จากอาชีพนักวิศวกรรมเครื่องกลเงินเดือนหลายหมื่นบาท มุ่งสู่การเป็นเกษตรกรมืออาชีพอย่างเต็มตัว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคำถามที่ท้าทายเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จากคนใกล้ชิด และเพื่อนๆ ของ คุณเจษฎา อัครบัณฑิตสกุล เจ้าของแปลงเพาะ“เจษฎาพันธุ์ปาล์มน้ำมัน” บ้านส้อง อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (มทม.) ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล ใช้ชีวิตในเมืองกรุงนับเป็นเวลามากกว่า 30 ปี ตั้งแต่สมัยเรียนจนกระทั่งได้เข้ามาทำงานในบริษัทเอกชนนานถึง 8-9 ปี พันธุ์ปาล์มซีหราด
แต่เลือกที่จะลัดวงจรชีวิตหนีความวุ่นวายจากเมืองกรุง หันมาเอาดีด้านการทำเกษตรแทนการเป็นมนุษย์เงินเดือน ต้องล้มลุกคลุกคลานกว่าจะข้ามผ่านอุปสรรคนั้นไม่ง่ายเลย แต่ด้วยพลังแห่งฝันบวกกับไฟแห่งความมุ่งมั่น เป็นแรงผลักดันให้ได้ค้นพบความสุข ชีวิตบนทางสายอาชีพที่เลือกเดิน
จุดเริ่มต้นทำแปลงเพาะพันธุ์กล้าปาล์มน้ำมัน
คุณเจษฎาเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นที่เกิดจากความคิดแรกให้กับทีมงานนิตยสารพืชเศรษฐกิจฟังว่า ด้วยความเบื่อหน่าย และคิดว่าตัวเองคงไม่เหมาะจะทำงานสายอาชีพ เพราะด้วยรูปแบบสังคมที่กะเกณฑ์ กำหนดอะไรไม่ได้เลย เป็นมนุษย์เงินเดือนต้องมีเจ้านาย มีกรอบในการดำเนินชีวิต
จึงทิ้งทุกอย่างที่เมืองกรุงกลับมาบ้านเกิด และได้เข้าอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์เป็นเวลากว่า 1 เดือน ประกอบกับในช่วงปี พ.ศ.2554 คุณแม่บอกให้อยู่ช่วยดูแลสวนยาง และปาล์มน้ำมัน ที่มีอยู่หลายแปลง อายุตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงอายุที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
ต่อมาปี พ.ศ.2555 จากการที่ได้คลุกคลีและเข้าไปในสวนปาล์มอยู่บ่อยครั้ง ได้เล็งเห็นว่าสวนปาล์มให้ร่มเงา อากาศดี ด้วยความเขียวชอุ่มของใบนั้นทำให้เกิดความสนใจ จึงได้ศึกษาข้อมูลการจัดการดูแลสวน รวมถึงสายพันธุ์ปาล์มต่างๆ เพื่อนำมาปรับใช้เป็นความรู้อย่างจริงจัง
จนกระทั่งตัดสินใจทำแปลงเพาะพันธุ์ปาล์มน้ำมันในพื้นที่ 2 ไร่ ที่รู้จักกันดีในชื่อ “เจษฎาพันธุ์ปาล์มน้ำมัน” ตั้งอยู่ที่สามแยกธนาคารกสิกร ตลาดบ้านส้อง อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
“ผมอยากทำอาชีพอิสระ เป็นนายตัวเอง สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้ และด้วยความที่ชอบการทำเกษตรอยู่แล้ว ก็เลยมองว่าอาชีพเกษตรกรรมนี่แหละเป็นอาชีพที่เหมาะ เพราะสามารถควบคุมการผลิตเองได้ทั้งระบบ ตั้งแต่วางแผนกระบวนการผลิต เก็บเกี่ยว การตลาด ซึ่งนอกจากเป็นอาชีพอิสระ การทำเกษตรยังสอนให้เรียนรู้ธรรมชาติได้หลายอย่าง เกิดการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง” คุณเจษฎาเล่าจุดเริ่มต้นเส้นทางแห่งความฝันให้ฟัง
การเพาะพันธุ์กล้าปาล์มน้ำมันซีหราด
