“ บ่อตกกุ้ง ” ธุรกิจกระแสที่เกิดขึ้นราวกับดอกเห็ด ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ธุรกิจนี้เป็นที่นิยมชมชอบของนักลงทุน ควบคู่กับการเปิดร้านอาหารร่วมด้วย ซึ่งกิจกรรมการตกกุ้งนั้นถือว่าเป็นกิจกรรมเรียกแขกเลยก็ว่าได้ เพื่อให้เป็นจุดดึงดูดลูกค้า นักท่องเที่ยว ที่นิยมชมชอบการตกกุ้งมาประลองฝีไม้ลายมือกัน
จุดเริ่มต้นของการทำ บ่อตกกุ้ง
แต่ทุกธุรกิจย่อมมีปัญหา เช่นเดียวกับบ่อตกกุ้ง จะสังเกตเห็นว่า มีบ่อตกกุ้งหลายที่เจ๊ง แต่หลายที่กลับรุ่ง อะไรคือตัวผันแปรในธุรกิจนี้ วันนี้นิตยสารสัตว์น้ำมีคำตอบมาให้ทุกท่านค่ะ โดยการเดินทางไปยัง “บ่อตกกุ้งแฟมิลี่” คุณเนก เป็นเจ้าของร้าน ซึ่งบ่อตกกุ้งของคุณเนกนั้นจะเน้นการบริหารงานแบบครอบครัว ทุกคนช่วยกันทำ ที่สำคัญคือการไม่เอาเปรียบลูกค้า
จุดเริ่มต้นของการเปิดธุรกิจบ่อตกกุ้ง คุณเนกได้เล่าว่า เดิมทีแต่ก่อนตนเป็นพนักงานบริษัทโรงงานฉีดพลาสติก ฉีดสี กินเงินเดือนประจำอยู่หลายปี แต่ด้วยงานอดิเรกที่ตนชอบตกปลาเป็นชีวิตจิตใจตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว โดยเน้นการตกปลาที่ใช้เหยื่อปลอมเป็นหลัก
แต่ด้วยต้นทุนของเหยื่อที่มีราคาค่อนข้างสูง บวกกับองค์ความรู้ในการฉีดแม่พิมพ์จากการทำงานของคุณเนก จึงทำให้คุณเนกตัดสินใจลองผลิตเหยื่อปลอมขึ้นมาใช้เอง รวมถึงแบ่งให้เพื่อนในวงการใช้ ซึ่งการผลิตเหยื่อตกปลาปลอมนี้เองที่เป็นจุดพลิกผันให้คุณเนกสามารถสร้างเม็ดเงินได้จำนวนมาก จากการโพสขายเหยื่อปลอมในเพจ เฟสบุ๊ก ซึ่งยุคนั้นถือว่า เป็นยุครุ่งเรืองของคุณเนกเลยก็ว่าได้ จนตัดสินใจลาออกจากงาน และหันมาทำธุรกิจเหยื่อตกปลาแบบจริงจังเมื่อปี 2554
จนเมื่อธุรกิจนี้เฟื่องฟูมากขึ้น นักธุรกิจขาใหญ่ได้ลงมาจับธุรกิจนี้ร่วมด้วย ส่งผลให้ราคาขายสินค้าถูกลง ซึ่งคุณเนกยอมรับว่าสมัยนั้นธุรกิจเหยื่อปลาก็เริ่มซบเซาลง เนื่องจากแข่งราคาขายกับเจ้าใหญ่ไม่ได้
“ตอนที่ธุรกิจเหยื่อตกปลาเราเริ่มซบเซาลง เราก็ต้องมองหาลู่ใหม่ว่าจะทำอะไรดี เพราะถ้ายังฝืนทำเหยื่อตกปลาอยู่เราก็ไปไม่รอด เพราะเราสู้ต้นทุนเจ้าใหญ่ไม่ไหว ประกอบกับภาระเรื่องครอบครัวที่เราเป็นหัวหน้า เป็นพ่อของลูก เราก็ต้องมองหาอาชีพอื่นล่ะว่าจะทำอะไรดีที่สามารถสร้างเม็ดเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวได้”
