สวนฉลองพันธุ์ไม้ คือ แหล่งผลิตไม้ผลพันธุ์พื้นเมืองของไทย และจำหน่ายกิ่งพันธุ์ไม้ส่งออก ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง อย่างในวงการ “เซียนกิ่งพันธุ์ไม้” ทั้งนี้ในตลอดระยะเวลาที่มากด้วยประสบการณ์ที่ได้ขยายกิ่งพันธุ์ไม้ผลมากว่า 36 ปี ของคุณฉลอง จันดาวงศ์ ซึ่งเป็นเจ้าของสวน
การผลิตกิ่ง พันธุ์มะขามป้อม และกิ่งพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด
ทั้งนี้จากที่เขาได้ผลิตกิ่งพันธุ์ไม้ โดยเริ่มแรกได้ทำกิ่งพันธุ์ด้วยการทาบกิ่งพันธุ์มะยงชิด มะปรางหวาน และกิ่งพันธุ์มะไฟ แต่ด้วยเทคนิคอย่างมืออาชีพทาบได้กิ่งพันธุ์ที่สวย ลำกิ่งถึงยอดตรง ทรงพุ่มสวย สมดุลกับต้น ใบใหญ่หนา สมบูรณ์ จนได้รับรางวัล 2 ปีซ้อน รับรางวัลมะปราง มะยงชิด ในงานมะปรางหวานปราจีน และรางวัลงานมะไฟหวาน
ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเขาก็ได้ถูกแต่งตั้งเป็นประธานกลุ่มผู้ผลิตกิ่งพันธุ์กระท้อน “ทางกลุ่มของเราจะเน้นในเรื่องของการผลิตให้ได้คุณภาพ และให้ได้ปริมาณมากพอตามที่ต้องการของลูกค้า ส่วนกิ่งพันธุ์ทุกกิ่งที่ลูกค้าซื้อไปทางกลุ่มจะมีการรับประกันให้ พร้อมที่จะให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ เช่น เรื่องการปลูก การดูแลรักษา รวมถึงการออกแบบจัดการสวนภูมิทัศน์อย่างเป็นกันเอง”
ทั้งนี้ที่สวนฉลองพันธุ์ไม้ของเขายังได้ผลิตทำกิ่งพันธุ์กระท้อนออกจำหน่ายด้วยกัน 3 สายพันธุ์ อย่างเช่น กิ่งพันธุ์กระท้อนพันธุ์กำมะหยี่ กิ่งพันธุ์กระท้อนพันธุ์ปุยฝ้าย และกิ่งพันธุ์กระท้อนอีล่า เป็นต้น นอกจากที่ได้ผลิตกิ่งพันธุ์กระท้อนออกจำหน่ายแล้วยังได้ทำด้วยการทาบกิ่งพันธุ์มะขามป้อมป่า
ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ผลโดยเขาจะเน้นเป็นจุดยืนว่าเป็นพืชที่พิเศษมาก เนื่องจากเป็นผลไม้ป่าที่สามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ โดยเฉพาะตามป่าเต็งรัง หรือป่าเบญจพรรณ ในพื้นที่ของไทย ส่วนในต่างประเทศที่มีพืชมะขามป้อม อย่างเช่น อินเดีย จีน ลาว พม่า และเขมร
สรรพคุณของมะขามป้อม
ทั้งนี้คนไทยก็มักจะมองข้ามพืชชนิดนี้ ทั้งที่เป็นพืชที่มีคุณค่าด้านสรรพคุณในตัวยาสุขภาพอยู่มากมายมหาศาล โดยนักวิจัยจากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตร และอุตสาหกรรมอาหาร กับนักวิจัยจากสถาบันต่างๆ จัดได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีปริมาณของสารแทนนินสูง เป็นชนิดที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ สารก่อมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน กำจัดพิษจากโลหะออกจากร่างกาย และในผลของมะขามป้อมมีวิตามินซีมากกว่าส้ม “ลูกต่อลูก” ถึง 20 เท่า
