สำหรับใครที่ชอบรับทานแกงส้ม หรืออาหารแกง คงจะหนีไม่พ้นที่จะต้องมีผักกระเฉดเป็นส่วนประกอบหลัก อยู่ในเมนูอาหาร ซึ่งผักกระเฉดนั้นนับได้ว่าเป็นผักที่มีประโยชน์อีกหนึ่งชนิด และเป็นพืชน้ำที่สามารถขึ้นได้ตามหนองน้ำทั่วไป อีกทั้งเป็นพืชที่มีลักษณะที่ไม่เหมือนใครเลย คือ มีฟองน้ำสีขาวหุ้มลำต้นอยู่ ปลูกผักกระเฉด
ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปตามภูมิภาคทั้งประเทศ ถือได้ว่าเป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมในการนำมาบริโภค และมีประโยชน์ต่อร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว
การปลูกผักกระเฉด
ผักกระเฉดถือได้ว่าเป็นพืชล้มลุกอีกหนึ่งชนิดที่มักจะขึ้นอยู่ตามหนองน้ำ นับว่าเป็นพืชที่ไม่จำเป็นจะต้องดูแลมากนัก เพราะเติบโตได้ง่าย นอกจากนี้ยังเป็นผักที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะในท้องตลาดนั้นมักจะมีผักกระเฉดอยู่แทบทุกที่ที่มีการวางขายผัก รวมไปถึงปลูกในเชิงพาณิชย์ก็ดี หรือจะปลูกไว้กินเองก็น่าสนใจ
ซึ่งผักกระเฉดนั้นนับว่าเป็นผักที่ปลูกง่าย และโตได้เร็ว ทำให้การ ปลูกผักกระเฉด ในแต่ละครั้งจึงไม่ยุ่งยากมากนัก นับว่าเป็นพืชผักอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมและสนใจในท้องตลาดทั่วประเทศเลยทีเดียว
ผักกระเฉดนั้นถือได้ว่าเป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่มีอยู่มากในประเทศไทย เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องมีผักกระเฉดวางขายอยู่ตามตลาดทุกทั่วหัวมุมเมืองเลยก็ว่าได้ ซึ่งผักกระเฉดนั้นก็ไม่ได้เป็นผักที่หายาก หรือมีขายน้อยอะไรมากนัก อีกทั้งยังเป็นผักที่ปลูกได้ง่าย ชอบขึ้นตามบริเวณคูน้ำ หรือหนองน้ำ ทำให้ไม่ต้องกังวลในเรื่องของการดูแลและการปลูกมากนัก เพียงเท่านี้ก็เห็นได้แล้วว่าผักกระเฉดพร้อมที่จะปลูกและออกผลผลิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผักกระเฉดนั้นก็ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยผักกระเฉดคือผักอะไร ทำไมจึงหาทานได้ง่าย บางครั้งก็ขาดตลาดด้วย ผักกระเฉด คือ ผักที่เป็นผักพื้นบ้านของเมืองไทยในหลายภูมิภาคนั้น นับว่าผักกระเฉดปลูกและเติบโตได้ง่าย จึงไม่แปลกเลยว่าผักกระเฉดนั้นจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมายอย่างยาวนาน
โดยผักกระเฉดนั้นจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ตามแต่ละพื้นที่ ซึ่งบางพื้นที่ก็เรียกให้มีความหมายน่าฟัง บางพื้นที่อาจจะไม่ได้สุภาพมากนัก จึงถูกทำให้มีการเรียกชื่ออย่างเป็นทางการ จนกลายมาเป็นผักกระเฉดในปัจจุบัน ซึ่งในคำว่า เฉด นั้นก็มีความหมายแฝงอยู่ด้วย คือ การขับไล่ ขับไส ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผักกระเฉดถึงมีชื่อเรียกแปลกๆ มากนัก
