ฉบับนี้ยังคงนำเสนออย่างต่อเนื่องสำหรับความเคลื่อนไหววงการ “โกโก้ไทย” นิตยสารเมืองไม้ผล&พืชสุขภาพยังคงเกาะติด “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” ซึ่งเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่สนใจโกโก้มากว่า 10 ปี จนสามารถวิเคราะห์และมองจนทะลุปรุโปร่งว่าเป็นพืชทางเลือกให้กับเกษตรกรไทยได้อย่างแท้จริง
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอาชีพได้อย่างยั่งยืน เพราะเป็นพืชที่สามารถให้ผลผลิตได้ยาวนานไม่ต่ำกว่า 60 ปี อีกทั้งยังเป็นพืชที่สามารถตอบโจทย์ทางด้านการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชน ลดปัญหาโลกร้อน ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดอุทกภัย นอกจากนี้ยังช่วยปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ หรือการทำไร่เลื่อนลอย อีกด้วย
จุดเริ่มต้นการจัดทำโครงการปลูกโกโก้
นิตยสาร “เมืองไม้ผล&พืชสุขภาพ” และ “เว็บไซต์พลังเกษตร.com” ได้นำเสนอมาแล้ว แต่ก็นำมาเสนออีกครั้ง เพื่อเป็นการตอกย้ำให้ท่านที่ยังไม่รู้ได้ติดตาม เพื่อเป็นการสร้างภูมิความรู้ให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
“ก่อนที่บริษัทจะเข้ามาทำโครงการส่งเสริมให้เกษตรกรไทยทั่วประเทศปลูกโกโก้เพื่อการค้านั้น แกนนำบริษัท และคณะกรรมการ ตลอดจนผู้มีความชำนาญการ ได้ทำการศึกษาเรียนรู้ความเป็นไปได้ ที่เราจะสามารถสร้างพืชชนิดนี้ให้เป็นพืชทางเลือกอีกชนิดหนึ่งให้กับเกษตรกรไทยได้หรือไม่
จุดเริ่มต้นเราได้เข้าไปศึกษาความต้องการผงโกโก้นำเข้าที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และหลายๆ ประเทศ ปรากฏว่าปริมาณความต้องการนำไปแปรรูปเป็นช็อกโกแลต ขนมหวาน เครื่องดื่ม ตลอดจนสามารถนำไปสกัดเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย ซึ่งความต้องการต่างๆ เหล่านั้นมีอยู่มากมายมหาศาลเหลือเกิน ดังนั้นบริษัทเราจึงตัดสินใจเข้า ส่งเสริมและทำโครงการปลูกโกโก้อย่างจริงจังเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา”
สภาพพื้นที่ปลูกโกโก้
“คุณอภิภู ประจักษ์ภูปัญญา” รองประธานกรรมการ “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมในฉบับนี้ ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ต่อเนื่องหลังจากที่ทีมงาน “เมืองไม้ผล&พืชสุขภาพ” ได้สัมภาษณ์ “ดร.โต” ประธานกรรมการทางด้านนโยบายเชิงรุกที่เข้าถึงเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอย่างแท้จริงของ “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” ไปเมื่อฉบับที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้คุณอภิภูได้เผยถึงให้ฟังเมื่อครั้งลงพื้นที่ ทำหน้าที่พบปะเพื่อทำการส่งเสริมเกษตรกรผู้เข้าร่วมในโครงการปลูกโกโก้อย่างยั่งยืน ที่จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดสกลนคร ซึ่งทีมงานนิตยสาร“เมืองไม้ผล&พืชสุขภาพ” สัญญาว่าจะทยอยนำบทสัมภาษณ์เกษตรกรผู้เข้าร่วมนำมาเสนอให้กับแฟนพันธุ์แท้ สายพันธุ์โกโก้ ได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่องอย่างแน่นอน
นอกจากนี้คุณอภิภูยังเปรียบเทียบภาพรวมแหล่งเพาะปลูกโกโก้ที่เหมาะสม ระหว่างประเทศไทยซึ่งอยู่ในเขตพิกัดเส้นศูนย์สูตรที่เหมาะสมต่อการปลูกโกโก้ให้เจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี
ในขณะที่นานาประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วยกันที่มีภูมิอากาศเหมาะสมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ซึ่งต้องยอมรับว่ารัฐบาลประเทศเขาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก จนกระทั่งสามารถบรรจุให้เป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศเขาเป็นที่เรียบร้อย
แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเสียเปรียบทางด้านค่านิยมที่ล้าหลังประเทศดังกล่าว แต่มีสิ่งหนึ่งที่คุณอภิภูเห็นจนทำให้คลายข้อกังวลว่าเขาจะเป็นแชมป์ทางด้านการปลูกโกโก้เพื่อการส่งออก นั่นก็คือ ประเทศเหล่านั้นถึงแม้จะอยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตรเดียวกันกับประเทศไทย
แต่ก็ยังมีปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับเกษตรกรผู้ปลูก หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในพืชเศรษฐกิจชนิดนี้ นั่นก็คือ พายุไต้ฝุ่นที่พัดกระหน่ำสร้างความเสียหาย มีการปลูกซ่อมแซมกันทุกๆ ปี
“ตรงนี้นี่เองเป็นจุดได้เปรียบของเกษตรกรไทย โดยเฉพาะภาคอีสาน ดังนั้นการที่เราเข้ามาส่งเสริมถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะคว้าแชมป์ทางด้านการปลูกและการส่งออกให้ได้ในอนาคต หากจะพูดถึงโดยส่วนตัวของเกษตรกรเอง
หลังจากที่ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวก็เปิดใจตอบรับกลับมาอย่างล้นหลาม เพราะโจทย์คำถามเขามีอยู่ตลอดเวลาว่าจะปลูกอะไรที่จะสร้างรายได้ให้กับครอบครัวอย่างยั่งยืน เพราะพืชเศรษฐกิจแต่ละชนิดที่ปลูกตามกันในปัจจุบันราคาไม่คงที่ ปีนี้ได้มาก ปีหน้าได้น้อย สรุปก็คือปลูกแล้วทำให้ขาดทุนเป็นส่วนใหญ่”
คุณอภิภูกล่าวถึงเกษตรกรขั้นรากหญ้าที่ได้รับผลกระทบกันทุกปี จนไม่สามารถไปเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ สุดท้ายเขาก็อ้าแขนรับวัตถุประสงค์และเงื่อนไขที่ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด เสนอให้ ซึ่งเกษตรกรก็เห็นชอบ และเต็มใจทำตาม โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าถูกโกง เพราะคำยืนยันโดยเอกสารสัญญาที่ทำร่วมกันก่อนเข้าร่วมโครงการมีระยะเวลา 8 ปี
สายพันธุ์โกโก้
สำหรับสายพันธุ์ที่นำมาส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกนั้นก็คือ โกโก้พันธุ์ลูกผสม Pa7xNa32 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงสม่ำเสมอกว่าสายพันธุ์ลูกผสมอื่นๆ สามารถให้ผลผลิต และคุณภาพเมล็ด ที่ให้รสชาติตรงตามความต้องการของต่างประเทศ
ลักษณะเด่นสายพันธุ์ชุมพร1 (Pa7xNa32)
- สามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศ
- เจริญเติบโตเร็ว ทนแล้ง ให้ผลผลิตสูง
- สามารถให้ผลผลิตได้ในปีที่ 3 หลังการปลูก
- เมล็ดแห้ง มีขนาดและคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด
- เมล็ดมีปริมาณไขมันสูงเฉลี่ย 62 %
- ผลอ่อนช่วงอายุ 2-3 เดือน มีสีเขียว หรือสีแดง
- ผลแก่เก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 5-6 เดือน
- ผลแก่เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นเหลือง และเปลี่ยนสีจากแดงเป็นเหลืองส้ม
- ผลประกอบด้วยเมล็ดตั้งแต่ 30-40 เม็ด
วิธีการปลูกและบำรุงดูแลรักษาโกโก้
