ในโลกเรานั้นล้วนแต่มีพืชที่ขึ้นอยู่อย่างมากมาย และหลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดต่างก็มีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป อาจจะช่วยในเรื่องของการรักษาและบำรุงร่างกาย หรืออาจจะช่วยเพิ่มความสดชื่น อะไรก็ว่าไป ครั้งนี้เรามาพูดถึง ต้นอ่อนข้าวสาลี พืชอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นพืชที่ช่วยในเรื่องของการล้างสารพิษในร่างกายได้เป็นอย่างดี ทำไมถึงต้องเป็นต้นอ่อน เราต้องเริ่มทำความรู้จักกับเจ้าสิ่งนี้กันดีกว่า
ต้นอ่อนข้าวสาลี คือ พืชชนิดหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการล้างสารพิษในร่างกายจากธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ที่มีความเชื่อกันเป็นอย่างมากว่า เจ้าต้นอ่อนข้าวสาลีนี่ล่ะที่ช่วยในเรื่องของการบรรเทาอาการและล้างสารพิษในร่างกายได้ดีอีกชนิดหนึ่ง
ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นพืชที่ช่วยในการดีท็อกซ์สารพิษ แม้จะเป็นต้นเล็กๆ ก็กลับมีสรรพคุณที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นพืชที่เกิดจากข้าวสาลีในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถเด็ดออกมาเป็นต้นอ่อนได้เลย ซึ่งจะให้คุณประโยชน์ที่ค่อนข้างสูงเป็นอย่างมาก ซึ่งเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าข้าวสาลีนั้นมีประโยชน์มากอยู่แล้ว ต้นอ่อนข้าวสาลีเองก็ไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย
ปัจจุบันเทรนด์สุขภาพกำลังเป็นที่พูดถึงและเป็นกระแสอย่างมาก เนื่องจากคนส่วนใหญ่เริ่มหันมาสนใจในเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น การออกกำลังกายก็มีเพิ่มขึ้น ทำให้หลายๆ อย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก อาหารการกินเองก็เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลร่างกายและสุขภาพให้แข็งแรง
ต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่มีการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ มากมาย ให้ทานได้ง่าย และช่วยขับสารพิษในร่างกายได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงยังมีส่วนช่วยในการควบคุมปริมาณการบริโภคในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี จัดว่าเป็นพืชที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ที่จะเข้ามามีบทบาทในเรื่องของสุขภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต
การปลูกต้นอ่อนข้าวสาลี
ต้นอ่อนข้าวสาลีนั้น คือ ส่วนที่เพิ่งเริ่มงอกออกมาจากต้นข้าวสาลีได้ไม่นาน โดยใช้ระยะเวลาในการงอกประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นก็สามารถเอามารับประทานได้เลย โดยส่วนใหญ่แล้วจะนำต้นอ่อนมาคั้นเพื่อให้ได้ส่วนของน้ำที่เป็นสีเขียวสดไว้สำหรับดื่มนั่นเอง นอกจากนี้ในอดีตนั้นต้นอ่อนข้าวสาลีจะไม่ค่อยนิยมปลูกในเมืองไทยมากนัก
แต่ส่วนใหญ่จะนิยมปลูกในต่างประเทศมากกว่า โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา จีน แคนาดา และรัสเซีย ซึ่งจะปลูกกันเป็นอย่างมาก แต่ถ้าในไทยนั้นก็จะมีบ้าง แต่ยังคงมีน้อยอยู่ จนมาปัจจุบันในเมืองไทยก็เริ่มได้รับความนิยมในการปลูกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เนื่องจากเทรนด์สุขภาพเริ่มมีมากขึ้น การนำข้าวสาลีมาปลูกก็เลยมีเพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
