พืชเมืองหนาวอีกหนึ่งชนิดที่น่าสนใจ และมีการนำมาปลูกในเมืองไทยบ้างแล้ว บีทรูท ถือว่าเป็นพืชเมืองหนาวที่เริ่มได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในเมืองไทย บางคนอาจจะยังไม่เคยเห็นหน้าตา แต่รู้หรือไม่บีทรูทนั้นสามารถนำมาประกอบอาหาร และใช้เป็นเครื่องดื่ม ได้เป็นอย่างดี ประโยชน์ของบีทรูท ที่มีต่อร่างกายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งเราควรจะมาทำความรู้จักกับพืชชนิดนี้กันดีกว่าว่ามีวิธีการดูแลอย่างไร ทำไมถึงกลายมาเป็นพืชที่ได้รับความสนใจในเมืองไทย
การปลูกบีทรูท
สำหรับบีทรูทนั้นถือว่าเป็นพืชเมืองหนาวที่สามารถหาพบได้ในภาคเหนือของประเทศไทย เป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่ชอบอากาศหนาวเย็น ส่วนใหญ่แล้วเราจะพบเห็นบีทรูทได้ในรูปแบบของอาหารเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นสลัด น้ำบีทรูท หรือทำเป็นซุปผักดองก็ได้เช่นกัน ด้วยสีสันที่มีความสดใสของสีแดงม่วง ทำให้หลายๆ คนตกหลุมรักพืชชนิดนี้เป็นอย่างมาก ด้วยความสวยงามพ่วงด้วยคุณประโยชน์ ถือว่าเป็นพืชเมืองหนาวที่ได้รับความสนใจในเรื่องของการดูแลสุขภาพด้วยนั่นเอง
ถึงแม้ว่าจะเป็นพืชเมืองหนาว แต่การนำมาบริโภคในเมืองไทยนั้นถือว่าเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งกระแสเรื่องของสุขภาพที่เริ่มเข้ามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น ทำให้บีทรูทเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ใส่ใจในสุขภาพหันมารับประทานกันมากขึ้นด้วย อีกทั้งวิธีการดูแลและการปลูกนั้นก็มีแหล่งที่เฉพาะทำให้ไม่วุ่นวาย ถือว่าเป็นพืชที่ต้องมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกว่าเดิมทีเดียว
พืชที่มีสีแดงสด หรือมองภายนอกอาจจะเป็นสีเลือดหมูหรือแดงม่วง เป็นพืชที่หาทานได้ยาก และมีราคาค่อนข้างสูง กับมีประโยชน์อย่างมากสำหรับร่างกาย มันคือ บีทรูท พืชเมืองหนาวที่มีสีสันโดดเด่นและเป็นที่สะดุดตาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ทั้งลักษณะภายนอกที่เป็นหัวทรงกลมป้อมและมีเปลือกสีดำ แต่กลับมีสรรพคุณและคุณประโยชน์อย่างมากเลยทีเดียว
สภาพพื้นที่ปลูกบีทรูท
สำหรับบีทรูทนั้นเนื้อภายในจะมีความอวบน้ำ และมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3-4 เซนติเมตร โดยมีส่วนหัวนั้นเป็นรากที่จะคอยสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน บีทรูทนั้นจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไปตามภูมิภาคต่างๆ ซึ่งในเมืองไทยนั้นจะนิยมนำมาปลูกในทางภาคเหนือเป็นส่วนมาก เพราะว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับพืชชนิดนี้ แต่เนื่องจากบีทรูทนั้นเป็นพืชเมืองหนาว จึงไม่แปลกที่จะมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ยุโรป ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน
บีทรูทนั้นจะเรียกได้อีกอย่างว่า ผักกาดฝรั่ง หรือผักกาดแดง เป็นพืชที่ถือว่าดีต่อสุขภาพ และมีประโยชน์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว ตั้งแต่สมัยก่อนนั้นได้เริ่มมีการนำบีทรูทมารับประทานเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ และยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลสุขภาพด้วย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของบีทรูท หรือจะเป็นน้ำผักบีทรูทเพื่อสุขภาพ เป็นต้น