นอกจากนี้ยังเป็นผักที่สามารถนำไปใช้ประกอบอาหาร หรือเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูยำ ผัด น้ำพริก ฯลฯ เห็นได้เลยว่าผักกระเฉดนั้นยังคงเป็นที่ครองใจของใครหลายๆ คน ด้วยความที่หาทานได้ง่าย และมีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งราคายังไม่แพงมากนัก แต่ปัจจุบันก็อาจจะมีราคาเพิ่มขึ้นมาเสียหน่อย เอาเป็นว่าเราไปรู้จักกับส่วนอื่นๆ กันดีกว่าว่าผักกระเฉดนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง
ลักษณะทั่วไปของต้นผักกระเฉด
โดยลักษณะทั่วไปของต้นผักกระเฉดนั้น ปกติแล้วลำต้นจะขึ้นและเติบโตได้เป็นอย่างดีตามหนองน้ำ หรือพื้นที่ที่น้ำขัง เมื่อเริ่มเติบโตนั้นจะเริ่มเลื้อยยาวลอยไปบนทางน้ำ ลำต้นจะมีลักษณะที่กลม และเรียวยาว และจะเป็นปล้อง ภายในจะตันไม่มีรูกลวง ซึ่งแต่ละปล้องนั้นถ้าด้านนอกจะมีนวมหุ้มที่มีสีขาวรอบๆ อยู่ หรือส่วนใหญ่จะเรียกว่า นม โดยลักษณะการหุ้มนั้นจะเว้นช่วงที่เป็นข้อปล้อง ซึ่งตัวนมสีขาวนี้จะช่วยให้ต้นผักกระเฉดนั้นลอยน้ำได้
ส่วนของรากนั้นจะเป็นรากฝอยที่แทงออกมาเป็นจำนวนมากโดยส่วนของโคนรากนั้นจะมีเชื้อแบคทีเรียไรโซเบียมที่เหมือนกับรากของพืชตระกูลถั่วที่อยู่บนบก ในส่วนของใบจะเป็นใบประกอบแทงออกตามบริเวณข้อของลำต้น มีก้านใบหลักมีขนาดเล็ก และมีความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ใบอ่อนมีสีเขียวอมม่วง หลังจากนั้นจึงจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวสด ส่วนของดอกนั้นจะออกเป็นช่อสีเหลือง
แต่ถ้ามองไกลอาจจะเห็นเป็นดอกเดี่ยวคล้ายดอกกระถิน ก้านดอกยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ตัวดอกจะมีความกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร โดยดอกช่วงบนนั้นจะเป็นดอกที่มีสมบูรณ์เพศ ส่วนดอกช่วงล่างจะเป็นหมัน และในส่วนของผลจะออกเป็นฝักมีขนาดเล็ก เป็นฝักที่มีลักษณะแบนยาว โดยความยาวจะอยู่ที่ 2.5 เซนติเมตร ภายในฝักจะมีเมล็ดประมาณ 4-10 เม็ด เมื่อฝักเริ่มแก่ก็จะมีการปริแตกตามร่องด้านข้างเพื่อปล่อยให้เมล็ดร่วงลงน้ำ
วิธีการปลูกและบำรุงดูแลต้นผักกระเฉด
โดยการปลูกผักกระเฉดนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะผักกระเฉดเป็นพืชที่สามารถเติบโตได้ง่าย และดูแลไม่ยาก โดยปกติแล้ววิธีการปลูกผักกระเฉดของแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด นั้นอาจจะมีวิธีการปลูกที่แตกต่างกัน เพราะสภาพภูมิอากาศ และน้ำ ที่บางพื้นที่อาจจะมีหนองน้ำ หรือน้ำขังที่จำกัด หรือบางพื้นที่มีน้ำมากเกินไป ทำให้วิธีการปลูกนั้นแตกต่างกันออกไป ซึ่งเราได้ทำการสรุป 3 วิธีง่ายๆ ที่เกษตรนำมาใช้ในการปลูก เพื่อผลผลิตที่ดี และพร้อมจำหน่ายสู่ตลาดทั่วประเทศ
การปลูกผักกระเฉดแบบดำกอ
ซึ่งวิธีการ ปลูกผักกระเฉด แบบดำกอนี้จะมีวิธีการเตรียมพื้นที่สำหรับการปลูกได้ 2 แบบ คือ การเตรียมปลูกแบบร่องน้ำ กับการเตรียมแปลงปลูกแบบสระน้ำ ซึ่งแบบร่องน้ำนั้นจะมีการขุดดินให้มีความลึกประมาณ 1 เมตร และให้มีความกว้างประมาณ 4-5 เมตร ส่วนความยาวนั้นก็จะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ว่าจะกำหนดอย่างไร