นอกจากนี้ต้นข้าวสาลียังถูกจัดอยู่ในพืชประเภทล้มลุก พอโตขึ้นก็จะมีการแตกกอคล้ายกับต้นหญ้า และเริ่มเรียงตัวกันหนาแน่นขึ้น ในส่วนของลำต้นนั้นจะมีลักษณะที่เรียบ มีสีเขียวเข้ม โดยมีอายุราวๆ 1 ปี ที่สำคัญข้าวสาลีมีสารอาหารที่มีคุณประโยชน์อยู่สูงมากเลยทีเดียว
วิธีการเพาะต้นอ่อนข้าวสาลี
อย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นมีคุณประโยชน์เป็นอย่างมาก ยิ่งในช่วงระยะเวลา 3-4 ปีมานี้เทรนด์การรักสุขภาพมีมากขึ้น ทำให้หลายๆ คนมองหาวัตถุดิบแหล่งอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ ต้นอ่อนข้าวสาลี เรามาดูกันดีกว่าว่ากว่าจะมาเริ่มเป็นต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นมีวิธีการเพาะอย่างไรบ้าง
ขั้นแรกเริ่มแรกเลย คือ ให้เรานำเมล็ดข้าวสาลีที่มีอยู่หรือเตรียมไว้แล้วนั้นมาล้างน้ำให้สะอาดก่อน หลังจากที่ล้างเรียบร้อยแล้วให้แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน พอผ่าน 1 คืน ก็ให้น้ำเมล็ดไปหว่านไว้ที่วัสดุที่เตรียมการเพาะจะเป็นกระถางหรือตะกร้าก็ได้ จากนั้นเมล็ดที่หว่านไปแล้วให้เอามีดปาดให้ทั่วๆ เบาๆ อีกครั้ง เพื่อเป็นการกระจายเมล็ดให้อยู่ทั่วๆ ทุกบริเวณ และกดเมล็ดให้จมดิน โดยการกดแบบเบามือ
หลังจากที่เตรียมเมล็ดข้าวสาลีเรียบร้อยแล้ว ต่อมารดน้ำพอประมาณ ไม่ต้องเยอะ เอาแค่บางๆ ก็พอ จะรดแบบฝอยก็ได้ อาจจะใช้กระบอกฉีดน้ำแบบฝอยมาช่วยก็เป็นตัวเลือกที่ดี พอให้ตัวดินนั้นเกิดความชื้น เพราะถ้าแฉะเกินไปจะทำให้เกิดเชื้อราตามมาได้ พอพ่นเสร็จก็หาอะไรมาปิดหน้ากระถางเอาไว้เพื่อให้ความชุ่มชื้นได้คงอยู่ แนะนำเป็นผ้าขาวบางหรือกระดาษที่เป็นสีขาวล้วนจะดีที่สุด หรือไม่ก็อาจจะหาภาชนะที่สามารถปิดได้สนิทมาปิดก็ได้เช่นกัน
ไม่แนะนำให้ใช้หนังสือพิมพ์หรือสิ่งของที่มีสารเคมีเจือปนมาปิดเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้ตัวสารเคมีปนเปื้อนกับตัวต้นอ่อนได้ ทำเช่นนี้ทุกวันจนกว่าจะเริ่มเห็นใบอ่อนขึ้นมา พอเราเห็นว่าใบอ่อนเริ่มงอกออกมาแล้วให้เอาผ้าหรือสิ่งที่ปิดหน้ากระถางออกได้ ให้ตัวต้นอ่อนโดนแดดอ่อนๆ ได้ จะได้ช่วยการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์เพิ่มขึ้นอีกทางด้วย เนื่องจากข้าวสาลีนั้นเป็นพืชที่ชอบความชื้น จึงไม่ควรที่จะรดน้ำจนแฉะ เพราะจะทำให้เกิดโรครากเน่าตามมาได้
เมื่อต้นอ่อนข้าวสาลีมีการแตกใบใหม่เกิดขึ้น โดยใบใหม่นั้นอาจจะใช้เวลาในการงอกประมาณ 7-10 วัน ก็สามารถเริ่มที่จะตัดใบไปทำเป็นน้ำคั้นเพื่อบริโภคได้แล้ว หลังจากที่ตัดใบที่งอกออกมาใหม่แล้วนั้นก็ให้ทำแบบเดิมและรออีกประมาณ 1 สัปดาห์ ใบก็จะงอกมาใหม่อีกครั้ง ก็สามารถนำไปคั้นเพื่อบริโภคได้อีกครั้งนั่นเอง นอกจากนี้ต้นอ่อนข้าวสาลีเมื่อตัดแล้วควรนำไปรับประทานในทันที เพราะว่าถ้ามีการเก็บไว้นานเกินไป คุณค่าทางโภชนาการจะลดลงได้
การแปรรูปต้นอ่อนข้าวสาลี
ในปัจจุบันนั้นมีการนำต้นอ่อนข้าวสาลีมาบริโภคเพื่อสุขภาพกันเพิ่มขึ้น ทำให้การปลูกต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นเริ่มเป็นที่นิยมมากกว่าในอดีต และเริ่มกระจายเป็นวงกว้างจากนิยมกันในพื้นที่เฉพาะ เริ่มมีการบริโภคกันกว้างมากขึ้น นั่นเป็นเพราะเทรนด์สุขภาพที่เริ่มมีการแผ่กระจายออกมานั่นเอง โดยการบริโภคของต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นสามารถบริโภคได้ทั้งแบบนำไปคั้นเป็นน้ำ แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบบต่างๆ