ลักษณะทั่วไปของบีทรูท
โดยปกติแล้วบีทรูทนั้นจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับพวกหัวไชเท้า หรือพืชที่มีหัวสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน แต่บีทรูทจะมีลักษณะที่แตกต่าง คือ เป็นพืชที่มีสีสันแปลกตา และไม่เหมือนกับพืชชนิดอื่น เรามาดูกันดีกว่าว่าลักษณะของบีทรูทนั้นมีรายละเอียดอะไรบ้างให้เราได้ศึกษาก่อนที่จะได้เห็นรูปร่างจริง
–ลำต้น ปกติแล้วบีทรูทถือว่าเป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก และจะมีอายุสั้นฤดูเดียว ในส่วนลำต้นเดี่ยวสั้นๆ เชื่อมอยู่ระหว่างรากกับใบ มีลักษณะกลมๆ เป็นข้อสั้นๆ จะมีก้านใบแทงออกจากโคนลำต้น มีสีแดงอมม่วง
–ใบ ใบของบีทรูทจะมีลักษณะเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว แทงออกบริเวณตรงโคนของลำต้น มีก้านใบยาว ออกเรียงสลับรอบๆ ใบมีลักษณะทรงรี ขอบใบมีรอยหยัก ใบมีสีเขียว มีลายเส้นสีแดงอมม่วง
–ราก บีทรูทนั้นจะมีระบบรากแก้ว เป็นรากแก้วที่พองโต เรียกว่า หัว ไว้เก็บสะสมอาหาร มีหัวขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ตามสายพันธุ์ มีลักษณะทรงกลม โดยจะมีสีม่วงอมแดง สีแดงเลือดหมู สีเหลือง ตามสายพันธุ์ มีรากฝอยเล็กๆ ออกรอบๆ หัวเล็กน้อย มีเปลือกบาง ผิวเรียบ มีเนื้อแน่นฉ่ำน้ำ มีรสชาติหวาน กรอบ มีปลายรากแก้วยาวเล็กๆ แทงลงในดิน
–ดอก โดยปกติแล้วบีทรูทจะมีการออกดอกเป็นช่อ ก้านช่อดอกยาว มีดอกย่อยอยู่ ดอกมีลักษณะช่อ มีขนาดเล็กๆ ดอกสีเขียวอ่อน หลายคนอาจจะสงสัยว่าบีทรูทมีดอกด้วยเหรอ จริงๆ แล้วบีทรูทก็มีดอกเหมือนกับพืชชนิดอื่นๆ เพียงแต่ว่าบางครั้งอาจจะไม่ได้เห็นดอกเด่นชัดมากเท่าไหร่นัก
–ผล ในส่วนของผลนั้นออกเป็นเมล็ดจำนวนมาก มีลักษณะทรงยาวรี มีขนาดเล็กๆ เมล็ดมีสีเทา
วิธีการปลูกบีทรูท
ปกติแล้วบีทรูทถือได้ว่าเป็นพืชเมืองหนาวที่ชอบอากาศเย็นไปจนถึงหนาวเป็นอย่างมาก เพราะว่าถ้าปลูกในพื้นที่เขตร้อน หรือมีอากาศร้อนเกินไป จะทำให้บีทรูทโตได้ช้า หรืออาจจะไม่เติบโตเลยก็ได้ แต่ปัจจุบันมีหลายๆ คน เริ่มนำบีทรูทมาปลูกในพื้นที่ที่อยู่อาศัยมากขึ้น ในเมืองไทยเองก็ได้มีการนำบีทรูทมาปลูกในกระถางกันเพิ่มมากขึ้นด้วย เรามาดูกันว่าบีทรูทนั้นมีวิธีการปลูกอย่างไรกันดีกว่า
เกษตรกรหรือใครที่จะเริ่มต้นในการปลูกบีทรูท ไม่ว่าจะเป็นการปลูกเพื่อจำหน่าย หรือปลูกเพื่อการบริโภคเอง ก็ต้องมีการเตรียมดินหรือแปลงปลูกที่เหมาะสมด้วย โดยการเตรียมแปลงปลูกบีทรูทสำหรับปลูกเพื่อจำหน่ายนั้น จะเริ่มโดยการคลุกเคล้าดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่มีการหมักแล้วใส่คลุกเคล้ากับดินที่จะปลูกให้ทั่วแปลง จากนั้นก็ใช้ไม้หรืออุปกรณ์ในการทำร่องเพื่อที่จะเตรียมร่องตามแนวขวางหรือตามแนวยาวของแปลงที่จะปลูกก็ได้
เมื่อเราเตรียมแปลงเรียบร้อยแล้ว ให้นำต้นกล้าที่มีอายุได้ประมาณ 7-15 วัน มาเตรียมลงปลูก แต่ถ้าลงปลูกแล้ว ก็อาจจะต้องมีการขยับต้นกล้าออกบ้าง โดยเฉพาะต้นที่มีความถี่เกินไป เพื่อไม่ให้บีทรูทนั้นเกิดการแย่งอาหารกันเอง และเมื่อต้นโตขึ้นจะได้ไม่เกยกันมากจนทำให้เกิดความเสียหายด้วย และเมื่อต้นกล้ามีอายุได้ประมาณ 20-25 วัน ก็ให้ใส่ปุ๋ยหมัก และทำการพรวนดินอีกครั้ง หรือไม่ก็ให้สังเกตว่าต้นพืชเริ่มเติบโตก็ได้ จนกว่าจะเริ่มมีหัวโผล่พ้นดินขึ้นมา
