กระแส “รักสุขภาพ” กลับมามีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก โดยหันมาใส่ใจสุขภาพและดูแลตัวเองกันมากขึ้น เพราะผู้บริโภคตระหนักดีว่าพิษภัยที่เกิดจากการบริโภคอาหาร คือ ส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรค และโรคที่เป็นสาเหตุของการตายสูง หนึ่งในนั้น คือ “โรคมะเร็ง” ดั่งคำพูดที่ว่า “คุณกินอะไรก็จะได้อย่างนั้น” หรือ You are what you eat
ฉะนั้นมีธุรกิจฟาร์มไม่กี่แห่งที่ทำแล้วคำนึงถึงผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม เป็นหลัก ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ 100% ไม่ใช้ฮอร์โมนเร่ง ไม่ใช้สารเร่งสีไข่แดง เลี้ยงด้วยธัญพืชปลอดสารพิษ และเลี้ยงปล่อยในโรงเรือนอย่างอิสระ ที่สำคัญใส่ใจทุกกระบวนการผลิต รวมถึงระบบไบโอซีเคียวริตี้ (Biosecurity) จนเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคและบริษัทคู่ค้ายอมรับด้านความสะอาด คุณภาพ และมาตรฐาน
จากที่กล่าวมาข้างต้นจะพามาทำความรู้จัก “อุดมชัยฟาร์ม” ฟาร์มไก่ไข่อารมณ์ดี เลี้ยงแบบอินทรีย์ ในเขตอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เจ้าของ คือ คุณธนเดช แสงวัฒนกุล ผู้ที่ยึดแนวทางการทำฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ปลอดยาปฏิชีวนะ แข็งแรงด้วยน้ำหมักชีวภาพ และสมุนไพรไทย จนเป็นฟาร์มต้นแบบปศุสัตว์อินทรีย์ โครงการพัฒนาปศุสัตว์อินทรีย์ กรมปศุสัตว์ และฟาร์มผู้นำสุขภาพ และเกษตรอินทรีย์ดีเด่น (Organic Farming and Health Care) เครือข่ายองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)
คุณธนเดชเล่าถึงที่มาของอุดมชัยฟาร์มว่า ฟาร์มเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2503 โดยตนเป็นผู้บริหารรุ่นที่ 2 ต่อจากคุณพ่อ ซึ่งแต่เดิมจะเลี้ยงทั้งไก่ไข่ ไก่เนื้อ และสุกร แต่ภายหลังก็เลิกเลี้ยงไป เหลือเพียงธุรกิจไก่ไข่อย่างเดียว จนกระทั่งเกิดวิกฤตไข้หวัดนกระบาด ทำให้ฟาร์มในขณะนั้นที่มีไก่ไข่จำนวน 500,000 ตัว ได้รับผลกระทบโดยตรง ไม่สามารถระบาย ไข่ไก่อินทรีย์ ออกจากฟาร์มได้ หลังจากผ่านพ้นวิกฤติไปจึงปรับเปลี่ยนความคิด และวิธีการเลี้ยงใหม่ โดยลดกำลังการผลิตลงเหลือ 10% หรือ 50,000 ตัว โดยเน้นตลาดเพื่อสุขภาพ และนัยยะสำคัญ คือ ต้องการเน้นสุขภาพไก่ให้มีความแข็งแรง อารมณ์ดี และอิสระ ในการใช้บริเวณ ตลอดจนประสิทธิภาพในการเลี้ยงที่มากขึ้น
“หลายคนอาจมองว่าการทำเกษตรอินทรีย์นั้นทำยาก แต่ความจริงแล้วไม่มีอะไรยากเลย เพียงแค่ใส่ใจดูแล สิ่งไหนที่ยังไม่ได้ทำก็ลองดู อย่ากลัว และการสร้างมาตรฐานก็สำคัญ เพราะถ้าไม่สามารถทำตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ได้ สิ่งที่จะตามมาก็คือ เรื่องโรค” คุณธนเดชเปิดใจ
สภาพพื้นที่เลี้ยงไก่ไข่
การเลี้ยงในลักษณะนี้ (ปล่อยอิสระ) จะแตกต่างกับการเลี้ยงไก่ไข่ในระบบอุตสาหกรรมที่เน้นเชิงปริมาณ ตรงที่ “วิธีการเลี้ยง” คือ จะปล่อยไก่บนพื้นที่ที่กำหนดไว้ (ตามหลักออร์แกนิคสากล 1 ตารางเมตร/ไก่จำนวน 5 ตัว) โดยไม่กักขังแต่อย่างใด ไก่จะไม่เครียด ซึ่งเป็นแนวทางการเลี้ยงแบบไก่ไข่อินทรีย์ ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ และเน้นแบบธรรมชาติให้มากที่สุด แม้กระทั่งการเปิด-ปิดไฟให้เป็นเวลา เพื่อให้ไก่ได้พักผ่อนเต็มที่ อีกทั้งผลพลอยได้จากการปฏิบัติเช่นนี้ก็คือ การประหยัดพลังงาน และลดโลกร้อน นั่นเอง