โดยส่วนใหญ่การรับประทานต้นอ่อนข้าวสาลีถ้าจะมีตั้งแต่การทานแบบคั้นสด ซึ่งจะให้คุณค่าทางอาหารและคุณประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ แต่การทานแบบคั้นสดนั้นก็จะใช้วิธีการผสมน้ำเปล่ากับตัวต้นอ่อนข้าวสาลี แต่เนื่องจากบางคนอาจจะทนกับกลิ่นเหม็นเขียวมากไม่ได้ ก็อาจจะใส่น้ำผึ้งเป็นตัวช่วยกลบกลิ่นได้อีกทาง ซึ่งจะทำให้ดื่มได้ง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากจะทานแบบคั้นสดแล้ว การนำต้นอ่อนข้าวสาลีไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบผงเพื่อชงดื่ม รูปแบบแคปซูล หรือการทำเป็นชา เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ทานได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ก็อาจจะได้คุณภาพที่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย หรืออาจจะมีเรื่องของวิตามินอื่นๆ เข้ามาเสริม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
ในการคั้นน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นอาจจะมองเผินๆ ว่าก็แค่คั้นน้ำก็น่าจะใช้เครื่องปั่นเหมือนๆ กัน แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นในการคั้นน้ำต้นอ่อนข้าวสาลี สิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งเลย คือ การเลือกใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ซึ่งหากจะทำการคั้นน้ำจากต้นอ่อนข้าวสาลีควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องปั่นที่มีกำลังความเร็วของใบมีดสูง ซึ่งการที่ให้หลีกเลี่ยงเพราะการใช้เครื่องปั่นที่มีกำลังความเร็วของใบมีดสูงนั้นจะไปกระตุ้นให้เกิดน้ำขึ้นมา ทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นจากน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีได้นั้นจะทำให้คุณภาพและคุณประโยชน์ในน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นลดลงได้ ทางที่ดีควรจะใช้เครื่องคั้นที่มีความเฉพาะสำหรับเครื่องคั้นน้ำจากต้นอ่อนข้าวสาลีจะดีกว่า ซึ่งก็จะมีจัดจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
ในส่วนของน้ำที่ได้จากการคั้นนั้นควรจะดื่มให้หมดในทันที หรือไม่เกิน 30 นาที หลังจากคั้นเสร็จ เพราะถ้าเกินจากนี้วิตามินและสารสกัดต่างๆ จะเกิดการสูญเสียวิตามินไปได้นั่นเอง และใบสดที่ตัดมาเสร็จแล้วนั้นควรจะนำใส่ถุงซิบล็อกที่สามารถปิดได้สนิท และนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นโดยอาจจะเก็บได้เต็มที่เลยไม่เกิน 3 วัน ถ้าเกินจาก 3 วัน ไม่ควรนำกลับมาใช้อย่างเด็ดขาด
ประโยชน์ของน้ำต้นอ่อนข้าวสาลี
นอกจากนี้การดื่มหรือรับประทานน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นอาจจะแบ่งเป็นการดื่มแบบ 1 ใน 4 ของแก้วก็ได้เช่นกัน อาจจะแบ่งดื่มก่อนอาหารก็ได้ ซึ่งปกติแล้วคนที่มีสุขภาพแข็งแรงดีก็จะดื่มเพียงวันละ 1 ครั้ง เท่านั้น ส่วนในกลุ่มผู้ที่ป่วยอยู่หรือมีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก อาจจะดื่มโดยเพิ่มปริมาณเป็นวันละ 2-3 ครั้งต่อวันก็ได้เช่นกัน
