การผลิตเมล็ดพันธุ์
“สหกรณ์วันนี้ยังเป็นสถาบันที่ช่วยแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของเกษตรกร เป็นสถาบันที่มีความมั่นคง เป็นที่พึ่งให้กับสมาชิก สหกรณ์ช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ”
การรวมกลุ่มในรูปแบบของสหกรณ์นั้นเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งวันนี้ประเทศไทยมีสหกรณ์หลายแห่งที่มีศักยภาพด้านการบริหารและพัฒนาธุรกิจของสหกรณ์ให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง บนพื้นฐานของการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะสหกรณ์ต้นแบบของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่รู้จักกันดีในนาม “สหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด”
ที่ก่อตั้งและจดทะเบียนเมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้ว เดิมเป็นสหกรณ์ขนาดเล็กที่ค่อยๆพัฒนาตัวเองให้มีศักยภาพขึ้นมาเรื่อยๆ จึงทำให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นทุกปี ไปพร้อมๆ กับการแก้ไขปัญหาให้กับสมาชิกให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งทางด้านอาชีพ และการดำรงชีวิต จนกระทั่งสหกรณ์แห่งนี้พัฒนาเป็นสหกรณ์ขนาดใหญ่ มีสมาชิกมากกว่า 3,200 คน และสมาชิกส่วนใหญ่ทำธุรกิจกับสหกรณ์เป็นหลัก
คุณจิตติ เจียมเจือจันทร์ ผู้จัดการสหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด จ.อุทัยธานี
คุณจิตติ เจียมเจือจันทร์ ผู้จัดการสหกรณ์ เผยว่า สหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 1/1 หมู่ 4 ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เดิมเป็นสหกรณ์ขนาดเล็ก ที่กลายมาเป็นสหกรณ์ขนาดใหญ่ได้เพราะเข้าใจปัญหาของสมาชิกส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเกษตรกรทั้งชาวนา ชาวไร่มันสำปะหลัง ชาวไร่อ้อย สมาชิกผู้ทำข้าวโพด ทำสวนยางพารา และสวนผลไม้ เป็นต้น ปัญหาของสมาชิกก็คือ เรื่องปัจจัยการผลิตที่มีราคาแพง แต่ผลผลิตที่ได้เมื่อขายกลับมีราคาถูก กำหนดราคาไม่ได้
การผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง
สหกรณ์จึงมีแนวคิดจะช่วยเหลือสมาชิกด้วยการ “เพิ่มมูลค่าผลผลิต” ให้สูงขึ้น ด้วยการ “ผลิตเมล็ดพันธุ์” ซึ่งได้ชักชวนให้สมาชิกหวนกลับมาผลิต “เมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง” พันธุ์เชียงใหม่ 60 โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์
เพื่อนำมาสร้างโรงคัดแยก เมล็ดพันธุ์ จำนวน 13 ล้านบาท หรือที่เรียกว่า “การปรุงประสิทธิภาพ คุณภาพการผลิต สถาบันเกษตรกร” ที่สหกรณ์มุ่งเน้นส่งเสริมให้สมาชิกผลิตและรับซื้อคืนในราคาประกัน จนทำให้สมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 20-30% หลังจากที่สหกรณ์ส่งเสริมสมาชิกให้ผลิต เมล็ดพันธุ์ ถั่วเหลืองอยู่ราว 10 ปี ก็สามารถผลิต เมล็ดพันธุ์ ถั่วเหลืองได้เป็นอันดับ 1 ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ถึง 3 ปีซ้อน
สายพันธุ์ เมล็ดพันธุ์ ข้าว
ต่อมาสหกรณ์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ เมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ตลาดมีความต้องการสูง จึงส่งเสริมให้มีการ “ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว” มีทั้งหมด 8 สายพันธุ์ ได้แก่
- กข 29,
- กข 31,
- กข 41,
- กข 47,
- กข 49,
- ชัยนาท 1,
- พิษณุโลก 2,
- ปทุมธานี 1
ที่มีสมาชิกผลิตพันธุ์ข้าวจำนวน 550 ราย มีพื้นที่การผลิตประมาณ 6,000 ไร่/ปี ซึ่งปัจจุบันสหกรณ์สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวขายได้เป็นอันดับ 1 ของประเทศ และของกรมส่งเสริมสหกรณ์มีตลาด เมล็ดพันธุ์ ทั่วประเทศ ทั้งเหนือ อีสาน กลาง ใต้ ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายด้วยเครือข่ายสหกรณ์ ที่ทำให้สมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้น 20-30% อีกทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ระหว่างสหกรณ์ เพื่อสร้างความสมดุล พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันได้
นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้สมาชิกทำนาแบบลดต้นทุน ด้วยการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว ลงจาก 30-35 กก./ไร่ ให้เหลือเพียง 16 กก./ไร่ โดยไม่ต้องหว่านเผื่อ เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ที่นี่มีอัตราการงอกที่ดี เพราะสหกรณ์มีห้องแลปเพื่อตรวจสอบคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ให้ได้คุณภาพอย่างต่อเนื่อง
การผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว
ประกอบกับสหกรณ์มีการส่งเสริมให้ชาวนามีรายได้เสริมหลังจากการทำนา และใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ด้วยการ “ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว” สายพันธุ์ชัยนาท 72 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง ทนต่อโรคและแมลง เป็นพืชอายุสั้น ใช้น้ำน้อย ให้ผลผลิตประมาณ 200 กก./ไร่ ขณะที่เมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวมีราคาที่ 35 บาท/กก.