โดยปกติแล้วบีทรูทเป็นพืชที่มีอายุในการปลูกที่สั้น และเป็นพืชฤดูเดียว ถึงอย่างนั้นก็สามารถที่จะปลูกได้ตลอดทั้งปีในที่ที่มีอากาศเย็น แต่ในประเทศไทยนั้นจะสามารถเพาะปลูกและเติบโตได้ดีในเขตทางภาคเหนือของไทย โดยปลูกในพื้นที่ที่มีความสูงกว่า 1,000 เมตร และดินที่เหมาะสมในการปลูกนั้นควรจะเป็นดินร่วนปนทรายจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งค่าในดินจะต้องมีความเป็นกรดและเป็นด่างประมาณ 5.5-7.0 ต้องมีการระบายน้ำและอากาศที่ดี โ
ดยอุณหภูมิของดินที่มีผลต่อการงอกของเมล็ดนั้นจะต้องอยู่ประมาณ 20 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตจะต้องอยู่ที่ประมาณ 15-22 องศาเซลเซียส และต้องไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส
บีทรูทนั้นเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ถ้ามีอากาศและสภาพดินที่เหมาะสม โดยสามารถที่จะเก็บผลผลิตได้ทั้งปี แต่จะได้ผลผลิตมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม-เดือนมีนาคม ถือว่าเป็นพืชเมืองหนาวที่ปลูกและให้ผลผลิตได้ดีเลยทีเดียว
สำหรับการปลูกบีทรูทนั้นไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะปลูกเลย การปลูกในแต่ละครั้งนั้นจะต้องมีการเว้นระยะในการปลูกด้วย เพราะว่าในแต่ช่วงฤดูที่มีการปลูกนั้นจะเว้นระยะในการปลูกที่ไม่เหมือนกัน โดยระยะในการปลูกช่วงฤดูหนาวและร้อนจะอยู่ที่ 20×20 เซนติเมตร หรือ 25 ต้น ต่อตารางเมตร แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนจะเว้นระยะในการปลูกที่ 25×20 เซนติเมตร หรือ 20 ต้น ต่อตารางเมตร
ที่เว้นระยะไม่เหมือนกันเพราะว่าด้วยสภาพดินที่อาจจะมีความร้อนหรือเย็นเกินไป ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนก็เพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาดได้ง่ายกว่าหน้าร้อนและหน้าหนาวด้วยนั่นเอง นอกจากระยะดังกล่าวยังมีอีกหนึ่งระยะในการปลูก คือ ความห่างระหว่างต้นประมาณ 7-10 เซนติเมตรx7-10 เซนติเมตร ซึ่งระยะห่างประมาณนี้จะเหมาะกับการปลูกในที่โล่งแจ้งด้วยเช่นกัน (เป็นวิธีเดียวกันกับการเว้นระยะในการปลูกผักกาด)
การบำรุงดูแลบีทรูท
เมื่อเราทำการปลูกบีทรูทไปได้สักระยะแล้วก็ต้องมีการดูแลเอาใจใส่ด้วย เพราะว่าถ้าอยากให้ได้บีทรูทที่มีคุณภาพและให้ผลผลิตที่ดีจะต้องมีการให้น้ำและใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงอยู่ตลอดเวลาซึ่งถือว่าเป็นวิธีการดูแลรักษาอีกหนึ่งวิธีเพื่อคงคุณภาพและประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ให้กับบีทรูทเลยก็ว่าได้
การให้น้ำถือว่าอาจจะไม่ยุ่งยาก แต่ก็ไม่ควรให้น้ำจนดินแฉะเกินไป ซึ่งวิธีการให้น้ำถ้าเป็นการปลูกแบบแปลง ก็จะมีการใช้สปริงเกลอร์แบบมินิในการให้น้ำ โดยให้ทุกๆ 1-2 วัน ต่อครั้ง หรือให้ดูความเหมาะสมในสภาพความชื้นของดินก็ได้ แต่ถ้าใครปลูกในกระถางก็จะต้องดูสภาพกระถาง และสภาพแวดล้อม ด้วยว่าเป็นอย่างไร และให้น้ำได้ตามความเหมาะสมเช่นกัน
ในช่วงแรกสำหรับการปลูกบีทรูทนั้นอาจจะต้องให้ปุ๋ยในสูตรที่มีความเหมาะสมกับการปลูกบีทรูทเสียหน่อย โดยสูตรที่ใช้ในช่วงแรกอาจจะเป็นสูตร 46-0-0 และสูตร 15-15-15 ซึ่งจะเริ่มใส่ในช่วงหลังจากที่มีการปลูกไปแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์ ในอัตราส่วนที่เหมาะสมประมาณ 30-50 กรัม ต่อตารางเมตร
หลังจากผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ หรือจากการปลูกในระยะแรกประมาณ 20 วัน ก็เปลี่ยนการใช้ปุ๋ยเป็นสูตร 13-13-21 โดยให้ใส่ในปริมาณที่ 30-50 กรัม ต่อตารางเมตร โดยเน้นเป็นปุ๋ยพ่นทางใบประมาณ 7-10 วัน ต่อครั้ง ก็จะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และสามารถเก็บเกี่ยวได้ผลที่ดีมากขึ้น
การเก็บเกี่ยวผลผลิตบีทรูท
ในการเริ่มเก็บเกี่ยวบีทรูทนั้นจะเริ่มเก็บได้เมื่อมีอายุได้ประมาณ 60-80 วัน โดยหัวของบีทรูทจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7-8 เซนติเมตร การเก็บเกี่ยวนั้นควรจะเลือกหัวบีทรูทที่มีลักษณะกลม ไม่ควรมีรอยแตกหรือรอยแผลระหว่างหัว และให้ตัดใบออก ให้เหลือแต่ก้านใบไม่เกิน 3 เซนติเมตร แล้วล้างให้สะอาด จากนั้นก็นำไปผึ่งให้แห้งก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยในการเก็บเกี่ยว
หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วไม่ควรให้โดนความร้อนหรือโดนแสงแดดจัดมากเกินไป เพราะจะทำให้บีทรูทเกิดอาการเหี่ยวลงได้ และจะทำให้หัวบีทรูทนั้นดูไม่สวยงาม และเสียโอกาสในการจำหน่ายได้ หลังจากนั้นนำบีทรูทที่ได้นั้นไปล้างน้ำให้สะอาด ซึ่งการล้างน้ำให้สะอาดนั้นจะช่วยทำให้บีทรูทมีความสดได้นานขึ้น จากนั้นก็นำไปสะเด็ดน้ำออกให้หมด แล้วนำไปวางไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท จะช่วยให้ผลผลิตของบีทรูทนั้นเก็บไว้ได้นานยิ่งขึ้น
การป้องกันและกำจัด โรค แมลงศัตรูพืช บีทรูท
ขึ้นชื่อว่าเป็นผักและผลไม้ ต่างก็ต้องพบเจอปัญหาในเรื่องของโรคและแมลงศัตรูพืชที่มารบกวน และสร้างปัญหาให้กับผลผลิต ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้นั้นอาจจะไม่มีคุณภาพ หรือสูญเสียต่อการเก็บเกี่ยวได้ บีทรูทเองก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าเป็นพืชเมืองหนาว แต่ในการปลูกนั้นสามารถทำได้ตลอดทั้งปี เพราะไม่จำเป็นจะต้องปลูกในช่วงหน้าหนาวเพียงอย่างเดียว
สำหรับบีทรูทนั้นหลายคนอาจจะบอกว่าจะไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องของโรคมากเท่าไหร่นัก แต่จริงๆ แล้วก็มีโรคที่จะต้องมีการป้องกันด้วย เพราะโรคที่พบส่วนใหญ่ก็อาจจะแบ่งเป็นช่วงเวลาของการเติบโต ในช่วงระยะต้นกล้าหรือประมาณ 7-10 วัน เป็นช่วงที่มักจะพบโรครากปม และแมลงศัตรูพืชก็เป็นพวกด้วงหมัดผัก ซึ่งช่วงนี้ถ้าเกิดความเสียหายจะทำให้บีทรูทไม่โตหรือตายได้เลย เพราะมีภูมิคุ้มกันยังไม่ดี การป้องกันนั้นส่วนใหญ่ก็เน้นไปที่การใช้สารเคมี และการใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกฉีดพ่นและฟื้นฟูที่ดิน
ในช่วงระยะที่มีการย้ายหรือเปลี่ยนที่ปลูก และการตั้งตัวประมาณ 10-20 วัน ก็มักจะเสี่ยงที่จะเกิดโรครากปม และด้วงหมัดผัก เสี้ยนดิน ช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงปลูกในช่วงเคลื่อนย้าย อาจจะส่งผลให้เกิดโรคได้ หรือมีแมลงศัตรูพืชมารบกวน
ช่วงระยะเวลาเก็บเกี่ยวที่ 70-95 วัน ก็มักจะพบโรคดังกล่าว แต่ในช่วงนี้ก็จะมีผลกระทบน้อยกว่าใน 2 ช่วงเวลาแรก เพราะเป็นช่วงที่ให้ผลผลิตแล้ว แต่ก็ต้องระวัง เพราะว่าถ้าเกิดมีรอยแผลหรือรอยแตกในบีทรูท ผลที่ตามมา คือ จะไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นได้ และผลที่เกิดรอยแผลก็จะทำให้เกิดโรคและเน่าเสียได้ง่าย จึงต้องระมัดระวังในช่วงเก็บเกี่ยวด้วยเช่นกัน
