“ ความรู้ ” ( Knowledge ) ที่เกิดขึ้นจาก “ ประสบการณ์ ” ( Experience ) ทั้งการได้เห็น ได้ฟัง และได้ลงมือกระทำ อาจเป็นความสำเร็จหรือการล้ม ล้วนเป็นบทเรียนที่มีค่าในเชิงปฏิบัติ ยิ่งลงมือปฏิบัติมากเท่าไหร่ยิ่งได้รับประโยชน์มากเท่านั้น จากนั้นเรียนรู้เพื่อให้เกิดความรู้โดยการรู้จักคิดจากประสบการณ์ ถ้าเกิดคิดก็จะเป็นความรู้ หากไม่รู้จักคิดก็จะเป็นเพียงเรื่องราวที่ผ่านอย่างไร้ทักษะ และคุณจะไม่ได้อะไรจากประสบการณ์
การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด พัฒนา และแก้ไข ให้ดีขึ้น จึงเป็นวิถีทางการทำธุรกิจด้านปศุสัตว์ให้อยู่รอดในเชิงธุรกิจและปรับตัวให้เข้ากับยุคเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับเศรษฐกิจรอบด้าน เช่น ประเทศเพื่อนบ้าน มีการพัฒนาและขยับตัวดีขึ้นเช่นกัน
จากที่กล่าวมาข้างต้นเราขอนำท่านมารู้จัก “ ส่องแสงฟาร์ม ” ฟาร์มไก่เนื้อที่สามารถปลดพันธนาการจากการเลี้ยงในระบบ Contact farming ที่มีเงื่อนไขและสัญญาหลายอย่าง ผันตัวเองสู่การเลี้ยงแบบอิสระและมีตลาดรายใหญ่ที่เชื่อมั่นในคุณภาพของกระบวนการผลิต
แรกเริ่มทำฟาร์มเลี้ยงไก่ตั้งแต่ครั้งที่อาศัยอยู่กรุงเทพฯ จากนั้นย้ายมาตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ แต่เนื่องจากความเจริญของชุมชนที่มีแนวโน้มจะขยายตัวมากขึ้น จึงย้ายมาตั้งอยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา ณ ปัจจุบันตลอดระยะเวลามากกว่า 50 ปี
“ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อจนถึงรุ่นปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 เริ่มเลี้ยงไก่เนื้อโดยการทำ Contact farming กับบริษัทหนึ่ง ช่วง พ.ศ. 2520-2530 ถือว่าเราเป็นเจ้าใหญ่ที่สุดในแถบภาคตะวันออก มีพื้นที่ที่สามารถรองรับการเลี้ยงไก่ได้ 6-7 แสนตัว แต่การพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและการขยายตัวของธุรกิจนี้ที่มีจำนวนผู้เลี้ยงมากขึ้น รวมถึงเรื่องของการค้าระหว่างประเทศก็มีส่วนทำให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ทางฟาร์มได้เห็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงของธุรกิจครอบครัว”
การเลี้ยงไก่เนื้อในระบบ Contact farming มีข้อดีตรงที่เรื่องของการตลาด ทางฟาร์มผู้เลี้ยงจะไม่ได้ยุ่งเรื่องราคาเพราะเป็นระบบประกันราคา ในส่วนของตัวไก่ที่เลี้ยงและอาหารทางบริษัทฯ จะเป็นผู้ดูแล ทางฟาร์มจะรับหน้าที่บริหารการจัดการต่างๆ เพียงอย่างเดียว
แต่เมื่อปี พ.ศ.2530 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากเล็งเห็นว่าการทำฟาร์มเลี้ยงไก่ในระบบ Contact farming มีเงื่อนไขหลายอย่าง บางครั้งลูกไก่ขาดความต่อเนื่องหรือสุขภาพของลูกไก่ไม่แข็งแรง เกิดการเสียหายระหว่างการเลี้ยง รวมถึงอาหารด้วย สุดท้ายผู้เลี้ยงต้องรับภาระในส่วนนี้ประกอบกับได้มีการพูดคุยกันภายในครอบครัว ซึ่งเป็นครอบครัวค่อนข้างใหญ่จึงแบ่งงานกันทำ และจากประสบการณ์การเลี้ยงไก่และองค์ความรู้มองว่า ควรออกมาลองเปิดตลาดใหม่ เพราะศักยภาพทางด้าน เงินทุน และประสบการณ์ในการเลี้ยง ที่สามารถคัดสรรลูกไก่เอง และเลือกแหล่งซื้ออาหารสัตว์เองได้ จึงตัดสินใจเลือกทำฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อ แบบอิสระ นับเป็นการเริ่มต้นตั้งแต่นั้นมา
