“เห็ดถั่งเช่าสีทอง” เป็นอีกพืชอาหารชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณทางยา ช่วยรักษาโรคที่คนเกือบทั่วประเทศเป็นกันอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ เบาหวาน และโรคความดันโลหิต ซึ่ง “นิตยสาร เมืองไม้ผล&พืชสุขภาพ” เคยนำเสนอเกี่ยวกับผักและสมุนไพรที่นำมาผ่านขั้นตอนหรือขบวนการผลิตเป็นยารักษาโรคมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับคอลัมน์ “พืชสุขภาพ” จะพาท่านผู้อ่านไปเกาะติดสถานการณ์เห็ดถั่งเช่าสีทองของ “กฤษณะฟาร์มเห็ด” ซึ่งเป็นฟาร์มเห็ดระดับแนวหน้า ที่เมืองไม้ผล&พืชสุขภาพเคยนำเสนอมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
โดยภาพรวม “กฤษณะฟาร์มเห็ด” นอกจากเห็ดถั่งเช่าสีทองที่โดดเด่นและสร้างชื่อจนได้รับการยอมรับจากประชาชนโดยทั่วไป ให้การยอมรับกับผลิตภัณฑ์ยาแพ็คบรรจุซอง และแคปซูล สามารถเลือกซื้อไปไว้ทานได้ตามความต้องการ และตามกำลังเงินซื้อที่พอดีแล้ว กฤษณะฟาร์มเห็ดยังเพาะเห็ดถุงเศรษฐกิจอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เห็ดเข็มทอง, เห็ดโคนน้อย, เห็ดโคนญี่ปุ่น, เห็ดฟาง, เห็ดนางฟ้าภูฏาน, เห็ดหอม, เห็ดนางรม, เห็ดนางรมฮังการี, เห็ดนางาซากิ, เห็ดหูหนู, เห็ดขอนขาว, เห็ดขอนดำ, เห็ดเป๋าฮื้อ และเห็ดหลินจือ ด้วย วัตถุประสงค์จำหน่ายขายดอกเห็ดที่ผลิตออกสู่ตลาด โดยทำควบคู่ไปกับการจำหน่ายก้อนเชื้อเห็ดเพื่อให้เกษตรกรซื้อไปทำการเพาะขาย สร้างความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
คุณกฤษณะ จูจ้อย เพาะเห็ดถั่งเช่า และเห็ดหลากหลายชนิด จ.กรุงเทพฯ
หากจะย้อนนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ สำหรับเกษตรกรที่ยังไม่ได้ติดตามกฤษณะฟาร์มเห็ด โดย คุณกฤษณะ จูจ้อย เริ่มต้นทำโรงเพาะเห็ดมาเมื่อปี พ.ศ.2548 แรกเริ่มจะเน้นทำเห็ดเปิดดอกขายเป็นหลัก ด้วยเงินลงทุนเพียงหลักหมื่นตามกำลัง หลังจากที่ลาออกจากงานเป็นลูกจ้างในบริษัท พร้อมกับหักเหอาชีพหันมาทำอาชีพเป็นเจ้านายตัวเอง ด้วยหลักคิดที่ว่า “จุดเริ่มทำเพื่อการเรียนรู้จากน้อยไปหามาก”
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถ และกำลังซื้อดอกเห็ดแต่ละชนิด ที่ผลิตดอกออกขาย และจัดส่งขายตามความต้องการของตลาดไท ตลาดมีนบุรี และตลาดลำลูกกา โดยมียอดการขายผลผลิตที่สามารถเก็บจำหน่ายได้วันละ 300-400 กิโลกรัม จากโรงเรือนเพาะเห็ดที่มีอยู่ทั้งหมด 17 หลัง แต่ละหลังสามารถบรรจุก้อนเห็ดได้ถึง 2,000-3,000 ก้อน เลยทีเดียว ซึ่งผลผลิตดอกเห็ดทุกชนิดจะมีราคาขายอยู่ที่ 30 บาท/กิโลกรัม