ระยะการปลูกที่บริษัทกำหนดไว้ตามหลักวิชาการกำหนดไว้ก็คือ 4×4 เมตร หรือ 5×5 เมตร ทั้งนี้และทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ด้วยเช่นกัน หลังจากเตรียมพื้นที่เป็นที่เรียบร้อย ต่อไปต้องเตรียมการขุดหลุมให้มีขนาด 50x50x50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยอินทรีย์ อินทรียวัตถุ และธาตุอาหารรอง เสริม
หลังจากนำลงปลูกเสร็จแล้วควรนำเศษฟางแห้ง หรือพืชแห้ง มาปกคลุมโคนต้นที่ปลูกเพื่อรักษาความชุ่มชื่นให้กับหน้าดิน สำหรับเกษตรกรที่ปลูกเชิงเดี่ยว ช่วงแรกแนะนำให้ทำร่มเพื่อบังแสงแดดให้กับต้นกล้าที่ปลูกใหม่ หลังจากนั้นให้รดน้ำ 2 ครั้ง ต่ออาทิตย์
สำหรับการให้ปุ๋ยบริษัทจะให้คำแนะนำ และห้ามใช้ปุ๋ยเคมีโดยเด็จขาด เพราะสารเคมีต่างๆ เหล่านี้จะทำให้ตกค้าง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคตามมา ท้ายที่สุดเมื่อต้นโตสมบูรณ์เต็มที่ เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ผลผลิตที่ออกมาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
สำหรับทางด้านการบริการ บริษัทจะให้ต้นพันธุ์ชุมพร1 100 ต้น/1ไร่ นอกจากนี้จะมีปุ๋ยไว้ให้ใส่บำรุงต้น 2 ถุง พร้อมฮอร์โมนฉีดทางใบ เพื่อบำรุงต้น ใบ ดอก และผล
สำหรับเกษตรกรที่มีความประสงค์ไปกู้ยืมหน่วยงานราชการระบบสหกรณ์ หรือ ธ.ก.ส. ทางบริษัทก็มีความยินดีเข้าไปค้ำประกันว่ารับซื้อผลผลิตอย่างแน่นอน ถือว่าเป็นวิธีที่ไม่ทำให้เกษตรกรหนักใจมากเกินไป นอกจากนี้บริษัทยังไปขอใบพันธะสัญญาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการรับซื้อ และไม่เอารัดเอาเปรียบเกษตรกรอย่างแน่นอน
การเก็บเกี่ยวผลผลิตโกโก้
“เกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการจะเริ่มมีรายได้อย่างแน่นอน จากการเก็บผลผลิตขายให้บริษัท
ในปีที่ 3-4 ซึ่งจะมีรายได้อยู่ที่ 3,000-4,000 บาท/เดือน/ไร่
เมื่อต้นโกโก้อายุได้ 5 ปีขึ้นไป จะได้ผลผลิตโกโก้เฉลี่ยต่อต้นอยู่ที่ 100-200 กิโลกรัม/ต้น หรือ 300-500 ลูก/ต้น/ปี
รายได้รวมทั้งหมดต่อไร่อยู่ที่ 50,000-100,000 บาท/ปี เลยทีเดียว”
เป็นคำยืนยันทางด้านผลตอบแทนที่เกษตรกรจะได้รับของ “คุณอภิภู” ซึ่งเป็นภาพรวมที่ดี และเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เกษตรกรสามารถเลือกและตัดสินใจนำมาปลูกได้ตามเงื่อนไขและได้ผลตอบแทนดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
โค่นยาง สกย.ปลูกรุ่นแรกในอีสาน หันมาปลูกโกโก้
พร้อมกันนี้ทีมงานนิตยสาร “เมืองไม้ผล&พืชสุขภาพ” ยังได้สัมภาษณ์เกษตรกรชื่อ “คุณเข็มพร ศรีขาพรหม” และ “คุณสุพัตรา ศรีขาพรหม” สองสามีภรรยา ที่อยู่บ้านเลขที่ 171 ม.6 บ้านคลองจรัญ ตำบลบุญทัน อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดสุวรรณภูมิ 39270 โทร.084-792-2045 ทั้งคู่มีความคิดตรงกัน
จนตัดสินใจหันมาปลูกยางพาราแทนการทำนาข้าวมากว่า 10 ปี หากจะถามถึงผลกำไรในช่วงแรก ทั้งคู่บอกว่าได้ราคาดีพอสมควร โดยเฉพาะราคายางก้อนอยู่ที่กิโลกรัมละ 50-60 บาท เลยทีเดียว
หลังจากนั้นราคายางพาราก็เริ่มลดต่ำลงเรื่อยๆ จนปัจจุบันมาหยุดอยู่ที่ 16 บาท/กิโลกรัม ด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้พื้นที่ปลูกยางพาราที่มีอยู่ทั้งหมด 30 ไร่ สองคู่ขวัญจึงโค่นต้นยางทิ้ง ซึ่งเริ่มทำการปลูกมา 38 ปี ทิ้งกว่า 10 ไร่ เพื่อที่จะเปลี่ยนหันมาปลูก “โกโก้” แทน ซึ่งทั้งคู่ได้เริ่มปลูกเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในพื้นที่ทั้งหมด 5 ไร่