ด้านตลาดมะขามป้อม
ส่วนตลาดมะขามป้อมที่รับซื้อขายกันนั้นซึ่งเป็นตลาดหลักประจำของเขาอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ได้นำไปแปรรูปเป็นอาหาร หรือเป็นส่วนผสมอาหารหลากหลายชนิด ผลสดจะเป็นที่ต้องการของประเทศจีนมาก ซึ่งเขาจะนำแปรรูปเป็นยาสมุนไพรได้ทั้งชนิดผง และชนิดน้ำ รวมทั้งนำไปแปรรูปเป็นน้ำเครื่องดื่มชูกำลัง และแช่อิ่มนึ่งบ๊วย ส่วนราคาซื้อขายราคาอยู่ที่ กก.ละ 300 บาท ขึ้นไป
สายพันธุ์มะขามป้อม
อย่างไรก็ดีมะขามป้อมที่เขาได้ทำกิ่งพันธุ์ออกจำหน่าย เพื่อที่จะให้เกษตรกรหรือคนไทยได้รู้จักมะขามป้อมพันธุ์ไทยแท้ที่มีคุณค่าหรือคุณประโยชน์เพิ่มมากขึ้น โดยเขาได้ขยายพันธุ์รวมทั้งหมดมีอยู่ 4 สายพันธุ์ อย่างเช่น
- สายพันธุ์แป้นสยาม
- แม่ลูกดกอินเดีย และ
- สายพันธุ์แป้นดกพิเศษ
- ทั้งนี้มะขามป้อม 1 ใน 4 นั้น ก็จะมีสายพันธุ์ใหม่ที่เขาได้จากการเพาะเมล็ดพันธุ์ขึ้นมาเอง เป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างกว่าสายพันธุ์อื่น และเขาก็เป็นผู้ที่ตั้งชื่อขึ้นมาเอง คือ มะขามป้อมสายพันธุ์แป้นพิเศษ
แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมาก เนื่องจากเพิ่งได้มาและเห็นผลชัดเจน ส่วนผลจะดกใหญ่ ผลเท่าผลมะนาวแป้น เนื้อแน่น ใบใหญ่กว่าสายพันธุ์ กิ่งก้านจะแข็งแรง เหนียว ไม่หัก ฉีกง่าย หากนำไปปลูกด้วยเมล็ดอาจจะกลายพันธุ์เป็นพันธุ์แม่ แต่ถ้านำกิ่งทาบไปปลูกก็จะไม่กลายพันธุ์ ส่วนการปลูกใช้ระยะเวลา 1 ปีครึ่ง ก็เก็บเกี่ยวผลผลิตออกจำหน่ายขายได้ “มะขามป้อมสายพันธุ์ของไทยแท้ ผลดกใหญ่ แน่น แตกต่างกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ผมได้มาจากการเพาะเมล็ด พันธุ์มะขามป้อม จากป่า ตอนได้มาเป็นมะขามป้อมธรรมดา ผลเล็ก เมล็ดเล็ก แต่มันกลายพันธุ์มาเป็นผลใหญ่”
คุณฉลองยังเผยอีกว่ามะขามป้อมสายพันธุ์ดกพิเศษ ส่วนมากจะมีผู้ที่รู้จักเฉพาะลูกค้าเดิมที่เข้ามาซื้อกิ่งพันธุ์ไม้กับเขาที่สวนนี้ และมาเห็นกิ่งพันธุ์ที่เขาทาบไว้บ้างก็จองไว้ อย่างเช่น ลูกค้ามาจากจังหวัดลพบุรี ก็ได้นำเอาไปปลูกแทนพื้นที่ไร่สับปะรด ไร่อ้อย ไร่มัน โดยซื้อไปประมาณ 5,000-6,000 กิ่ง และที่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เกษตรกรซื้อไปปลูกประมาณ 1,000 กว่ากิ่ง รวมทั้งทางภาคเหนือตอนล่างที่ จ.พิษณุโลก
การเพาะเมล็ดพันธุ์และทาบกิ่งมะขามป้อม
ในส่วนของการเพาะเมล็ด พันธุ์มะขามป้อม ที่เขาได้จากพันธุ์แม่ที่ให้ผลมานั้นซึ่งเป็นผลขนาดเล็ก แล้วเขานำเอามาเพาะจนกลับกลายเป็นพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลขนาดใหญ่ โดยเขาได้เล่าว่าได้เลือกเอาเมล็ดพันธุ์ที่เป็นผลสุก มีลักษณะอมเหลืองอ่อน และได้แกะเปลือกออก เอาเมล็ดข้างใน