โดยคุณกฤษณะบอกว่าสามารถเก็บผลผลิตได้ทุกวัน อันส่งผลถึงรายได้ที่ดีมาโดยตลอด นั่นคือจุดเริ่มต้นอาชีพการเกษตรที่ทำมาจนถึงปัจจุบัน โดยใส่ความตั้งใจ ศึกษา ค้นหา และนำสิ่งใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาใช้ภายในฟาร์มอยู่เสมอ ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรและผู้ซื้อที่เข้ามาเป็นประจำ อันส่งผลทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นที่ประจักษ์ของคนทั่วไป จนสามารถสร้างความความมั่นคงและยั่งยืนให้กับครอบครัวมาจวบจนถึงปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นเพาะเห็ดถั่งเช่าในตู้เย็น
เมื่อพูดถึงเห็ดถั่งเช่า คุณกฤษณะเป็นอีกคนหนึ่งที่เริ่มต้นเพาะเป็นรุ่นแรกที่รับกระแสแพร่หลายระบาดมาจากประเทศไต้หวัน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งผลิตเห็ดถั่งเช่าที่ได้มาตรฐานระดับโลกเลยก็ว่าได้ จากข่าวสารดังกล่าวก็ส่งผลกระตุ้นต่อมความต้องการลงมือทำเองเมื่อปี พ.ศ.2555 โดยส่วนตัวความคิดเริ่มจุดประกายเกิดจากเพื่อนคนไทยที่ทำงานอยู่ประเทศไต้หวันได้นำเสนอ แนะนำอย่างจริงจัง ด้วยความจริงจัง และจริงใจ ให้กับเพื่อนที่ต้องการทำอาชีพเพาะเห็ดถั่งเช่าให้ได้ เขาจึงยอมเสียเวลาเข้าไปศึกษา และฝึกอบรมการเรียนรู้ เพื่อให้ได้วิชา และส่งข้อมูลวิธีการเพาะมาให้คุณกฤษณะที่รออยู่ในเมืองไทยอย่างใจจดใจจ่อ
“ผมได้เริ่มเพาะเห็ดถั่งเช่าขึ้นมาเอง โดยการลองผิดลองถูก ซึ่งไม่มีแหล่งอ้างอิงที่ไหนในเมืองไทย เมื่อทำได้ผล สิ่งต่อไป คือ เราต้องลงทุนซื้อเครื่องจักรเข้ามาทำเอง ภายใต้ความมั่นใจที่ไม่มากเท่าไหร่นักว่าอาชีพนี้มันไปได้แค่ไหน จากนั้นก็ตัดสินใจลงทุนทำ พร้อมกับทำการตลาดให้กับผู้บริโภคที่มีโรคประจำตัว
ซึ่งก็ได้รับความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี เพราะเราเน้นสินค้าที่ออกมามีคุณภาพดี สรรพคุณทางยารักษาโรคให้หายได้ ต่อมาผมก็ได้นำเสนอให้เกษตรกรที่สนใจเพาะเพื่อการค้า ผู้สนใจก็ตอบรับสมัครเข้าอบรมที่เปิดทุกอาทิตย์มากมายหลายรุ่น และสิ่งที่ได้ยินจากปากเกษตรกรคนที่เข้ามาอบรม ก็คือ เป็นการลงทุนที่สูง เพราะต้องสร้างห้องติดแอร์เพื่อควบคุมอุณหภูมิที่ 22 องศาเซลเซียส
ตรงนี้นี่เองที่ทำให้ผมคิดหาวิธีต่อยอดทำการเพาะในพื้นที่ที่เล็กลง ซึ่งสิ่งที่คิดได้ ก็คือ ทำการเพาะเลี้ยงในตู้เย็น ซึ่งได้ทดลองทำดู ผลตอบรับออกมาก็น่ายินดีกับผลผลิตที่ไม่แตกต่างกัน นั่นก็คือ สรรพคุณดอกและเส้นใยเป็น “ยาร้อน” (ธาตุร้อน) ซึ่งมีสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ สารคอร์ไดซิฟิก หรือคอร์ไดซิปินแอซิด ซึ่งเป็นสารช่วยให้ร่างกายสามารถดึงออกซิเจนออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ไม่แตกต่างกันกับวิธีเพาะในพื้นที่ขนาดใหญ่”