สภาพพื้นที่บ่อปลากะพง
จนกระทั่งเมื่อปี 2559 คุณเนกได้เปิดบ่อตกปลากะพงขึ้นบนพื้นที่น้ำกว่า 1.5 ไร่ จากการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าจะไปได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่จะเปิดบ่อขึ้นมา คุณเนกได้ไปศึกษาวิธีการจัดการบ่อให้ได้คุณภาพ เรียกว่าศึกษามานานหลายเดือนกว่าจะเปิดบ่อตกปลากะพงแบบจริงจัง ซึ่งจากการศึกษาและนำมาปรับใช้ส่งผลให้ปัจจุบันบ่อตกปลากะพงของคุณเนกมีชื่อในละแวก อ.บางพลี อยู่ไม่น้อย
ซึ่งเทคนิคเรียกนักตกปลาทั้งหลายให้เข้ามาใช้บริการนั้น คุณเนกย้ำว่า เราต้องไม่เอาเปรียบลูกค้าจนเกินไป ซึ่งราคาเบ็ตตกปลาของทางบ่อจะอยู่ที่คันละ 450 บาท ซึ่งทางฟาร์มจะลงปลาทุกๆ วันอังคาร จากนั้นจะให้ปลาได้พัก 4-5 วัน แล้วจะเปิดให้ลูกค้าเข้ามาตกปลาในวันอาทิตย์ (ปลาซิง) และวันจันทร์ (วันเก็บตก) ซึ่งในแต่ละครั้งทางบ่อจะลงปลาประมาณ 150 กิโลกรัม หรือ 120-130 ตัว เฉลี่ยตัวละ 1.2 กิโลกรัม โดยจะมีพ่อค้าขึ้นปลาจากบ่อมาส่งประจำ
เทคนิคการตกกุ้ง
นอกจากบ่อตกปลากะพงแล้ว คุณเนกยังต่อยอดธุรกิจหันมาทำร้านอาหารควบคู่กับการลงทุนทำบ่อตกกุ้งร่วมด้วย เพื่อให้บ่อตกกุ้งเป็นกิจกรรมเรียกแขกเข้าร้าน โดยคิดค่าบริการตกกุ้งเพียงชั่วโมงละ 90 บาท โดยมีอุปกรณ์รวมถึงเหยื่อกุ้งไว้คอยบริการแบบครบชุด นอกจากนี้ในกรณีที่ลูกค้าไม่เคยตกกุ้ง ทางร้านจะสอนเทคนิคการตกกุ้งให้ฟรีแบบไม่หวงวิชา ซึ่งการันตีว่าลูกค้าที่เข้ามาตกกุ้งที่บ่อจะได้กุ้งกลับบ้านแน่นอน 100 %
ฝากถึงผู้ที่สนใจตกกุ้ง และปลากะพง
นอกจากนี้หากลูกค้าท่านใดตกกุ้งได้แล้ว แต่ไม่อยากนำกลับบ้าน ก็สามารถส่งต่อให้แม่ครัวของทางร้านปรุงเป็นเมนูอาหารได้หลากหลายเมนู รวมถึงลูกค้าท่านใดที่อยากซื้อกุ้งกลับบ้าน ทางร้านก็มีกุ้งสดแบบเป็นๆ ไว้คอยบริการในราคาย่อมเยาแน่นอน เสมือนไปซื้อจากปากบ่อกุ้งเลยทีเดียว บ่อตกกุ้งแฟมิลี่นอกจากมีกิจกรรมตกกุ้ง ตกปลากะพง แล้ว ยังมีทีเด็ดเรื่องรสชาติอาหารที่ถูกปาก ถูกใจ ในราคาสบายกระเป๋าอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ บ่อตกกุ้ง &ร้านอาหาร ไทย อีสาน family ณ.บางพลี โทร : 090 014 0748