จากผู้จำหน่ายกล้าปาล์ม “ พันธุ์ปาล์มซีหราด ” สู่แปลงปลูกที่ให้ผลผลิตคุณภาพสูง ลูกดก ต้นเตี้ย ทางใบสั้น ทนแล้ง ทนโรค เมื่อตัดสินใจเลือกแล้วว่าจะเดินบนเส้นทางนี้ จึงติดต่อเข้ามาที่ บริษัท สยามเอลิทปาล์ม จำกัด เพื่อสั่งจองเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมัน “ซีหราด” ครั้งแรก จำนวน 2,000 เมล็ด ในปี พ.ศ.2555 และได้เมล็ดพันธุ์ที่สั่งจองในปี พ.ศ.2556 เพื่อนำมาเพาะเป็นต้นกล้าจำหน่ายในราคาตั้งแต่ต้นละ 130-200 บาท ในเนื้อที่ 2 ไร่
โดยคุณเจษฎาได้เผยอีกว่าช่วงระหว่างที่เพาะต้นกล้ารอให้เจริญเติบโตพร้อมที่จะจำหน่ายได้นั้น ได้มาช่วยงานพี่สาวที่ร้านค้าข้าว “ฮงหลีค้าข้าว” ร้านเก่าแก่ดั้งเดิมที่อยู่คู่ตลาดบ้านส้อง จังหวัดสุราษฎร์ธานี มาช้านาน ตั้งแต่สมัยรุ่นคุณพ่อ คุณแม่ ร้านค้าข้าวถือได้ว่าทำเป็นอาชีพหลัก และการทำแปลงเพาะพันธุ์กล้าปาล์มน้ำมันจำหน่ายจะทำเป็นอาชีพเสริม ที่สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวเป็นอย่างดี ด้วยยอดจำหน่ายต้นกล้าประมาณปีละ 10,000 ต้น
การบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมัน
การจัดการภายในแปลงเพาะคุณเจษฎาจะเน้นการจัดวางต้นกล้าแบบสามเหลี่ยม เพื่อให้ง่ายต่อการคัดต้นกล้าที่ผิดปกติและการดูแลแปลง ในการเลือกใช้ “กล้าพันธุ์” ที่ดี ย่อมได้ผลผลิตที่ดีตามไปด้วย เป็นข้อปฏิบัติที่ยึดถือกันมานาน
การเลือกใช้พันธุ์มีความสำคัญมาก ถ้าเลือกใช้พันธุ์ผิดจะทำให้เสียเวลา และค่าใช้จ่าย แต่ด้วยคุณภาพของสายพันธุ์ต้นกล้าที่เลือกนั้น ทำให้มั่นใจและนำมาทดลองปลูกเพื่อให้เห็นผลผลิตด้วยตนเอง ในพื้นที่มากกว่า 7 ไร่ ซึ่งเป็นสวนหมากเก่าที่โค่นต้นทิ้ง และปรับหน้าดินปลูกปาล์มน้ำมัน ระยะในการปลูก 9.5×9.5เมตร ใช้ต้นกล้าไร่ละ 20-21 ต้น ปัจจุบันอายุต้นประมาณ 4 ปี ผลผลิตปาล์มสามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่อายุ 31 เดือน
“การปลูกต้องมีการวางแผนให้ดี ยิ่งในช่วงต้นฝนเดือนพฤษภาคม จะได้น้ำฝนจากธรรมชาติยาวไปจนถึงสิ้นปี ถ้าใส่ปุ๋ย บำรุงต้นให้ดี การจัดการก็ง่าย หมั่นเดินตรวจแปลงเพื่อดูว่ามีหนูเข้ามากัดกินต้นปาล์มหรือไม่เท่านั้น ที่สำคัญ คือ เน้นการจัดการให้ถูกวิธี ก็จะได้ผลผลิตปาล์มที่ดี มีคุณภาพ เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจะเห็นผลได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตอนอายุต้นปาล์มได้ปีที่ 4-5 ขึ้นไป” คุณเจษฎาให้ความเห็นเกี่ยวกับการวางแผนทำสวนปาล์ม
การบำรุงดูแลรักษาต้นกล้าปาล์มน้ำมัน
“การดูแลจัดการหลังจากที่นำต้นกล้าปาล์มมาปลูก” 15 วัน หลังจากนำต้นกล้าปาล์มน้ำมันมาปลูกจะหว่านปุ๋ยบำรุงต้น เร่งการเจริญเติบโตด้วยสูตร 14-14-21 อัตราในการใส่ประมาณ 1 ขีด/ต้น จากนั้นจะกำจัดวัชพืชด้วยการใช้เครื่องตัดหญ้า เน้นตัดประมาณ 2 เดือน/ครั้ง หรือถ้าหญ้าขึ้นรกมากก็จะกำจัดด้วยการฉีดพ่นยาฆ่าหญ้า โดยจะเลือกใช้สูตรที่เหมาะสม ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบรากของต้นปาล์ม
การใส่ปุ๋ยนั้นคุณเจษฎาจะอิงข้อมูลจากตารางการใส่ปุ๋ยของ “กรมวิชาการเกษตร” เป็นหลัก เพื่อให้พืชได้ธาตุอาหาร ทั้งโพแทสเซียม ไนโตรเจน แคลเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต ขณะเดียวกันธาตุอาหารจะสูญเสียไปกับผลผลิตทะลายสดที่ตัดออกไปขาย เมื่อมีการตัดทะลายสดจึงต้องมีการบำรุงต้นเสมอ ดังนั้นปุ๋ยที่ใช้ในสวนปาล์มสามารถใช้ได้ทั้งปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมี
ส่วนใหญ่จะใช้ปุ๋ยเคมีเป็นหลัก เนื่องจากปุ๋ยเคมีมีปริมาณธาตุอาหารสูงเพียงพอกับความต้องการของปาล์ม ส่วนปุ๋ยอินทรีย์จะเป็นการเสริมเพื่อปรับปรุงให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น การใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอสำหรับปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะปุ๋ยอินทรีย์ที่มีโพแทสเซียมสูงจะหายาก และจำเป็นต้องมีการตรวจวัดหาค่า pH ในดิน และตรวจสอบอินทรียวัตถุในดินอยู่เสมอ การดูแลที่ดีทำให้ต้นสมบูรณ์ นำมาซึ่งผลผลิตสูง เฉลี่ยทะลายมากกว่า 10 ทะลาย/ต้น เก็บเกี่ยวทุก 15-20 วัน ได้ผลผลิตประมาณ 1-2 ตัน/รอบ หักค่าปัจจัยด้านการผลิตต่อปีแล้วยังเหลือค่าใช้จ่ายที่คุ้มทุนกว่าถึง 140,000 บาท/ปี เมื่อเทียบกับยางพารา 14 ไร่ ที่ตนดูแลอยู่ หลังจากที่หักค่าปุ๋ย-ยาแล้ว เหลือกำไรเพียง 60,000-70,000 บาท/ปี
ซึ่งการปลูกปาล์มน้ำมันสามารถสร้างรายได้ที่ดีกว่าการปลูกพืชชนิดอื่นที่เห็นได้อย่างชัดเจน จึงได้ขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันสายพันธุ์ “ซีหราด” เพิ่ม รวมทั้งหมด 90 ไร่ เพราะการทำสวนปาล์มดูแลจัดการง่าย ไม่ยุ่งยาก ปลูกยังไงก็รอด เพียงหมั่นเดินสำรวจดูว่ามีหนูเข้ามากัดกินต้นหรือไม่เท่านั้น แต่ในสวนยางพาราจะดูแลยากกว่า เพราะต้นยางชอบตายบ่อย เนื่องจากปลูกไม่ดีจะทำให้ระบบรากขาด ทำให้ต้นยางตาย จึงต้องมีการปลูกซ่อมแซม ทำให้เสียเวลา และค่าใช้จ่าย จึงทำให้มีการเปลี่ยนพื้นที่ปลูกยางพารามาปลูกปาล์มมากขึ้นนั่นเอง
การเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มน้ำมัน
“ก้าวแรกที่เริ่มต้นสู่ความประทับใจในสยามเอลิทฯ” ถือได้ว่า บริษัท สยามเอลิทปาล์ม จำกัด เป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ และต้นกล้าปาล์มน้ำมัน ที่ได้มาตรฐานระดับสากล ที่มีเครือข่ายการวิจัยทั่วโลกที่ใหญ่ที่สุดในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งกว่า 90 ปี นำมาซึ่งความเชื่อมั่น และสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันทั่วประเทศไทยตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา นำมาซึ่งอาชีพที่มั่นคงและรายได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความสม่ำเสมอในการให้ผลผลิตสูง ตลอดอายุการเก็บเกี่ยวมากกว่า 30 ปี
นอกจากนี้คุณเจษฎาเปิดใจกับทีมงานเล่าถึงความประทับใจใน “ซีหราด” เอลิท และทีมส่งเสริมว่าเป็นพันธมิตรที่ดีมาตลอด คอยเข้ามาติดตามผล เก็บข้อมูล ให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการดูลักษณะต้นกล้าที่ผิดปกติ และด้วยสายพันธุ์ที่มีการพัฒนา ทั้งคุณภาพ และผลผลิตที่สม่ำเสมอ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าเลือกพันธุ์ไม่ผิดในการส่งต่อปาล์มพันธุ์ดีให้กับลูกค้า ดั่งคำที่ว่า “ปลูกความยั่งยืน ปลูกปาล์มซีหราด”
การส่งเสริมและให้ความรู้แก่เกษตรกร
