอาหาร
ด้านตลาดปลากะพง
ส่วนการขนส่งลูกปลาตามฟาร์มจะมีบริการรถอ๊อกปลา และแพ็คถุงส่ง แต่ถ้าหากว่ามากกว่า 3,000 ตัว จะแนะนำเป็นการใช้บริการรถขนส่ง งดอาหาร 1 วัน ก่อนมีการขนส่ง มีรถแบบถังอ๊อกใหญ่ และถังอ๊อกเล็ก ถังอ๊อกใหญ่เหมาะสำหรับการขนส่งระยะไกล จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
สามารถขนส่งได้กว่า 10,000 ตัว ของขนาดปลา 3 นิ้ว ถังอ๊อกเล็กจะเป็นรถที่ใช้ประจำ วิ่งใกล้ๆ ในระยะทางที่ไม่ไกลมาก และในถังจะมีการควบคุมอุณหภูมิที่ 20 องศาเซลเซียส เพื่อลดการบอบช้ำของตัวปลา ไม่ให้ปลาว่ายน้ำมาก และจะทำให้ปลาใช้ออกซิเจนน้อยลง
การวางแผนในอนาคต
แผนการขยายในอนาคต วางแผนไว้กำลังจะขยายที่เพชรบุรี ซึ่งบ่ออนุบาลจะใช้เป็น “ถังพลาสติก” และเลี้ยงปลาเนื้อด้วย เพื่อเป็นการทดลองการเจริญเติบโตของปลาหาง และเพื่อเป็นตัวควบคุมระหว่างลูกค้าที่เอารุ่นหลังๆ ไปเลี้ยง ในการชำจะลงปลาได้รอบละ 100,000-150,000 ตัว เท่าเดิม เพราะถ้ามากกว่านี้จะจัดการยาก
หากเกษตรกรท่านใดสนใจที่จะเลี้ยงปลากะพง หรือต้องการสั่งจองลูกปลากะพงที่มีคุณภาพจากนิมิตฟาร์ม สามารถติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อได้ที่ คุณนิมิต แฮวอู 083-758-8245 หรือ 32 หมู่ 6 ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม 75000