เมื่อการเลี้ยงไก่เนื้อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทางฟาร์มจึงไม่หยุดที่จะปรับปรุงและพัฒนา จึงมีการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ เพราะฉะนั้นโรงเรือนจึงจำเป็นต้องให้ได้มาตรฐานของกรมปศุสัตว์ โรงเรือนทั้งหมดของทางฟาร์มจึงเป็นแบบระบบ Evap หรือโรงเรือนปิด เพื่อป้องกันภาวะความเสี่ยงด้านโรคสูง อีกทั้งยังลดความยุ่งยากจากการจัดการในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบการให้น้ำและการให้อาหารที่สามารถควบคุมได้
การทำฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อในปัจจุบันได้กลายเป็นอุตสาหกรรมทางการเกษตร ก่อนทำเป็นรูปแบบฟาร์มจำเป็นต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อน โดยการทำแบบสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ให้ลงความเห็นไม่เช่นนั้นไม่สามารถสร้างฟาร์มเลี้ยงไก่ได้ เพราะถ้าหากชาวบ้านร้องเรียนก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มีอย่างชัดเจน
ปัจจุบันทางฟาร์มมีพื้นที่หลาย100 ไร่ ในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยแบ่งการบริหารเป็น 3 ฟาร์ม อีกทั้งคงต้องคำนึงถึงการคมนาคมในระบบขนส่งและการวางผังของฟาร์ม เพื่อความสะดวก ง่ายต่อการจัดการ โดยเฉลี่ยจำนวนไก่ที่เลี้ยงอยู่ที่ 80,000-100,000 กว่าตัว ต่อฟาร์ม
ด้านการตลาด เนื่องจากทางฟาร์มทำธุรกิจเลี้ยงไก่เนื้อเป็นเวลามากกว่า 50 ปี ความเชื่อมั่นของลูกค้ารายใหญ่ อย่าง ตลาดยิ่งเจริญ ตลาดห้วยขวาง และบางบ่อ ที่มีการซื้อขายกันทุกวัน ดังนั้นทางฟาร์มจะต้องมีการวางแผนด้านการตลาดอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ไก่ขาดตลาดตามความต้องการของลูกค้า อีกอย่างทางฟาร์มมีโรงเชือดที่ได้มาตรฐาน คอยเชือดไก่ให้กับลูกค้า จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อเพิ่มมูลค่า ทั้งชิ้นส่วนไก่และไก่เป็นตัว แต่ทางฟาร์มจะเน้นการขายไก่ตัวเป็นหลัก เพราะต้องคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นส่วนใหญ่ เพื่อความคล่องตัวในการระบายสินค้าและการตลาดของทางฟาร์ม
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงและเป็นยุทธศาสตร์ทางการตลาดคือ การคาดการณ์ตลาดในแต่ละช่วงปีจะต้องคำนวณเป็นเดือนหรือมากกว่านั้น เพื่อให้ไก่เนื้อมีเพียงพอต่อความต้องการของตลาดและลูกค้า เช่น ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตรุษจีน แม้กระทั่งเทศกาลกินเจก็จำเป็นต้องคาดการณ์ตลาดหรือการวางแผนการเข้า-ออกของไก่เนื้อ
ส่วนราคาขายจะอิงราคากลาง ซึ่งถูกกำหนดโดยตลาดกลาง แต่ทางฟาร์มจะมีการประชุมกันประจำเพื่อประเมินสถานการณ์ว่าทิศทางการทำธุรกิจควรจะไปทางรูปแบบไหน
ในอนาคตทางฟาร์มมีแผนจะพัฒนาและปรับปรุงฟาร์มทั้งหมดให้ได้มาตรฐานยิ่งขึ้น โดยจะค่อยๆ ปรับปรุงทีละฟาร์มเพื่อรองรับการขยายตัวของสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ และอีกอย่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยงให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนตลาดแปรรูปสินค้าจะเป็นอาหารที่มีลักษณะพร้อมรับประทานและแบบแช่แข็งที่สามารถนำมาประกอบเป็นอาหารได้เลย อีกอย่างสามารถเก็บรักษาได้เป็นเวลานาน ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนระหว่างการทดลองสูตรและทดลองตลาด โดยการเปิดบูธสาธิตเพื่อฟังเสียงตอบรับของลูกค้าว่าเป็นอย่างไร แต่ถามว่าเป็นสูตรที่แน่นอนหรือยัง ทางฟาร์มกล่าวว่า “เรายังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้สูตรที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับแก่ผู้บริโภค และเพื่อให้ธุรกิจดำเนินการต่อไปได้”