ทั้งนี้สำหรับกลุ่มผู้ป่วย การดื่มอาจจะเข้าไปช่วยบำรุงร่างกายให้ฟื้นฟูได้เร็วขึ้น และลดอาการข้างเคียงของโรคได้ ในบางครั้งการดื่มมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ ทางที่ดีควรจะผสมกับน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มรสชาติให้ดื่มได้ง่ายขึ้น ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน
ถึงแม้ว่าต้นอ่อนข้าวสาลีจะเป็นพืชที่ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายและบำรุงร่างกาย แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่ต้องการดื่มอยู่เช่นกัน ในผู้ป่วยที่ได้รับยาปฏิชีวนะ รวมไปถึงการให้คีโม และสตรีที่มีการตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงที่จะดื่มน้ำต้นอ่อนข้าวสาลี หรือถ้าต้องการที่จะดื่มอาจจะต้องปรึกษาแพทย์เสียก่อนเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย และตัวคุณแม่ท้องอ่อนด้วย
การผลิตชาจากต้นอ่อนข้าวสาลี
เนื่องจากต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นอุดมไปด้วยวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังช่วยป้องกันและบรรเทาอาการโรคภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี ทำให้มีการพัฒนาและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ หนึ่งในนั้นคือ ชา ชาจากต้นอ่อนข้าวสาลี เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยที่คิดค้นและพัฒนาจนได้มาเป็นชาที่สามารถชงดื่มได้ทุกที่ ทุกเวลา อีกทั้งตัวต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นยังมีปริมาณโปรตีนที่ค่อนข้างสูง ทำให้เริ่มเป็นที่สนใจในหมู่คนที่ชื่นชอบการดื่มชาเป็นอย่างมาก
ซึ่งการผลิตชานั้นก็สามารถทำได้โดยนำต้นกล้าข้าวสาลีที่เพาะได้จนอายุครบ 10-12 วัน ให้ตัดใบอ่อนออกประมาณ 4 ใบ ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่มีการสะสมธาตุอาหารไว้มากที่สุด โดยให้เหนือข้อลำต้น ใบข้าวสาลีที่ตัดมานั้นจะต้องทำการผลิตในวันต่อวัน เพื่อให้คงคุณค่าทางอาหารของต้นอ่อนข้าวสาลีไว้มากที่สุด ต่อมาก็คัดเลือกใบที่สะอาดและปราศจากโรคและแมลง หรือไม่มีสารเคมีเลย ให้นำมาล้างด้วยน้ำสะอาด และนำไปพักให้สะเด็ดน้ำเมื่อล้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นเมื่อใบต้นอ่อนข้าวสาลีสะเด็ดน้ำเรียบร้อยแล้วให้นำใบมาหั่นให้พอดีกันโดยหั่นใบให้อยู่ประมาณ 1-2 เซนติเมตร จากนั้นนำไปผึ่งซับน้ำอีกครั้งด้วยผ้าขาวบางจนกว่าน้ำจะสะเด็ดออกหมด และนำใบต้นอ่อนข้าวสาลีที่หั่นเรียบร้อยแล้วมานวดในกระทะด้วยมือ สังเกตว่าถ้าสามารถเอามือสัมผัสกระทะได้ก็แสดงว่าความร้อนใช้ได้แล้ว ควรใช้ไฟอ่อนๆ จะดีที่สุด อีกทั้งกระทะที่ใช้ควรเป็นกระทะสำหรับนวดชาโดยเฉพาะ หรือไม่ก็ควรเป็นกระทะไม่ผ่านการใช้งานมาก่อนจะเหมาะสมกว่า เพราะจะได้กลิ่นของต้นอ่อนอย่างเต็มที่ นวดจนใบต้นอ่อนนั้นแห้งสนิท และทำการพักไว้ให้เย็นเอง
พอผ่านกระบวนการต่างๆ เรียบร้อยแล้วก็นำใส่บรรจุภาชนะทึบแสงเพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียคุณค่าทางอาหาร และไม่ให้ใบชานั้นเปลี่ยนสภาพหรือเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
สรรพคุณของ ต้นอ่อนข้าวสาลี