ข้อเปรียบเทียบระหว่างการเลี้ยงแบบปล่อยกับระบบอุตสาหกรรม
การเลี้ยงแบบปล่อยอิสระจะเริ่มเลี้ยงตั้งแต่ลูกไก่ เพื่อปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม หรือเรียกอีกอย่างว่าการปรับสมดุลร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้ไก่มีสุขภาพแข็งแรง และมีอัตราการให้ไข่ดี เมื่อไก่อายุครบ 10 กว่าสัปดาห์ พนักงานจะนำกรงไก่เข้าไปวางไว้เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย จากนั้นเมื่อถึงเวลาไก่ก็จะขึ้นไข่เอง
ซึ่งวิธีการนี้จะเหมือนกับการเลี้ยงไก่พ่อแม่พันธุ์ อีกทั้งยังฝึกให้ไก่เกิดความเคยชิน โดยการกินอาหารในตอนเช้า เวลา 04.00-05.00 น. และเก็บไข่ในเวลาถัดมา หรือประมาณ 6 โมงเช้า ส่วนในช่วงเย็น เวลา 19.00-20.00 น. ก็จะเริ่มปิดไฟ เพื่อให้ไก่ได้รับการพักผ่อน ส่วนการเลี้ยงในระบบอุตสาหกรรมจะใช้ทุนค่อนข้างสูง และเลี้ยงแบบยืนกรงในโรงเรือนระบบอีแวป ซึ่งจะแตกต่างกับการเลี้ยงแบบปล่อยอิสระที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติ แสงแดด และสายลม
ลักษณะโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่
ลักษณะการเลี้ยงจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของโรงเรือนสำหรับให้ไก่ได้วางไข่ และพื้นที่หลับนอน ส่วนที่สองเป็นพื้นที่สนามหญ้า เพื่อให้ไก่ได้เดิน หรือวิ่งเล่น หากช่วงที่สภาพอากาศไม่ดีก็จะไม่ปล่อยให้ออกไปเดิน แต่ถ้าอากาศดี มีร่มเงา ไก่ก็จะเดินออกไปเอง เพราะนี่คือธรรมชาติของไก่ แต่การเลี้ยงจะต้องมีการจัดการที่ดีด้วย เพื่อสามารถควบคุมโรคได้
สำหรับการเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์นั้นในช่วงหน้าร้อนมีผลกระทบกับการให้ไข่พอสมควร แต่ทางฟาร์มจะใช้สปริงเกลอร์พ่นน้ำที่หลังคา และมีพัดลมระบายอากาศคอยช่วยคลายความร้อนลงได้ ส่วนช่วงหน้าฝนจะดูแลเอาใจใส่มาก เนื่องจากมีความชื้นสูง อาจส่งผลให้ไก่เป็นหวัด หรือไม่สบายง่าย และจะดูแลสภาพแวดล้อมภายในฟาร์ม ตัดแต่งบริเวณข้างโรงเรือน เพื่อป้องกันการเกิดโรค ตลอดจนการฆ่าเชื้อ และทำให้อากาศถ่ายเทได้ดี
ส่วนหน้าหนาวจะใช้ผ้าบังสร้างความอบอุ่นให้ไก่ที่เลี้ยง และยังสามารถบังลมที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไก่ป่วยได้ ทั้งหมดนี้เป็นแผนงาน “การเฝ้าระวังเชิงรุก” เนื่องจากไก่ที่ฟาร์มไม่ใช้ยาปฏิชีวนะใดๆ ทั้งสิ้น
การให้อาหารไก่ไข่
เมื่อการเลี้ยงไก่ไข่แบบอินทรีย์ “อาหาร” ก็มีส่วนสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการผลิต ฉะนั้นวัตถุดิบหลักที่นำมาใช้ผสมเองต้องสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ และจะต้องผสมอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการของไก่ไข่ หรือสูตรอาหารนั้นๆ ซึ่งวัตถุดิบหลักที่ใช้ประกอบด้วย ข้าวโพดปลอดสารพิษ เกรดพรีเมี่ยม 60% ปลาป่น (ปลาทะเล) 10% ถั่วเหลือง 15% และรำ 15%