รวมทั้งสหกรณ์ได้มีการรณรงค์ให้สมาชิก “ลดต้นทุนการผลิต” ด้วยการลดการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีลง โดยสหกรณ์จะทำหน้าที่เป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับสมาชิก ส่งเสริมการทำบัญชีครัวเรือน บัญชีต้นทุนการผลิต เพื่อให้ทราบถึงต้นทุนที่แท้จริง และสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้
การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ตราเกลียวเชือก
สหกรณ์มีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ “ตราเกลียวเชือก” ซึ่งเป็นแบรนด์ของสหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด เพื่อจำหน่ายให้กับสมาชิก เพื่อเป็นการลดต้นทุนที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากสมาชิก จึงมีกำลังการผลิตที่ 5 ตัน/วัน มียอดจำหน่ายประมาณ 300 ตัน/ปี
“เราใช้วัตถุดิบของสารปรับสภาพดิน ตรากุ้งสองตัว มาเป็นส่วนผสมในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ของเราในรูปของปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ด เรามีทั้งสูตรดั้งเดิมและพัฒนาขึ้นใหม่ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับปุ๋ยเคมี ที่สำคัญสมาชิกมีต้นทุนการผลิตที่ลดลง มีรายได้เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
การปลูกมันสำปะหลัง
รวมไปถึงสหกรณ์ได้ส่งเสริมในเรื่องพืชพลังงาน ทั้งมัน “สำปะหลัง” และ “อ้อย” โดยทุกๆ 3 ปีสหกรณ์จะประสานไปยังศูนย์วิจัยพืชไร่ระยองเพื่อจัดซื้อท่อนพันธุ์แจกจ่ายให้กับสมาชิกนำไปปลูกขยายพันธุ์ เพราะท่อนพันธุ์ที่ดีจะทำให้การทำเกษตรสำเร็จไปแล้วกว่า 15-20%
ภายใต้โครงการส่งเสริมการปลูกพันธุ์มัน ที่ทำให้สมาชิกปลูกมันแล้วได้ผลผลิตที่ 6 ตัน/ไร่ หรือประมาณ 3-4 หมื่นตันหัวมัน ปีนี้สหกรณ์จึงมีแนวคิดจะต่อยอดธุรกิจ ด้วยการเปิดรับซื้อและรวบรวมหัวมันสดจากสมาชิกเพื่อป้อนให้กับโรงงานเอทานอลในพื้นที่โดยตรง
การปลูกอ้อย
ล่าสุดสหกรณ์ได้จัดหา “อ้อยพันธุ์ขอนแก่น 3” เพื่อแจกจ่ายให้กับสมาชิกนำไปปลูกแล้ว 70 กว่าตัน เนื่องจากมีโรงงานเกิดขึ้นในพื้นที่ และคาดว่าจะแจกจ่ายพันธุ์อ้อยเพิ่มขึ้นเป็น 100 ตัน ได้ในปีถัดไป ควบคู่ไปกับการพัฒนาสมาชิกในทุกสาขาอาชีพให้สามารถผลิตสินค้าให้ได้ตามมาตรฐาน GAP
โดยจะมีเจ้าหน้าที่สหกรณ์ 4 คน คอยดูแลควบคุมการปลูกพืชทั้งหมด และสามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยในชีวิต เพื่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และผู้บริโภค จึงได้สนับสนุนทุน 1,000 บาท/ครัวเรือน เพื่อสร้างห้องเก็บปุ๋ยที่แยกสารเคมีออกจากที่พักอย่างชัดเจน นำร่องไปแล้ว 100 ครัวเรือน มีการจดบันทึกต้นทุนทางอาชีพ การใช้วัตถุดิบปลอดภัย การจดบันทึก การแยกสารเคมีออกจากครัวเรือนตามมาตรฐานของ GAPในเบื้องต้น
แนวทางในการดำเนินชีวิต
ปัจจุบันสหกรณ์ได้ตระหนักถึงปัญหาหนี้สินของสมาชิก และพยายามลดปัญหาหนี้สินตรงนี้ ด้วยการแนะนำให้สมาชิกจัดทำบัญชีครัวเรือน เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม ส่งผลให้การทำธุรกิจสินเชื่อของสหกรณ์สามารถรับชำระหนี้คืนจากสมาชิกได้ในอัตราร้อยละ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์
ที่ทำให้สหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด กลายเป็น “สหกรณ์ต้นแบบ” ในด้านการพัฒนาของกรมส่งเสริมสหกรณ์ภายใต้พี่เลี้ยงที่ดี เป็นที่พึ่งให้กับสมาชิก เพราะสมาชิกทุกคน สมาชิกทุกอาชีพ เปรียบเสมือนทุกส่วนของสหกรณ์ ที่ต้องพัฒนาให้สมดุล ทุกอาชีพต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน บนพื้นฐานของสมาชิกที่มีความจงรักภักดี เชื่อมั่น ศรัทธา ไว้วางใจในสหกรณ์ ขณะที่ฝ่ายบริหารต้องมีความรู้ ความสามารถ นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติได้ ภายใต้การดูแลจากพี่เลี้ยงที่ดี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด เลขที่ 1 หมู่ 4 ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี 61160 โทร.056-989-120, 090-151-9557 แฟกซ์ 056-989-120