เรื่องโรคและแมลงในบีทรูทนั้นถือว่ายังพบได้ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับพืชหรือผลไม้ชนิดอื่นๆ แต่การป้องกันไว้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้เกษตรกรที่ทำการปลูกพืชชนิดนี้ได้อุ่นใจ และไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้ หากเรามีการป้องกันแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันแมลงได้เป็นอย่างดี
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์บีทรูท
ปัจจุบันการบริโภคบีทรูทนั้นถือว่าเป็นพืชที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะว่ากระแสในเรื่องของสุขภาพนั้นมาแรงเป็นอย่างมาก ทำให้บีทรูทพืชที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม หรือยังเป็นที่รู้จักน้อยอยู่ กับมีกระแสและผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าบีทรูทยังคงเป็นพืชที่มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับพืชทั่วไป แต่ก็ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว
สำหรับการบริโภคบีทรูทในแต่ละวันนั้น ก็มีการนำบีทรูทมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หรือจะเป็นนำมาทำเป็นสมูทตี้บีทรูทที่มีการนำไปผสมกับพืชผักชนิดอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน หรือจะนำมาประกอบอาหารก็ได้หลากหลาย แต่อาหารเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมและมีการนำมาใช้มากที่สุดเลย คือ การนำมาทำเป็นสลัดผัก และมีบีทรูทเป็นส่วนผสมด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีการนำบีทรูทไปหมักใส่น้ำส้มและนำมารับประทานกับโยเกิร์ตด้วย โดยวิธีนี้จะต้องนำบีทรูทไปล้างให้สะอาด แต่ต้องไม่ลืมปอกเปลือกก่อนล้างด้วย จากนั้นก็ซอยเป็นแผ่นๆ เอาใส่ขวดโหล และใส่น้ำส้มสายชูตามด้วยเกลือนิดหน่อย จากนั้นก็เตรียมหัวหอมใหญ่ที่หั่นไว้บางๆ เอาไปใส่ไว้ในขวดโหล และแช่เก็บไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 วัน ก็จะได้บีทรูทหมักกับน้ำส้มแล้ว
โดยแนะนำว่าถ้าจะทานคู่กับโยเกิร์ตนั้นควรจะเป็นกรีกโยเกิร์ตจะเหมาะสมที่สุด เพราะจะได้รสชาติที่ลงตัว มีทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เลยทีเดียว ถือว่าเป็นการนำบีทรูทที่ได้มาผสมผสานกับความลงตัวที่แปลกใหม่ อีกทั้งความนิยมในปัจจุบันก็มีเพิ่มสูงขึ้น แต่การทานบีทรูทนั้นควรจะรับประทานในปริมาณที่พอดี จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้มีความแข็งแรง และได้สารอาหารที่เหมาะสมมากกว่าทานแบบเกินความพอดี
ประโยชน์ของบีทรูท
ถ้าพูดถึงเรื่องคุณประโยชน์และสรรพคุณของบีทรูทนั้นถือได้ว่าได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย รวมไปถึงแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย อีกทั้งยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมาก ถือได้ว่าเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เรามาดูกันดีกว่าว่าบีทรูทนั้นมีส่วนช่วยในเรื่องใดบ้างที่จะส่งผลให้ร่างกายนั้นได้รับสารอาหารที่ประโยชน์อย่างเต็มที่กันดีกว่า
- ช่วยลดความเสี่ยงในการจะเป็นโรคตับ บีทรูทนั้นมีสารที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงตับได้เป็นอย่างดี ช่วยส่งเสริม