นอกจากนี้ยังใช้น้ำหมักชีวภาพ โดยเป็นสูตรจาก ชมรมบ้านสุขภาพ อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดย ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ และสมุนไพรไทย ผสมน้ำให้ไก่กินทุกเช้า เพื่อการปรับสมดุลร่างกาย และช่วยในระบบการย่อย ที่สำคัญมูลไก่จะไม่เหม็น
ผลไม้ที่นำมาหมักจะใช้ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวตามฤดูกาล เช่น มะนาว มังคุด ส้มเขียวหวาน ส้มโอ และอื่นๆ เป็นต้น โดยใช้สูตรผลไม้ 3 ส่วน น้ำผึ้ง หรือน้ำตาลทรายแดง 1 ส่วน และน้ำสะอาด 10 ส่วน ปิดให้อากาศถ่ายเทได้เพียงเล็กน้อย เพื่อที่จะให้น้ำหมักเมื่อเกิดการย่อยสลายแล้วจะมีฟองอากาศเกิดขึ้น หมักเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี ทุกขั้นตอนการหมักจะต้องสะอาด รวมถึงผลไม้ที่ใช้ก็ต้องสด และสะอาด ด้วย ส่วนการใช้น้ำหมักผสมน้ำให้ไก่กินจะใช้ในอัตราน้ำหมัก 1 ลิตร/น้ำสะอาด 200 ลิตร สามารถใช้แทนวิตามินได้
การจำหน่าย ไข่ไก่อินทรีย์
สำหรับอัตราการผลิตของอุดมชัยฟาร์มอยู่ที่ประมาณวันละ 20,000 ฟอง ขนาด ไข่ไก่อินทรีย์ จะมีลักษณะแตกต่างกัน โดยจะคัดเป็นขนาดต่างๆ บรรจุลงแพ็คเกจที่มีสีสันสวยงาม และทันสมัย มีกระบวนการผลิตที่สะอาด และได้มาตรฐาน ภายใต้ชื่อ “ปล่อยไก่” อุดมชัยฟาร์ม จำหน่ายตลาดโมเดิร์นเทรดในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ
ผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ชีวภาพจากแม่ไก่อารมณ์ดี
- ฉลากสีเขียว “ไข่ไก่สาวเอ๊าะเอ๊าะ” น้ำหนักรวม 450 กรัม/ 10 ฟอง
- ฉลากสีชมพู “ไข่ไก่สาววัยทีน” ขนาดน้ำหนัก 50-55 กรัม/ฟอง
- ฉลากสีน้ำตาล “ไข่ไก่สาวรุ่นกระเตาะ” ขนาดน้ำหนัก 55-60 กรัม/ฟอง
- ฉลากสีม่วง “ไข่ไก่สาวร่าเริง” ขนาดน้ำหนัก 55-65 กรัม/ฟอง
ชีวิตอิสระของแม่ไก่อารมณ์ดี ได้เดิน วิ่ง สัมผัสสายลม แสงแดด กินอาหารดี มีความสุข แล้วแบ่งปัน ไข่ไก่อินทรีย์ เป็นอาหารธรรมชาติแก่มวลมนุษย์
ด้านตลาด ไข่ไก่อินทรีย์
กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ซึ่งเป็นกระแสนิยมในขณะนี้ และไม่ใช่ตามกระแสเพียงอย่างเดียว กลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ยังมีความเข้าใจ และตระหนักถึงความปลอดภัยต่อชีวิตเป็นอย่างดี ส่วนราคาทางฟาร์มจะเป็นผู้กำหนดเอง
“ที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณผู้บริโภคที่มีความเข้าใจ และใส่ใจ ในการคัดสรรสินค้าที่คำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภคเป็นหลัก ส่วนทางฟาร์มเองจะประกอบอาชีพด้วยความซื่อสัตย์ และรักษามาตรฐานในกระบวนการผลิต เพื่อสินค้าที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภค การได้แชมป์ที่ว่าลำบากแล้ว การรักษาแชมป์ยิ่งยากกว่า” คุณธนเดชให้แง่คิดทิ้งท้าย
ขอขอบคุณ คุณธนเดช แสงวัฒนกุล หจก.อุดมชัยฟาร์ม 64 หมู่ 12 ถนนพหลโยธิน ตำบลพระพุทธบาท อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี 18120 โทร.081-704-7505, 036-267-429, 036-266-129