นอกจากนี้ทางฟาร์มยังมีโรงเชือด ซึ่งเปิดดำเนินงานมากว่า 12 ปี ได้รับมาตรฐานของกรมปศุสัตว์และมาตรฐาน GMP โดยทางฟาร์มเล่าว่า “เมื่อก่อนเราขายไก่เป็น บางครั้งการส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าจะถูกติงเรื่องของน้ำหนักตัวไก่ไม่ได้ มีปัญหา โดนตัดน้ำหนัก และไก่ตายเยอะ เป็นคำกล่าวอ้างของลูกค้า โดยทางเราจะรับภาระในส่วนตรงนี้ บางครั้งเก็บค่าสินค้าไม่ได้จึงเกิดเป็นหนี้สูญ ดังนั้นเราจึงลงทุนสร้างโรงเชือดของตัวเองและทำตลาดไก่สดเองโดยไม่พึ่งตลาดของคนอื่น”
เมื่อถามว่าประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC มีแผนรองรับอย่างไร ทางฟาร์มกล่าวว่า “เรายังติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินสถานการณ์ แต่สิ่งที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลง คือ พฤติกรรมการบริโภคของคนที่ทำให้เราจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการขาย เช่น แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เพราะราคาขายของไก่ตัวไม่ได้เพิ่มจากเดิม ผ่านมากี่ปีราคาก็ยังคงไม่ต่างกัน ในขณะที่ต้นทุนทางด้านการผลิต เช่น ลูกไก่และอาหาร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างมั่นคง คือ ต้องเอาสินค้าที่เรามีมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่ามากขึ้น”
“เราต้องรู้จักประเมินตัวเองให้มากที่สุด ดูว่าเรามีจุดเด่นอะไร หากเปรียบกับบริษัทใหญ่เราอาจท้อและถอดใจตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะฉะนั้นเราจึงเน้นในจุดของเราเป็นหลัก หากเราทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ จะเล็กหรือใหญ่ต้องประเมินจุดของตัวเองก่อนว่า เรามีศักยภาพแค่ไหนในเชิงธุรกิจ ทำได้หรือไม่ พยายามคิดให้ละเอียด รอบคอบ คิดให้แค่ระดับพอเพียงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ส่วนในเรื่องของแรงงานคน กำลังทรัพย์ สติปัญญา อะไรหลายๆอย่าง รวมถึงความสามารถทางการตลาด ทุกจุดต้องคิดให้อยู่ในระดับที่เราสามารถควบคุมได้ ถ้าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นหรือพยายามที่จะเป็นเหมือนคนอื่นอาจทำให้เราลำบากและเหนื่อย” นี่คือสิ่งที่ทางฟาร์มได้ฝากถึงผู้อ่านทิ้งท้าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณสมจิตร หงส์สิริสุข 1266 หมู่1 ต.พนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา 24120 หรือ Email: [email protected] , [email protected]
tags: ไก่เนื้อ การเลี้ยงไก่เนื้อ เนื้อไก่ ต้นทุน การ เลี้ยง ไก่ เนื้อ เลี้ยงไก่เนื้อ ฟาร์มไก่เนื้อ ส่องแสงฟาร์ม ไก่เนื้อ การเลี้ยงไก่เนื้อ เนื้อไก่ ไก่เนื้อ ไก่
[wpdevart_like_box profile_id=”1414452475453135″ connections=”show” width=”300″ height=”220″ header=”big” cover_photo=”show” locale=”th_TH”]