การทำงานของตับให้ดีขึ้นได้ ในบีทรูทยังมีสารบีทานินที่ช่วยในเรื่องของการป้องกันการสะสมไขมันในตับได้เป็นอย่างดี ช่วยปกป้องตับจากสารพิษ มีงานวิจัยพบว่าการทานบีทรูทจะช่วยลดระดับไขมันของผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับได้เป็นอย่างดีด้วย
- ช่วยทำให้ความดันโลหิตมีความปกติดีขึ้น บีทรูทนั้นจะมีสารตัวหนึ่งที่เรียกว่า สารไนเตรต ซึ่งสารชนิดนี้จะมีมาก
ในบีทรูท เป็นสารที่ช่วยในเรื่องของการลดความดันโลหิตให้อยู่ในสภาวะปกติได้ดี โดยมีงานวิจัยพบว่าจากการที่ให้ผู้เข้าร่วมทดลองได้ดื่มน้ำบีทรูทที่ผสมกับน้ำแอปเปิ้ลเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ติดต่อกัน พบว่าระดับความดันของกลุ่มผู้เข้าร่วมทดลองลดลงถึง 4-5 มิลลิเมตรปรอทเลยทีเดียว
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบสมอง น้ำบีทรูทนั้นจะมีปริมาณสารไนเตรตที่ค่อนข้างสูง นอกจากจะช่วยเพิ่ม
ความสดชื่นให้กับร่างกายแล้ว ยังมีส่วนช่วยทำให้ร่างกายนั้นสามารถดูดซึมออกซิเจนได้มากขึ้นด้วย ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ได้เป็นอย่างดี และเมื่อได้รับสารไนเตรตเข้าไป สารดังกล่าวก็จะเปลี่ยนเป็นไนไตรท์ จะช่วยกระตุ้นระบบประสาททำให้สมองสามารถทำงานได้ดีขึ้นได้ด้วย
- ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ บีทรูทนั้นก็เหมือนกับไวอากร้า เพราะบีทรูทนั้นได้มีการนำมาใช้ในการเพิ่ม
ประสิทธิภาพหรือสมรรถภาพทางเพศมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เนื่องจากว่าในบีทรูทเต็มไปด้วยสารไนเตรต เมื่อทำให้สารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายก็จะส่งผลทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้มีเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้มากขึ้น อีกทั้งบีทรูทยังมีสารโบรอนที่ใช้สำหรับการผลิตฮอร์โมนเพศชายด้วย
- ช่วยดูแลสุขภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น บีทรูทนั้นถือได้ว่าเป็นพืชที่ดีต่อสุขภาพผิวเป็นอย่างมาก เพราะช่วยลดอาการ
อักเสบของผิวหนังได้เป็นอย่างดี สามารถบรรเทาอาการของสิวอักเสบ สิวอุดตัน ช่วยฟอกเลือด ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสมากขึ้น ทำหน้าที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และฟื้นฟูเซลล์ผิวใหม่ อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยก่อนวัยได้ดี
- ป้องกันโรคโลหิตจางได้ดี ในบีทรูทนั้นจะเต็มไปด้วยธาตุเหล็ก จึงถือได้ว่าเป็นพืชที่ดีต่อระบบเลือด ช่วยป้องกัน
โรคโลหิตจางได้เป็นอย่างดี ซึ่งธาตุเหล็กจะทำหน้าที่ฟื้นฟูเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้นทำได้ดีขึ้น อีกทั้งบีทรูทเองยังมีทองแดงซึ่งจะทำหน้าที่ให้ร่างกายนั้นสามารถดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ได้มากยิ่งขึ้น
- ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น นอกจากจะช่วยในเรื่องของการบำรุงร่างกายแล้ว
บีทรูทยังมีส่วนช่วยในการล้างสารพิษในตับอีกด้วย ซึ่งน้ำของบีทรูทนั้นจะเข้าไปช่วยในการล้างสารพิษในตับ ทำให้ตับนั้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะในบีทรูทนั้นจะมีสารเบทาอีน