เมื่อทำการขุดเรียบร้อยแล้วให้นำดินที่ขุดทั้งหมดมาทำเป็นคันดิน โดยให้มีความกว้างประมาณครึ่งเมตร สลับกับคู่น้ำไปเรื่อยๆ ซึ่งการสร้างคันดินนั้นก็เพื่อที่จะใช้เป็นทางเดินในช่วงที่ทำงาน เช่น ขนผักที่ตัดแล้วออกมานอกแปลง ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันแมลง ช่วงใส่ปุ๋ย ช้อนแหน เป็นต้น ในส่วนของแบบสระน้ำนั้นก็จะมีการเตรียมดินโดยการขุดดินเป็นสระรูปเหลี่ยม โดยให้มีความลึกประมาณ 1 เมตร ส่วนความกว้างและความยาวนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของพื้นที่มีความต้องการมากเพียงใด ก็จะได้สระที่พร้อมในการ ปลูกผักกระเฉด แล้ว
การ ปลูกผักกระเฉด แบบผักเกาะบนทุ่น
โดยวิธีนี้เป็นวิธีที่ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ในคูคลองเป็นหลัก โดยใช้คูคลองจากธรรมชาติเพื่อให้มีน้ำไหลผ่าน แต่จะไม่สามารถบังคับระดับน้ำได้ ส่วนของทุ่นที่ใช้นั้นจะนิยมใช้เป็นทุ่นไม้ไผ่ทั้งลำเพื่อช่วยให้ผักกระเฉดนั้นยึดเกาะได้ดี อาจจะใช้ไม้ไผ่แค่ลำเดียว หรืออาจจะใช้หลายลำ เพื่อผูกติดเป็นแพก็ได้เช่นกัน โดยให้ผูกทุ่นกับเสาหลักให้แน่น และนำยอดพันธุ์ที่มีความยาวประมาณ 1 เมตร พาดไปบนทุ่น ให้ส่วนยอดและส่วนโคนของยอดแช่อยู่ในน้ำ หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 50 วัน ก็เริ่มที่จะเก็บยอดขายได้แล้ว
ซึ่งวิธีการปลูกแบบนี้นอกจากจะดูแลรักษาได้แบบทั่วๆไป คือ พ่นสารเคมีป้องกันแมลง ใส่ปุ๋ย ยังจะต้องมีการตัดรากของผัก และรื้อต้นเก่าออกบ้าง เพื่อไม่ให้มีน้ำหนักถ่วงมากจนเกินไป เพราะถ้าน้ำหนักมากเกินไปอาจจะทำให้ทุ่นจมได้ เมื่อปลูกไประยะหนึ่งต้องมีการเสริมทุ่นหรือเปลี่ยนทุ่นใหม่ เพราะว่าทุ่นเดิมที่ปลูกมาเป็นระยะเวลานานเริ่มที่จะผุ และทำให้จมน้ำได้ ซึ่งข้อดีของการปลูกแบบนี้ คือ ไม่ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในเรื่องของการถ่ายน้ำอยู่บ่อยครั้ง และไม่ต้องเสียค่าช้อนแหนด้วย
การปลูกผักกระเฉดแบบพาดร่อง
วิธีการปลูกแบบนี้จะต่างจากสองวิธีแรกออกไปเสียหน่อย คือ จะไม่ได้ใช้เฉพาะส่วนยอดเป็นแม่พันธุ์ แต่จะใช้ทั้งเถา ส่วนโคนของแม่พันธุ์จะพาดอยู่ข้างร่อง และหลังจากเริ่มเก็บเกี่ยวยอดของแขนงแต่ละข้างไปแล้วจะชักโคนเถาขึ้นมาไว้บนหลังร่อง เพื่อให้ส่วนยอดของเถาแม่พันธุ์และแขนงแรกที่ไม่ได้ตัดยอดเท่านั้นที่จะแช่อยู่ในน้ำได้
ซึ่งวิธีการนี้เป็นการใช้ร่องน้ำหรือคูน้ำในสวนให้เกิดประโยชน์ ซึ่งเป็นการเสริมรายได้เป็นอย่างดี การพาดเถาถ้าร่องน้ำกว้างเกิน 3 เมตร จะพาดเถาตรงกันทั้ง 2 ฝั่งของร่องน้ำ แต่ถ้าร่องน้ำแคบกว่า 3 เมตร ก็จะวางสับหว่างกัน โดยให้แต่ละเถานั้นมีความห่างประมาณ 60-80 เซนติเมตร หลังจากนั้น 15 วัน จะเริ่มเก็บเกี่ยวโดยตัดยอดของแขนงอื่นได้ ซึ่งเถาหนึ่งจะตัดยอดแขนงข้างได้ประมาณ 5 ยอด ส่วนยอดของแม่พันธุ์จะไม่ได้ตัด
การใส่ปุ๋ยต้นผักกระเฉด
สำหรับการใส่ปุ๋ยในการ ปลูกผักกระเฉด นั้น ถ้าเป็นการปลูกในระดับน้ำตื้น หรือแปลงมีน้ำขังไม่มาก ปริมาณการใส่ปุ๋ยนั้นก็จะไม่มากนัก โดยทำการหว่านปุ๋ยในช่วงหลังจากเริ่มปลูกไปแล้ว 1-2 สัปดาห์ โดยปุ๋ยที่นิยมใช้จะเป็นปุ๋ยสูตร 12-12-6 หรือปุ๋ยยูเรีย โดยการให้ในแต่ละครั้งจะอยู่ที่ 10-20 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งใช้ร่วมกับปุ๋ยคอก ยิ่งถ้าเป็นปุ๋ยจากมูลไก่จะยิ่งดี