คุณกฤษณะได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นการเพาะเห็ดถั่งเช่าซึ่งเป็นการทดลองถูกผิดตามคำแนะนำของเพื่อนที่ส่งมาจากประเทศไต้หวัน พร้อมกับคิดค้นต่อยอดในอาชีพ คือ การเพาะเลี้ยงเห็ดถั่งเช่าในตู้เย็นเป็นผลสำเร็จ พร้อมกับนำไปพิสูจน์จนรู้แน่ชัดในสรรพคุณ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงอยู่ในขณะนี้ เพราะมีประสิทธิภาพไม่ทำให้เหนื่อยง่าย ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น นอกจากนี้ในเห็ดถั่งเช่ายังมี “สารโพริแซกคาไรด์” หรือ “สารเบต้ากลูแคน” และสารอื่นๆ ที่มีอยู่ในเห็ดถั่งเช่ามากถึง 18 รายการ ซึ่งสารเหล่านี้มีคุณสมบัติสามารถช่วยกระตุ้นร่างกาย สร้างระบบภูมิคุ้มกัน และสามารถต่อต้านโรคภัยได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
ขั้นตอนการผลิตเห็ดถั่งเช่า
ทางด้านขบวนการผลิตเห็ดถั่งเช่าสีทองนั้น คุณกฤษณะจะมุ่งเน้นหรือให้ความสำคัญไปกับการใช้วัตถุดิบ นั่นก็คือ มันฝรั่ง Yeast Pepton วิตามินบี1 และดีเกลือ ในอัตราที่เหมาะสม ก่อนจะเริ่มต้นด้วยการต้มน้ำ 1 ลิตร ให้เดือด 20 นาที หลังจากนั้นนำมันฝรั่งหั่นเป็นลูกเต๋าขนาด 1 นิ้ว ใส่ลงต้มให้สุก แล้วกรองเอามันฝรั่งออก
ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องทำทันที อย่ารอให้น้ำเย็น เพราะจะทำให้มันฝรั่งดูดเอาสารอาหารกลับเข้าตัวจนหมด เมื่อได้น้ำที่กรองมาแล้วจึงค่อยนำวัสดุที่เหลือมาใส่รวมกัน จากนั้นให้นำหนอนที่ปั่นแล้วใส่ขวดโหล แล้วนำข้าวสังข์หยดใส่ลงไปในขวดโหลในอัตรา 50 กรัม ก่อนเติมน้ำปรุง 50 มิลลิลิตร
จากนั้นนำขึ้นไปนึ่งในหม้อแรงดันที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส ประมาณ 30-40 นาที ก่อนจะนำขวดออกมาตั้งให้เย็น และนำเข้าตู้หยอดเชื้อโดยการใช้ไซริ้งค์ดูดหัวเชื้อนำไปหยอดให้ทั่ว แล้วค่อยทำการปิดฝาทันที แล้วนำขวดเข้าห้องเพาะเลี้ยงที่มีลักษณะเป็นห้องมืด มีอุณหภูมิกำหนดไว้ที่ 20 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน 5 วัน
จนกระทั่งเห็นว่าเส้นใยเริ่มเดินจนเต็มโถก็จะเปิดไฟให้แสงช่วง 14 วันแรก หลังจากนั้นจะเพิ่มอุณหภูมิขึ้นเป็น 21 องศาเซลเซียส เพื่อกระตุ้นให้ “เกิดดอก” เพราะการบ่มเชื้อในห้องมืดจะมีเส้นใยสีขาวเกิดขึ้น แต่หลังจากเริ่มให้แสงเส้นใยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองพร้อมขึ้นดอก
