มะปรางหวานถือว่าเป็นไม้ผลที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนครนายก ทุกๆ ปีที่ผลผลิตออกสู่ตลาด งานเทศกาลมะปรางหวานและของดีเมืองนครนายกจะถูกจัดขึ้น ปรากฏว่ามีกลุ่มเกษตรกรส่วนใหญ่จากในจังหวัด และต่างจังหวัด ได้ให้ความสนใจอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ คุณชัยมงคล ขาวนิล หรือรู้จักในนาม คุณอ๊อด ปลูกมะปรางหวาน
คุณอ๊อดได้เล่าว่า ก่อนจะมาเป็นสวนมะปรางหวานแม่อนงค์ว่า เดิมทีนั้นสมัยคุณพ่อทำสวนเงาะ มะนาว ส้มโอ ต่อมาคุณพ่อเสีย ไม่มีใครดูแลสวน ตนจึงเข้ามารับช่วงต่อจากคุณพ่อ ณ เวลานี้ในสวนมีต้นมะปรางอายุประมาณ 30-40 ปี อยู่บริเวณท้ายสวน 4 ต้น และกลางสวน 1 ต้น หลังจากนั้นจึงได้เริ่มทำมะปรางหวานอย่างจริงจัง โดยครั้งแรกปลูกเพียง 100 ต้น ในพื้นที่ 11 ไร่ ในลักษณะค่อยๆ โล๊ะผลไม้เก่าออกไปทีละต้น
ปลูกมะปรางหวาน
สำหรับระยะการปลูกกว้าง 3 เมตร ยาว 3 เมตร หรือกว้าง 4 เมตร ยาว 4 เมตร เนื่องจากว่าต้องการกิ่งพันธุ์เพื่อป้อนสู่ตลาดให้เพียงพอ จำเป็นต้องปลูกระยะนี้ แต่ในระยะปีแรกของการปลูกควรจะมีการปลูกพืชแซมเพื่อเป็นการใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์ และมีรายได้ขึ้นมา
ในช่วงที่ต้นมะปรางยังไม่ให้ผลผลิต และทรงพุ่มยังไม่ชนกัน และต้องปลูกกลางแจ้ง และพื้นที่ต้องไม่แฉะเกินไป เวลาปลูกห้ามนำปุ๋ยเคมี ไม่ว่าปุ๋ยสูตรใดก็แล้วแต่ ห้ามนำไปรองก้นหลุม แต่มะปรางจะชอบปุ๋ยคอกมาก หลังจากปลูกเสร็จแล้วควรมีการรดน้ำตามไปด้วย
การบำรุงดูแลมะปราง
การให้น้ำ 3-5 วันต่อครั้ง โดยขึ้นอยู่กับสภาพของดินด้วย แต่สำหรับการให้น้ำในช่วงออกดอกนั้น หากฝนไม่ตกเป็นเดือน แต่ต้นมะปรางกำลังออกดอกจนถึงติดลูกก็ควรรดน้ำ แต่อย่าให้แฉะ ให้พรมน้ำไว้ เพื่อให้ดินเกาะตัวมีความชื้นอยู่เสมอ หากเมื่อไรดินมีการแตกตัวจะมีผลต่อราก เพราะว่าจะทำให้รากขาด และการใส่ปุ๋ยคอกปีละ 3 ครั้ง และจะให้ปุ๋ยเสริมทางใบด้วย
ฉะนั้นในช่วงใบอ่อนก็ต้องมีการดูแลรักษาใบอ่อนชุดแรกให้ดี เพราะใบอ่อนชุดแรกจะไปแก่อีก 9 เดือนข้างหน้า จะเป็นกิ่งที่เกิดตาดอก ส่วนกิ่งอ่อนที่จะตามมาก็ไม่สามารถที่จะเป็นตาดอก กลับเป็นตาใบ พอออกใบอ่อนก็ฉีดยาฆ่าแมลง ยาโรคเชื้อรา รวมทั้งฮอร์โมน ผสมเข้าด้วยกัน แล้วฉีดไปครั้งเดียวที่ใบ หลังจากนั้นห่าง 10 วัน ก็ฉีดอีกครั้ง เพราะใน 1 ปี จะออกใบอ่อนถึง 3 ครั้ง การแตกใบอ่อนแต่ละครั้งจะห่างกันประมาณ 3 เดือน
ฉะนั้นการแตกใบอ่อนทุกครั้งก็ต้องมีการฉีดป้องกันโรค-แมลง รวมไปถึงผสมฮอร์โมนเข้าไปด้วยทุกครั้ง และตั้งแต่มะปรางออกดอกจนถึงเป็นลูกผลเล็กๆ เท่ากับหัวแม่มือ ควรหากระดาษห่อผลจะเป็นการยืดอายุการเก็บออกไปได้ เพราะว่าในช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงทำให้ลูกสุกเร็วเกินไป ถ้าเราคลุมลูกไม่ให้โดนแดดร้อนเกินไป
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายผลผลิตมะปรางหวาน
การเก็บลูกนั้นไม่ต้องไปเด็ดคัดเลือกผล เพราะเมื่อถึงเวลาลูกจะร่วงไปเอง การเก็บผลมะปรางก็ต้องสุกแล้ว สีผลจะต้องเป็นสีเหลืองนวลๆ แต่หากเก็บในช่วงที่มะปรางหวานยังไม่สุก รสชาติจะออกมัน และหวาน เพราะว่ามะปรางเป็นผลไม้ที่ไม่สามารถบ่มได้
ส่วนเรื่องราคาผลผลิตของมะปรางหวานยังอยู่ในช่วง 300-400 บาท ต่อกิโลกรัม โดยขึ้นอยู่กับขนาดของผล หากปริมาณต่อผลต่อกิโลกรัมน้อย ราคาต่อกิโลกรัมอาจจะสูงกว่านี้ เมื่อมาดูผลผลิตมะปรางหวานที่ส่งตลาดในปัจจุบันนี้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดเลย
ด้านตลาดของมะปรางยังไปได้ไกล คนไทยชอบกินเปรี้ยวอมหวาน แต่คนต่างประเทศ เช่น คนจีน ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ และทางแถบยุโรป รวมไปถึงอเมริกาใต้ ส่วนใหญ่จะชอบกินผลไม้ที่มีรสชาติหวานอย่างเดียว เฉพาะที่สวนมะปรางหวานแม่อนงค์ ผลผลิตที่ป้อนตลาดต่อปีประมาณ 500-600 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับผู้บริโภคนับสิบล้านคน
ขอขอบคุณ คุณชัยมงคล ขาวนิล 34 หมู่ 4 ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก 26000 โทรศัพท์ 037-328-313, 328-327, 08-1430-4846