ทำไมปุ๋ยจากมูลไก่ถึงดี เพราะว่ามีไนโตรเจนมากกว่ามูลโคกระบือ โดยใช้แบบหว่านประมาณ 200-300 กิโลกรัมต่อไร่ โดยจะหว่านไม่มากนัก เพราะว่าถ้าใช้ในปริมาณมากเกินไปจะทำให้น้ำนั้นเน่าได้
สำหรับการใส่ปุ๋ยในแปลงปลูกที่มีระดับน้ำลึก เกษตรกรที่ปลูกนั้นส่วนใหญ่แล้วจะไม่หว่านปุ๋ย เพราะว่าปุ๋ยจะไหลตามน้ำไปหมด ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับผักกระเฉดมากนัก แต่ถ้าในกรณีที่น้ำนั้นนิ่ง เกษตรกรที่ปลูกอาจจะมีการหว่านปุ๋ยลงไปบ้าง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยคอกร่วมกันได้ในปริมาณระดับเดียวกัน หรือมากกว่าแบบการปลูกแบบน้ำตื้น
เทคนิคที่ช่วยให้ยอดไม่มีนมติด
ส่วนยอดของผักกระเฉดนั้นนับว่าเป็นส่วนที่ใช้ในการบริโภคบ่อยที่สุด มีการนำมาประกอบอาหารที่หลากหลายเป็นอย่างมาก ซึ่งการรวบยอดต้นผักกระเฉด 5-8 ต้น มัดกับไม้ไผ่ตามความยาวของลำต้น โดยเว้นไม่รัดเชือกที่ส่วนปลายของยอดประมาณ 10-15 เซนติเมตร เพื่อที่จะให้ปลายยอดนั้นชูขึ้นใกล้กับผิวน้ำประมาณ 10-15 เซนติเมตร
จากนั้นเมื่อปลายยอดขึ้นสู่ผิวน้ำแล้วให้จับกดให้จมน้ำทั้งลำ โดยห้ามให้ยอดโผล่ขึ้นมาบนน้ำ แล้วใช้ไม้ตอกยึดไว้ การใช้วิธีนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อระดับน้ำนั้นไม่ลึกมากจนเกินไป เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรที่จะใช้เทคนิคนี้ในการปลูกด้วยน้ำลึก เพราะจะทำให้ต้นผักกระเฉดนั้นเน่าตายได้
การป้องกันและกำจัด โรค แมลง ศัตรูพืช ในผักกระเฉด
โดยปัญหาเรื่องโรคและแมลงในผักกระเฉดนั้นส่วนใหญ่แล้วมักจะพบว่าผักกระเฉดจะมีโรคใบหงิกงอเป็นหลัก รวมไปถึงโรคต้นเน่า โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นมักมาจากเพลี้ยที่เข้าไปทำลายใบอ่อนและยอด ทำให้เกิดผลเสียเป็นอย่างมากสำหรับเกษตรกรที่ ปลูกผักกระเฉด เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นผักที่อยู่บนน้ำ อาจจะดูเหมือนว่าไม่มีโรคหรือแมลงมารบกวน แต่ก็มีอยู่ดี
ซึ่งวิธีการป้องกันนั้นส่วนใหญ่แล้วจะใช้วิธีการนำน้ำหมักสมุนไพรมาใช้ โดยเป็นสูตรที่ใช้ในการกำจัดเพลี้ยโดยเฉพาะ โดยการเตรียมก็มีพวกสะเดา ตะไคร้หอม ขิง ข่า พริกสด ในปริมาณที่เท่าๆ กัน โดยให้นำส่วนผสมทั้งหมดนั้นมาทุบหรือตำให้แหลกเข้ากัน แล้วใส่ในถังหมัก ใส่น้ำพอท่วม จากนั้นก็หมักทิ้งไว้ 1 คืน และพอได้ที่ก็ให้กรองเอาแต่น้ำสมุนไพรมาใช้ ซึ่งส่วนกากนั้นเราสามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยหมักได้ หลังจากที่เราได้น้ำสมุนไพรแล้ว ให้นำมาใช้โดยการฉีดพ่นยังผักกระเฉด โดยใช้ในปริมาณ 20 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วแปลง ซึ่งจะช่วยในการป้องกันเพลี้ยไฟ ไรแดง และแมลงต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยให้ทำการฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน จะช่วยให้เห็นผลมากขึ้น