นอกจากนี้ทีมงานยังได้ลงพื้นที่ร่วมกับ ดร.ศรุต ชลธาร ผู้จัดการทั่วไป คุณทันธณิตย์ เกิดสมจิตต์ ผู้ควบคุมกระบวนการผลิตเมล็ดพันธุ์และคุณสยมภพ คมขำ เจ้าหน้าที่งานขายเมล็ดพันธุ์ บริษัท สยามเอลิทปาล์ม จำกัด ได้พูดคุยกันถึงประเด็นการเข้ามาส่งเสริมและให้ความรู้แก่เกษตร จนสรุปได้ว่าทางเจ้าหน้าที่นั้นจะเริ่มติดตามผล ตั้งแต่ลูกค้านำเมล็ดพันธุ์มาเพาะปลูก
โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก ต้นกล้าอยู่ในช่วงระยะอนุบาล จะแวะเวียนเข้ามาติดตามผลเดือนละครั้ง เพื่อเข้ามาสำรวจ และช่วยคัดต้นกล้าที่ผิดปกติให้กับทางลูกค้า หลังจากที่ต้นกล้าโตพอที่จะลงถุงเพาะใหญ่ได้แล้ว ก็จะเว้นระยะในการเข้ามาตรวจเยี่ยมแปลง รวมถึงมีการประสานงานพูดคุยกับทางคุณเจษฎาอยู่ตลอด การสั่งสมประสบการณ์ในการคัดเลือกต้นกล้าก็เพิ่มขึ้นทุกวัน จึงง่ายในการให้คำแนะนำ
แต่ถ้าทางเจ้าของแปลงแจ้งว่ามีลักษณะต้นกล้าที่ผิดปกติจากเดิมมาก ทางทีมก็จะมีการลงพื้นที่ติดตามผลมากขึ้น เก็บข้อมูล เก็บภาพ เพื่อส่งผลไปวิเคราะห์หาสาเหตุว่าเกิดขึ้นจากอะไร และแจ้งให้กับลูกค้าทราบ พร้อมกับหาแนวทางในการป้องกันสาเหตุนั้นๆ
ลักษณะเด่นของ พันธุ์ปาล์มซีหราด
นอกจากนี้เอลิทปาล์มและสยามเอลิทยังมีกิจกรรมส่งเสริมอื่นให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะการจัดอบรมให้ความรู้ในการเลือกใช้สายพันธุ์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ปลูก และบอกถึงคุณลักษณะเด่นของ “ซีหราด” ที่ทนแล้ง ต้นเตี้ย ทางสั้น ผลผลิตสูง รวมถึงการให้คำแนะนำกับแปลงเพาะต้นกล้าในพื้นที่ เพื่อเป็นตัวเลือกในการเลือกสายพันธุ์ปาล์มนำมาเพาะต้นกล้าจำหน่าย ด้วยการคัดเลือกต้นพันธุ์ในการนำมาปลูก เมื่อได้ผลผลิตออกมาแล้วจะเป็นผลชี้ชัดถึงสายพันธุ์ด้วยเช่นกัน
จึงจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบคุณภาพของต้นกล้าพันธุ์เสมอ พร้อมทั้งการออกบูธกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อเป็นการให้ความรู้แก่เกษตรกรที่ยังขาดความรู้เรื่องการคัดเลือกพันธุ์ปาล์มที่ดี และการส่งเสริมการปลูกปาล์มสำหรับเกษตรกรที่อยากหันมาปลูกปาล์มน้ำมันแทนพืชอื่น
แนวโน้มในอนาคต
“คุณเจษฎาได้ให้แง่คิดทิ้งท้ายถึงเกษตรกรอีกว่า ถ้าจะปลูกปาล์มน้ำมันต้องศึกษาหาความรู้หลายๆ ทางก่อนเป็นอันดับแรก เพราะกว่าปาล์มจะได้ดอกตัวเมีย และให้ทะลายนั้น ต้องใช้ระยะเวลานานถึง 30-40 เดือน เราจะได้กำหนดอนาคตข้างหน้าได้ว่าจะเป็นอย่างไร ต่อไปจะได้ไม่ลำบาก การดูแลจัดการที่ดีก็เช่นกัน จะนำมาซึ่งผลผลิตที่ดีตลอดทั้งปี แม้ปาล์มราคาจะดี หรือราคาต่ำ แต่เราก็ยังมีทะลายปาล์มตัดขายได้ตลอด ไม่ขาดคอนั่นเอง”
ขอขอบคุณ
แปลงเพาะ “เจษฎาพันธุ์ปาล์มน้ำมัน”
คุณเจษฎา อัครบัณฑิตสกุล
84 หมู่ที่ 4 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี โทร.081-403-5565
สอบถามข้อมูลพันธุ์ปาล์มน้ำมันติดต่อ
“บริษัท สยามเอลิทปาล์ม จำกัด”
98 หมู่ที่ 6 ต.ห้วยยูง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ 81130 โทร.081-979-0908, 081-894-5382, 075-666-081
www.siamelitepalm.com, E-mail :[email protected], [email protected]