นอกจากนี้ยังมีเม็ดสีที่เข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติที่ช่วยปกป้องตับจากการขาดโปรตีนที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำอีกด้วย ในการรับประทานน้ำบีทรูทนั้นอาจจะรับประทานแบบน้ำคั้นจากบีทรูทสดๆ หรืออาจจะมีการผสมโดยการเพิ่มรสชาติจากน้ำผลไม้ที่รสชาติเปรี้ยวอมหวานเพิ่มลงไปด้วยก็ได้ ซึ่งจะได้ทั้งความอร่อย และสุขภาพที่ดีตามด้วย
ถึงแม้ว่าบีทรูทนั้นจะเป็นพืชที่มีประโยชน์ หากบริโภคบ่อยๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จริง แต่การรับประทานน้ำบีทรูท หรือบีทรูทเองก็มีข้อจำกัด ซึ่งข้อจำกัดนี้ก็คือ การรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและพอดีในแต่ละวัน ไม่ควรบริโภคมากเกินไป เพราะอาจจะส่งผลเสียได้
ข้อควรระวังและหลีกเลี่ยงการบริโภคบีทรูท
โดยปกติแล้วในบีทรูทนั้นมีสารไนเตรทอยู่ค่อนข้างพอสมควร การรับประทานมากเกินไปอาจจะส่งผลเสีย จากที่ช่วยให้ความดันอยู่ในระดับปกติอาจจะส่งผลให้ความดันต่ำเกินไปได้ เพราะอย่างนั้นแล้วจึงควรที่จะบริโภคแต่พอดีที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท
นอกจากเรื่องของความดันแล้ว สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานบีทรูท เพราะว่าปริมาณไนเตรทนั้นจะส่งผลกระทบต่อครรภ์ได้ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการครรภ์เป็นพิษได้ และเกิดความเครียดในระหว่างตั้งครรภ์ได้นั่นเอง จึงจำเป็นที่จะต้องเลี่ยงการทานบีทรูทในช่วงตั้งครรภ์ไปก่อนจะปลอดภัยที่สุด
ฝากถึงเกษตรกรและผู้ที่สนใจปลูกบีทรูท
สำหรับบีทรูทนั้นถือว่าเป็นพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ถ้าบริโภคในปริมาณที่พอดีก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับปริมาณสารที่จำเป็นช่วยส่งผลให้มีสุขภาพที่ดี นอกจากนี้การปลูกบีทรูทก็สามารถเพาะปลูกได้ไม่ยาก ถึงแม้ว่าจะเป็นพืชเมืองหนาว แต่การปลูกไว้ทานเองก็สามารถทำได้เช่นกัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพืชผักที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
เรื่องราวของบีทรูทพืชเมืองหนาวนั้น ถือว่าเป็นเรื่องราวที่มีการสืบเสาะค้นหากันอย่างแพร่หลาย เพราะว่าเป็นพืชที่สามารถนำมาประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ และการนำมาทำเป็นเครื่องดื่มก็ดีด้วยเช่นกัน ถือว่าเรื่องราวในครั้งนี้จะมีประโยชน์สำหรับเกษตรกรและผู้ที่สนใจในการจะเริ่มต้นหาพืชเพื่อปลูกไว้ทานเองอย่างบีทรูทแน่นอน ถึงแม้จะเป็นพืชฤดูหนาวก็สามารถปลูกทานเองไว้ที่บ้านได้เช่นกัน แต่ต้องคอยดูดินว่ามีอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วยหรือไม่ เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่นำมาฝากกัน ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท
แหล่งข้อมูลอ้างอิง ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท
https://www.honestdocs.co/benefits-of-beetroot-ideas-to-eat-beetroot-for-health,http://zen-hydroponics.blogspot.com/2014/09/beet-root.html,https://www.greennet.or.th/%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%97-5608bht/,https://www.laservisionthai.com/health-corner/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%97,https.pixabay.comthphotos ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท ประโยชน์ของบีทรูท