การเก็บเกี่ยวผลผลิตผักกระเฉด
สำหรับผักกระเฉดนั้นถือได้ว่าเป็นผักที่ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ โดยส่วนใหญ่แล้วความนิยมในการบริโภคนั้นจะอยู่ที่ลำตัน ใบ และยอดอ่อน ซึ่งผักกระเฉดเองก็มีอายุการเก็บเกี่ยวที่สั้น ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนหลังจากเริ่มปลูกไปแล้วก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อมาบริโภคได้เลย
เมื่อเก็บเกี่ยวไปแล้วผักกระเฉดเองก็จะเริ่มมีการแตกยอดออกมาใหม่เพิ่มขึ้นเหมือนเดิม แต่หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วก็นำผักกระเฉดมาจัดเรียงเป็นมัดให้เรียบร้อย และบรรจุใส่ภาชนะที่สามารถให้อากาศถ่ายเทได้ แต่ไม่ควรนำไปวางไว้บริเวณกลางแจ้ง เพราะว่าถ้าผักกระเฉดถูกวางไว้กลางแจ้งนั้นจะทำให้เหี่ยวเฉาได้ง่ายๆ
ซึ่งข้อดีของผักกระเฉด นั่นคือ สามารถที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เรื่อยๆ โดยตัดยอดออกมา แล้วยอดใหม่ก็จะเพิ่มขึ้นมา ซึ่งนี้เป็นข้อดีที่ทำให้เกษตรกรหลายคนหันมาปลูกหรือทำแปลงผักกระเฉดเพื่อเป็นรายได้เสริมกันมากขึ้น
การเก็บเกี่ยวนั้นควรจะเก็บในช่วงเวลาเช้าตรู่ เนื่องจากว่าต้นผักกระเฉดนั้นจะเต่งตึงเป็นพิเศษ ทำให้ยอดอ่อนนั้นคลี่ออกได้อย่างสวยงาม โดยอาจจะใช้มือเด็ดหรือใช้มีดตัดก็ได้ แต่โดยทั่วไปแล้วเกษตรกรส่วนใหญ่มักจะใช้มือเด็ด เพราะว่าลำต้นหรือยอดผักกระเฉดจะสามารถเด็ดด้วยมือได้ง่ายกว่า ทำให้ลำต้นนั้นไม่ค่อยเสียหายด้วย
การเก็บรักษาผักกระเฉด
ปัญหาเรื่องการเก็บผักกระเฉดหลังจากที่เด็ดยอด ใบ และแขนง ออกแล้ว พร้อมที่จะประกอบอาหารแต่ดันเหลือ นับว่าเป็นปัญหาของใครหลายๆ คนเลยทีเดียว ซึ่งปัญหาเหล่านี้เราก็มีวิธีมาแนะนำในการเก็บผักกระเฉดที่เราเตรียมการไว้หมดแล้วให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และอยู่กับเราได้นาน และสำหรับการเก็บรักษาผักกระเฉดให้อยู่กับเราได้นานยิ่งขึ้นนั้นควรนำผักกระเฉดที่เก็บเกี่ยวได้แล้วมาล้างทำความสะอาด
โดยใช้น้ำสะอาดล้างรากให้สะอาดแล้วค่อยๆ เด็ดใบและแขนงออกจากโคนต้น และนำมาสะเด็ดน้ำให้แห้งหรือออกน้ำออกให้หมด จากนั้นก็มาห่อด้วยกระดาษ หรือผ้าขาวบาง แล้วนำไปใส่ถุงหรือกล่องพลาสติกให้เรียบร้อย จากนั้นก็นำเข้าไปแช่ตู้เย็น โดยแช่ไว้ที่ความเย็นปกติ ก็จะช่วยให้เก็บได้นานยิ่งขึ้น
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายผักกระเฉด ทั้งในและต่างประเทศ
ผักกระเฉดนั้นถือได้ว่าเป็นผักที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งยกตัวอย่างแปลงผักกระเฉด จังหวัด สมุทรปราการ ที่เป็นจังหวัดที่นิยมในการ ปลูกผักกระเฉด ขนาดใหญ่ ซึ่งมีการส่งออกไปยังตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นแหล่งส่งออกที่ใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ กินระยะเวลาร่วม 20 ปี เลยทีเดียว