หลังจากนั้นได้นำมาล้างจนให้มันสะอาด ก่อนที่จะนำไปตากแดดให้แห้งประมาณ 2-3 แดด ทั้งนี้ในส่วนผสมของวัสดุเพาะเมล็ดพันธุ์โดยจะมีแกลบเหลืองผสมกับดินร่วนปนทรายในอัตรา 1:1 โดยกรอกใส่ถุงพลาสติกดำ (ถุงสำหรับเพาะเมล็ดพันธุ์พืช) เสร็จแล้วนำไปผึ่งไว้ที่สถานที่มีแสงแดดรำไร สามารถส่องได้ถึงประมาณ 40% ของความเข้มข้นแสง ทั้งนี้ได้นำเมล็ดพันธุ์มาหยอดใส่ถุงเพาะชำลึกประมาณ 2-3 ซม. และได้รดน้ำให้ชุ่ม
หลังจากนั้นช่วงระยะให้น้ำ ซึ่งเขาจะให้ 3-5 วัน/ครั้ง ทั้งนี้ก็เริ่มดูแลอย่างสม่ำเสมอ พอประมาณ 45-60 วัน เมล็ดพันธุ์ก็จะเริ่มงอกออกมาให้เห็น อย่างไรก็ตามการเพาะเมล็ดพันธุ์ที่เขานำมาปลูกในเมื่อต้นโตขึ้นได้ที่ พอปลูกได้แล้ว ซึ่งได้ใช้ระยะเวลา 2 ปี มะขามป้อมก็ให้ผลผลิตออกมาให้เห็นได้เต็มที่ และก็มีต้นเดียวเท่านั้นที่ให้ผลใหญ่เท่ามะนาวแป้น อย่างที่กล่าวมาข้างต้นเขาจึงใช้วิธีทาบเพื่อขยายพันธุ์ออกไปให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
สำหรับการปลูกมะขามป้อมด้วยกิ่งทาบ ซึ่งเขาเผยว่าภายในพื้นที่ปลูกของเขานั้นไม่ได้ไถพรวนดิน ก็จะขุดหลุมปลูกได้เลยเหมือนกับปลูกพืชทั่วไป อย่างเช่น ขุดหลุมความกว้าง 30 ซม. ยาว 30 ซม. ลึก 30 ซม. และไม่ได้นำปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยเคมีรองก้นหลุม เพราะจะทำให้เกิดรากเน่า จากนั้นก็นำดินกลบได้เลย เสร็จแล้วก็รดน้ำให้ชุ่ม แต่ไม่ให้น้ำจนเกิดเปลือกแฉะ
การให้น้ำและปุ๋ยกิ่ง พันธุ์มะขามป้อม
หลังจากนั้นก็ให้น้ำ 3 วัน/ครั้ง จนกว่าจะปลูกติด แต่เมื่อปลูกติดแล้วให้สังเกตจากต้น หากแตกใบอ่อนออกมาก็จะให้น้ำ 3-4 ครั้ง/เดือน ทั้งนี้เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนก็จะไม่ให้น้ำ ส่วนการให้ปุ๋ยเขาจะให้ปุ๋ยคอกซึ่งเป็นมูลไก่ การให้ปุ๋ยจะให้ 3 เดือน/ครั้ง อย่างไรก็ตามหากแต่นำกิ่งพันธุ์ที่เป็นกิ่งทาบมาปลูก เมื่ออายุของต้นได้ 1 ปีครึ่ง มะขามป้อมก็จะเริ่มให้ผลผลิตนำออกจำหน่ายขายได้
ทั้งนี้เกษตรกรผู้ที่สนใจกิ่ง พันธุ์มะขามป้อม รวมถึงกิ่งพันธุ์กระท้อนพันธุ์อีล่า กิ่งพันธุ์ปุยฝ้าย และกิ่งพันธุ์กำมะหยี่ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สวนฉลองพันธุ์ไม้ 23 ม.5 ต.ไม้เค็ด อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โทร.08-1454-8283, 08-6833-8665
เตรียมพบกับบูธของฉลองพันธุ์ไม้ได้ที่งานเกษตรต่างๆดังนี้ งานเกษตรกำแพงแสน, เกษตรบางเขน, งานเกษตรศาลากลางราชบุรี, งานเกษตรท่ายาง, งานเกษตรพิษณุโลก, งานเกษตรลพบุรี