อย่างที่รู้กันว่า ต้นอ่อนข้าวสาลี เป็นพืชที่น่าสนใจ และมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่น่าจับตามองในยุคปัจจุบัน เพราะกระแสเรื่องสุขภาพมาแรง ทำให้เป็นพืชที่สามารถตอบโจทย์ในหลายๆ เรื่องได้เลยทีเดียว นอกจากนี้คุณประโยชน์ของต้นอ่อนข้าวสาลีเองก็นับว่ามีประโยชน์ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว เรามาดูกันดีกว่าว่าตัวต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นมีส่วนช่วยในเรื่องอะไรในร่างกายของคนเราบ้าง
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และป้องกันโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี
มีหลายงานวิจัยพบว่าต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นมีส่วนช่วยในเรื่องของฤทธิ์ต้านมะเร็ง ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับการรักษาโรคมะเร็งแบบองค์รวมได้ดีอีกด้วย ทั้งนี้ต้นอ่อนข้าวสาลีมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมากในเรื่องของการทำงานในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันนั้นสามารถทำงานได้ดีขึ้น ช่วยยับยั้งความเครียดของเซลล์ที่ถูกทำลายด้วยอนุมูลอิสระ ที่สำคัญเลยต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นจะช่วยบรรเทาอาการข้างเคียงจากการรักษาด้วยคีโมบำบัด เช่น ความอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า รวมไปถึงโรคขาดสารอาหาร และโรคเกี่ยวกับระบบเลือด ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน และโรคอ้วน เป็นต้น
- ช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
หากสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ การลดน้ำหนักเองก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ในการลดน้ำหนักให้อยู่เกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่น้อย ซึ่งตัวต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นอาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมีสารเซเลเนียมที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เพราะสารชนิดนี้จะลงไปช่วยการทำงานที่ไม่ปกติของไทรอยด์ได้ ซึ่งไทรอยด์นี้เองที่เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญของการควบคุมน้ำหนัก ดังนั้นการดื่มน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีเป็นประจำหลังตื่นนอนทุกเช้าจะช่วยให้ไทรอยด์ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดการเกิดของสิว และช่วยให้ผิวหน้าดูสดใสมากขึ้น
เพราะต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ จึงมีส่วนช่วยทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวเก่าและสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมา ทำให้ผิวดูกระจ่างใสมากขึ้น และยังมีส่วนช่วยในการลดอาการอักเสบของสิวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นกับผิวที่มีความแห้งกร้านได้เป็นอย่างดี
ต้นอ่อนข้าวสาลีไม่เพียงแค่จะรักษาแผลได้เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยเร่งการฟื้นฟูผิวหนังที่ถูกทำลายจากแสงแดดเป็นระยะเวลานาน จะกลายเป็นการเผาไหม้ผิวได้อีกด้วย เพียงแค่นำน้ำที่สกัดจากต้นอ่อนข้าวสาลีมาทาบนผิวหนัง ทิ้งไว้ซักพักแล้วขัดออก ผิวหนังที่ถูกทำลายจากแสงแดดก็จะได้รับการฟื้นฟูขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการโรคภูมิแพ้ในผิวหนังได้อีกด้วย
- ช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนโลหิต
ต้นอ่อนข้าวสาลี นั้นจะมีส่วนช่วยในเรื่องของการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตได้ดียิ่งขึ้น โดยจะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้เลือด ส่งผลให้เลือดเกิดการหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติของ ต้นอ่อนข้าวสาลี ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยล้างสารพิษในร่างกาย ส่งผลให้ระบบเลือดนั้นมีความสะอาดมากขึ้น ทำให้ออกซิเจนและเม็ดเลือดแดงอยู่ในระดับที่ดีขึ้น ทำให้โรคต่างๆ นั้นเกิดได้ต่ำลง ซึ่งตัวคลอโรฟิลล์เองก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่มีส่วนช่วยให้การทำงานของร่างกายดีขึ้น ช่วยดีท็อกซ์ล้างสารพิษจำพวกโลหะหนักได้เป็นอย่างดี และมีส่วนช่วยทำให้ตับนั้นสะอาด และสร้างเกราะป้องกันสารพิษได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
ด้วยตัวพืชชนิดนี้มีกรดอะมิโนอยู่พอสมควร ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของโปรตีนและเอนไซม์ที่จำเป็นต่อระบบการย่อยและระบบดูดซึมอาหาร ทำให้ร่างกายสามารถดูดซับวิตามินได้อย่างเต็มที่ และดูดซับเกลือแร่ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อร่างกายอย่างมากนั่นเอง
ข้อดีของต้นอ่อนข้าวสาลี
แม้จะเป็นพืชที่มีขนาดเล็ก แต่สรรพคุณในตัวกลับไม่เล็กตามตัวเลยทีเดียว ต้นอ่อนข้าวสาลี ยังคงเป็นพืชที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวด้วย อย่างสรรพคุณและการปลูกที่ง่ายไม่ยุ่งยาก ทำให้ปัจจุบันเริ่มมีผู้สนใจหันมาปลูกต้นอ่อนข้าวสาลีกันมากขึ้น ด้วยทั้งราคาและปริมาณที่เก็บเกี่ยวได้เร็ว ราคาที่ดีพอสมควร ทำให้มีการหันมาปลูกเพื่อบริโภคและจัดจำหน่ายกันอย่างมากมายเลยทีเดียว
อีกทั้งด้วยกระแสเกี่ยวกับสุขภาพที่กำลังมาอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้เป็นพืชอื่นหนึ่งชนิดที่ผู้คนใส่ใจในสุขภาพหันมาบริโภคกันเยอะพอสมควร ทำให้บอกไม่ได้เลยว่าอาจจะเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ ถือเป็นพืชตัวเด็ดแห่งเทรนด์สุขภาพเลยก็ว่าได้ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
เนื้อหาเกี่ยวกับ ต้นอ่อนข้าวสาลี นี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเนื้อหาที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวว่าในอนาคตอาจจะเป็นพืชที่ขึ้นมาอยู่แนวหน้า และเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างแน่นอนเลยทีเดียว เพราะว่าด้วยสรรพคุณต่างๆ ของตัวพืชชนิดนี้ต่างมีประโยชน์ทั้งสิ้น อีกทั้งยังมีการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างแพร่หลาย ทำให้บอกได้เลยว่าอาจจะเป็นพืชไม่ใช่แค่อยู่ในสายสุขภาพ แต่อาจจะกลายมาเป็นพืชที่ไว้บริโภคแบบทั่วไปอย่างแน่นอนเลยทีเดียว บทความนี้ก็เป็นการก้าวถึงวิธีการรับประทาน และข้อดีต่างๆ ของพืชชนิดนี้ว่าคืออะไร พอให้ได้ทราบกันบ้าง
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง
https://www.hibalanz.com/th/Wheatgrass-Extracts-Detox,https://www.hibalanz.com/th/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5-Wheat-Grass,https://www.nstda.or.th/agritec/pha-kub/288-wheat-rice-tea,https://www.dailyhappylife.com/15-benefits-of-wheatgrass-that-you-may-not-even-know/,https://www.sentangsedtee.com/farming-trendy/article_20370