โดยได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” ซึ่งความคิดโดยส่วนตัวของคุณเข็มพรเห็นว่าเป็นพืชที่น่าสนใจทางด้านผลตอบแทนที่น่าจะได้รับ ซึ่งถูกกำหนดไว้ในราคาประกัน และคิดว่าราคาน่าจะดีกว่า ยางพารา และ นาข้าว อย่างแน่นอน
ในพื้นที่ว่างเปล่ามีอยู่ทั้งหมด 80 ไร่ คุณเข็มพรสารภาพว่าถ้าโกโก้เป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ตนน่าจะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าปริมาณน้ำที่ให้ในแต่ละวันเพียงพอหรือไม่ เพราะความสำคัญทางด้านนี้
คุณเข็มพรใช้วิธีการเจาะน้ำบาดาลเพื่อสูบน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ โดยวิธีการสูบน้ำขึ้นไปกักเก็บไว้บนถัง เก็บบนที่เนินเขา หลังจากนั้นก็จะปล่อยน้ำให้ไหลลงมากักขังไว้ในโอ่งอีกครั้งหนึ่ง ลักษณะการทำเช่นนี้คุณเข็มพรอธิบายว่าเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้า และกักเก็บน้ำเพิ่มออกซิเจน และเพื่อขจัดหินปูนที่มากับน้ำบาดาลนั่นเอง
“ปีหน้าผมจะปลูกเพิ่มอีก 200 ต้น หรือปลูกในพื้นที่ 2 ไร่ ถ้าหากว่าปริมาณน้ำที่นำมารดเพียงพอ พื้นที่การปลูกที่ผ่านมาผมจะปลูกห่างไปนิดหนึ่งที่ระยะ 5x5 เมตร จำนวนต้นพันธุ์ที่ปลูก 400 ต้น ซึ่งจริงๆ มันต้องใช้ต้นพันธุ์ 500 ต้น แต่ความประสงค์ของเราต้องการปลูกระยะห่างขึ้น เพื่อความสะดวกในการเก็บวัตถุดิบ
โดยปกติเจ้าหน้าที่บริษัทจะแนะนำการปลูกอยู่ที่ระยะ 3×3 เมตร หรือ 4×4 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พอดีกับต้นพันธุ์ที่บริษัทให้มา 100 ต้น/ไร่ โกโก้เป็นพืชที่น่าสนใจมาก เพราะรับซื้อในปัจจุบันอยู่ 8 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่ดีมาก ต่อไปถ้าราคาตกต่ำบริษัทก็ยังค้ำประกันไว้ที่กิโลกรัมละ 5 บาท ก็ถือว่าเป็นราคาที่ดีพอสมควร”
คุณเข็มพรกล่าวเสริมคุณสุพัตราทางด้านการปลูกและผลตอบแทนที่ดีกว่าพืชชนิดอื่นๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือการเตรียมดิน การปลูกก็ไม่ยุ่งยาก พื้นที่ที่ใช้ปลูกก็เหมาะสม ซึ่งสังเกตได้จากอัตราการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว ซึ่งดูได้จากเวลาปลูกเพียง 10 เดือน ต้นโกโก้กลับสูงใหญ่ถึง 2 เมตร เลยทีเดียว สายพันธุ์โกโก้ สายพันธุ์โกโก้ สายพันธุ์โกโก้ สายพันธุ์โกโก้
และนั่นก็คือภาพรวมที่ทีมงานนิตยสาร “เมืองไม้ผล & พืชสุขภาพ” ได้นำมาเสนอให้กับเกษตรกรที่มีความสนใจได้ติดตาม หรือเกษตรกรที่จะหันมาปลูกโกโก้เพื่อการค้าอย่างจริงจัง อย่างน้อยถือว่าเป็นการสานต่ออาชีพที่สร้างความเป็นอยู่ให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เสียที สายพันธุ์โกโก้ สายพันธุ์โกโก้ สายพันธุ์โกโก้ สายพันธุ์โกโก้ สายพันธุ์โกโก้
สำหรับเกษตรกรทุกท่านที่มีความสนใจ หรือมีข้อสงสัย สามารถสอบถามไปได้ที่ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด 36/133 ม.2 ถ.เลียบคลองสาม ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 โทร.080-323-2963, 082-593-9222 www.cocoathai2017.co.th หรือติดต่อ “ดร.โต” โทร.089-639-0335 หรือสอบถามไปที่ “คุณอภิภู ประจักษ์ภูปัญญา” โทร.093-232-3399 ได้ทุกวัน