โดยผลผลิตที่ได้นั้นเฉลี่ยประมาณ 125 ถุงต่อไร่ หรือต่อสัปดาห์ ซึ่งผักกระเฉดที่นี่นั้นจะเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งสัปดาห์ และตลอดทั้งปี ซึ่งคิดเป็นราคาเฉลี่ยถุงละ 60 บาท จะมียอดขายร่วม 10 ล้านบาทต่อสัปดาห์ เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงค่าแรงงานในพื้นที่
ถ้าเปรียบเทียบรายได้ก็จะคิดเป็นพื้นที่ ปลูกผักกระเฉด 1,500 ไร่ 1 ไร่ จะมีรายได้ประมาณ 7,500 บาทต่อสัปดาห์ โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นราคาเม็ดเงินที่เกษตรกรจะได้รับต่อสัปดาห์ ต่อไร่โดยประมาณ ถึงแม้ว่าตัวเลขที่ประมาณการนั้นจะสูง
แต่ต้นทุนในการผลิตก็สูงตามไปด้วย เพราะว่าองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่าพื้นที่ การหาต้นพันธุ์ที่ดี ก็หักลบแล้วก็อาจจะไม่ได้มากเท่าไหร่นัก แต่ก็นับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจอีกหนึ่งชนิดที่สร้างรายได้ให้กับครัวเรือนได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นผลตอบรับที่ดีพอสมควร ยิ่งถ้ามีที่เป็นของตัวเองก็จะได้กำไรมากกว่าเท่าตัว ช่วยให้คืนต้นทุนได้เร็วขึ้นด้วย
ประโยชน์ของผักกระเฉด
จะเห็นได้ว่าผักกระเฉดนั้นจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับผักบุ้ง วิธีการปลูกก็จะคล้ายๆ กัน ซึ่งคุณประโยชน์ของผักกระเฉดนั้นนับว่ามีมากพอสมควรเลยทีเดียว เรามาดูกันดีกว่าว่าประโยชน์ของผักกระเฉดนั้นมีอะไรบ้าง
–ผักกระเฉดเป็นแหล่งรวมของวิตามินบี 3 ซึ่งในวิตามินบี 3 นั้น จะช่วยในการต้านพิษหรือมลพิษได้เป็นอย่างดี เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกหนึ่งชนิดที่มีประสิทธิภาพในการทำลายพิษ และยังมีส่วนช่วยในการป้องกันไม่ให้สีผิวนั้นมีความเข้มขึ้นด้วย
–ผักกระเฉดอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ซึ่งเส้นใยอาหารนั้นมีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญในร่างกายนั้นทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ส่งผลให้การทำงานของระบบขับถ่ายนั้นดียิ่งขึ้นด้วย ช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี
–ผักกระเฉดช่วยเพิ่มระบบการย่อยอาหารได้ดีขึ้น ผักกระเฉดนั้นจะช่วยเพิ่มระบบการย่อยอาหารในร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยให้อิ่มง่าย และไม่เพิ่มแคลอรีในอาหารด้วย ทำให้รู้สึกว่าอิ่มเร็ว และช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมันที่ไม่ดี ที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจได้
–ช่วยบำรุงสายตาให้ดียิ่งขึ้น ผักกระเฉดนั้นนับว่ามีวิตามินเอที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี ทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้นโดยเฉพาะในที่มืด ช่วยซ่อมแซมจอประสาทตาหรือดวงตา และป้องกันความเสื่อมหรือโรคเกี่ยวกับสายตาได้เป็นอย่างดี
–มีเบต้าแคโรทีนช่วยป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระนั้นถือว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งเลยก็ว่าได้ ซึ่งผักกระเฉดนั้นมีเบต้าแคโรทีนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยยับยั้งความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี
–เป็นแหล่งสะสมของแคลเซียมอย่างดี ในผักกระเฉดนั้นนับว่ามีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนได้เป็นอย่างดี และยังทำให้กล้ามเนื้อสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
ข้อควรระวังในการบริโภคผักกระเฉด
ในผักกระเฉดนั้นก่อนบริโภคควรจะนำมาทำให้สุกเสียก่อนที่จะเริ่มรับประทาน เพราะถ้าบริโภคสดจะมีความเสี่ยงที่จะพบพยาธิตัวอ่อนที่อาจจะเข้ามาปะปนได้ รวมไปถึงไข่ปลิง ไข่ปลิงนั้นสามารถทนความร้อนได้ค่อนข้างสูง ควรจะต้มโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก่อนนำมาประกอบอาหาร ซึ่งตรงนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำอาหารและการบริโภคได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ควรจะล้างทำความสะอาดให้ดี เพราะว่าในผักกระเฉดนั้นอาจจะมีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ คือ สารคาโบฟูราน ซึ่งเป็นสารพิษที่ส่งผลเสียต่อร่างกายคนเราได้เป็นอย่างดี มีผลทำให้ระบบประสาทและหัวใจทำงานผิดปกติ และเป็นสารก่อมะเร็งได้ อาจจะทำให้ระบบสืบพันธุ์เสื่อมได้ จึงควรที่จะล้างทำความสะอาด และปรุงสุกอยู่เสมอจะดีที่สุด
ฝากถึงผู้ที่สนใจ ปลูกผักกระเฉด
ผักกระเฉดนั้นนับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจอีกหนึ่งชนิดที่มีความสำคัญของไทยเลยก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นพืชที่ออกผลผลิตได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวเร็ว ทำให้มีการส่งออกไปยังตลาดทั่วประเทศ รวมถึงต่างประเทศด้วย อีกทั้งการปลูกและวิธีการดูแลนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากเท่าไหร่นัก เพียงอาศัยความเข้าใจและวิธีการของผู้ชำนาญ ก็จะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ พร้อมส่งต่อถึงมือผู้บริโภคได้อย่างง่ายดาย
เรื่องราวของผักกระเฉดนับว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปลูก การดูแลรักษา รวมไปถึงคุณประโยชน์ และด้านการตลาด นับว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะผักกระเฉดนั้นเป็นพืชที่ปลูกง่ายและโตได้เร็ว ทำให้มีการ ปลูกผักกระเฉด เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งเรื่องราวของผักกระเฉดนั้นยังมีอะไรให้ค้นหามากกว่านี้อีกมากมาย เพราะว่าการเรียนรู้นั้นไม่มีจุดสิ้นสุด ถ้าเราลองสนใจเรื่องอะไรแล้วควรลงมือทำให้เต็มที่
https://www.thaiarcheep.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%94%E0%B8%Translation Documents%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3.htm,https://www.kasetvoice.com/post/1047 https://puechkaset.com/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%94/,https://www.doctor.or.th/article/detail/3898,https://sukkaphap-d.com/13-%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81/,https://www.rakbankerd.com/agriculture/print.php?id=6454&s=tblplant