เมื่อให้แสงครบ 15 วัน ต่อมาจะมีการปรับอุณหภูมิที่ 20 องศาเซลเซียส และต้องควบคุมความชื้นในห้องอยู่ที่ 70-90% เนื่องจากการเพาะเห็ดถั่งเช่าสีทอง การให้แสงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และต้องคอยเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี เช่น ผู้เลี้ยงจะต้องให้เห็ดได้รับแสงวันละ 12 ชั่วโมง
การแปรรูปเห็ดถั่งเช่า
เมื่อเห็ดอายุครบ 2 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตเข้าสู่ขบวนการแปรรูปในขั้นตอนต่อไป โดยจะแยกเก็บเป็น 2 ส่วน คือ “ส่วนของดอก และเส้นใยอาหาร” ที่สามารถนำไปแปรรูปได้ทั้งหมด
ณ วันนี้…ทางด้านการเพาะเห็ดถั่งเช่า หรือเห็ดชนิดอื่นๆ คุณกฤษณะได้ตอกย้ำในเรื่องนี้ว่าไม่ใช่เรื่องยาก ที่ผ่านมาเห็ดถั่งเช่าหลายๆ คนมองว่าทำยาก หากเข้าไปเรียนรู้และทำความเข้าใจในองค์ประกอบที่สร้างความสมดุลที่เกี่ยวเนื่องกัน อันส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเขาได้ดี ก็สามารถทำได้แล้ว ในส่วนของการเพาะโดยใช้ต้นทุนน้อยในตู้เย็นขนาด 11 คิว กฤษณะฟาร์มเห็ดก็สามารถทำได้สำเร็จ
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายขวดเชื้อเห็ดถั่งเช่า
สำหรับท่านที่มีตู้เย็นเก่าอยู่แล้วก็จะเป็นการช่วยลดต้นทุนเพื่อทำการผลิตไว้เพื่อทานเอง ฝากพี่น้อง ผองเพื่อน หรือท่านสามารถทำเพื่อจัดจำหน่ายก็ย่อมได้ เพราะผลผลิตต่อรุ่นใช้เวลาประมาณ 3 เดือน หลังจากผ่านขั้นตอนการอบแห้งแล้วได้น้ำหนักถึง 4 กิโลกรัม ต่อตู้ ปริมาณขวดเชื้อที่ขายให้พร้อมตู้เย็นทั้งหมด 120 ขวด คิดเป็นราคาต่อขวดที่ขายให้กับลูกค้าขวดละ 50 บาท น้ำหนักขวดละ 16 ออนซ์ ซึ่งขณะนี้กฤษณะฟาร์มเห็ดกำลังยื่นทำเรื่องขอจดสิทธิบัตรเป็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หากท่านที่ต้องการเครื่องใหม่ กฤษณะฟาร์มเห็ดมีความพร้อมในการจัดขายให้เครื่องละ 35,000 บาท พร้อมกับแถมขวดเชื้อเห็ดให้ไปเพาะอีกเต็มตู้ โดยวิธีการทำก็ไม่แตกต่างไปจากที่เพาะในห้องขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการวัดค่าออกซิเจนที่หมุนเวียนในตู้ วัดค่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เห็ดคายออกมา พร้อมทั้งมีตัววัดค่าแสงที่เป็นตัวกำหนดการปิด-เปิดตู้เย็นอัตโนมัติตามที่กำหนดไว้ และค่าความชื้นที่ใช้ “Ultrasonic” เป็นตัวกระจายหมอกไปในอากาศ
ด้านบนตู้เย็นจะใช้พัดลมดูดอากาศเข้ามา โดยการผ่านแผง “เทปป้า” เป็นแผงที่กรองเชื้อราอยู่ที่ 0.2 ไมคอน และมีพัดลมดูดอากาศถ่ายเทออกไปด้านหลังตู้เย็น การเพาะเห็ดถั่งเช่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ การควบคุมความชื้นให้เหมาะสม และอุณหภูมิกำหนดไว้ที่ 22 องศาเซลเซียส โดยใช้ “Tem control” ควบคุม ไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป อีกด้านหนึ่งซึ่งสามารถตอบสนองให้กับลูกค้าในตัวเมืองเป็นอย่างดี ก็คือ ลูกค้าสามารถยกขึ้นไปเพาะบนตึก และคอนโด ได้โดยไม่มีข้อกังวลใดๆได้อีกด้วย
การให้ความรู้ และแนะนำวิธีการ ปลูกเห็ดถั่งเช่า สีทอง
ก่อนจากกันในวันนั้น เมืองไม้ผล&พืชสมุนไพรได้มีโอกาสพบกับ “มิสเตอร์แพททริก แม็คครัดเดน” จากการสอบถามทำให้ทราบว่าท่านเป็นอาจารย์ชาวอังกฤษที่สนใจศาสตร์ และวิธีการ ปลูกเห็ดถั่งเช่า มานาน ได้ค้นคว้าศึกษาเรียนรู้ถึงคุณสมบัติและสรรพคุณอย่างสม่ำเสมอจากสื่อโซเชียล
จึงทำให้ทราบว่ากฤษณะฟาร์มเห็ดเป็นอีกแหล่งปลูกเพาะเห็ดที่มีมาตรฐาน และทราบว่าได้ทำกิจการทางด้านนี้มาอย่างยาวนาน ถือได้ว่าเป็นฟาร์มเห็ดที่เชื่อถือได้อีกฟาร์มหนึ่งเลยทีเดียว การเข้ามาเรียนรู้ในครั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ ก็คือ ต้องการนำความรู้ที่ได้ไปสอนให้กับนักศึกษา และเกษตรกรชาวบ้าน ที่มีฐานะยากจนในประเทศพม่า
ซึ่งเป็นแหล่งที่ตัวเองเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ Myanmar imperial college จากการคลุกคลีอยู่ในสังคมประเทศพม่า ทำให้ได้ล่วงรู้ถึงปัญหาที่หนักหนาของประชาชนประเทศพม่าในเรื่องโรคภัยต่างๆ โดยเฉพาะโรคเบาหวาน และความดัน การมาครั้งนี้ใช้เวลาเรียนรู้อยู่ในฟาร์มเต็มๆ หนึ่งวัน หลังจากนั้นก็นำความรู้ที่ได้ไปยังประเทศพม่า เพื่อนำไปถ่ายทอดในสิ่งที่รู้มา หรือนำเสนอและเข้าปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากบทสรุปออกมาอย่างแน่ชัด ตัวแทนก็จะเชิญคุณกฤษณะไปเป็นวิทยากรสอนและแนะนำวิธีการเพาะเห็ดถั่งเช่าที่ถูกต้อง และได้มาตรฐานนั่นเอง
โดยบทสรุปนั่นคือ ภาพลักษณ์ และความก้าวหน้าของเกษตรกรไทย ถือว่าเป็นผู้ที่มีความชำนาญการทางด้านการเพาะเห็ดถั่งเช่าอีกท่านหนึ่ง ซึ่งนิตยสารเมืองไม้ผล&พืชสุขภาพพยายามค้นหามานำเสนอสิ่งดีๆ มีประโยชน์ มาให้ท่านผู้อ่านที่ติดตามด้วยดีเสมอมา สำหรับเกษตรกร หรือประชาชนโดยทั่วไป ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคฮิตติดอันดับหนึ่งของประเทศไทยอยู่ในขณะนี้
สนใจสามารถติดต่อ หรือสอบถามเพิ่มเติมไปได้ที่ “กฤษณะฟาร์มเห็ด” 41/2 หมู่ 3 แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร 10530 โทร.095-869-1888 หรือที่ Facebook : กฤษณะฟาร์มเห็ดแฟนเพจ หรือติดต่อโดยตรงกับ “กฤษณะ จูจ้อย” ได้ทุกวัน… ปลูกเห็ดถั่งเช่า ปลูกเห็ดถั่งเช่า ปลูกเห็ดถั่งเช่า ปลูกเห็ดถั่งเช่า