“ข่า” เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร และโรคผิวหนังได้ มีประโยชน์ทางโภชนาการ นำมาทำเครื่องปรุงอาหาร ทำน้ำพริก แกงได้หลายชนิด เพราะฉะนั้นข่าจึงเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เกษตรกรสามารถปลูกเพื่อจำหน่ายสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว ซึ่งเป็นช่องทางทำมาหากินได้อีกหนึ่งช่องทาง “ข่า” ที่เกษตรกรไทยนิยมปลูกมากที่สุด คือ ” การปลูกข่าแดง ” (บางท้องที่เรียก ข่าหยวก ข่าใหญ่ ข่าหลวง เป็นต้น) ในขณะที่สายพันธุ์ข่าที่พบในบ้านเราจะแบ่งออกได้ 4 ชนิด คือ
- ข่าลิง ซึ่งเป็นข่าที่มีเหง้าขนาดเล็ก และมีกลิ่นฉุน
- ข่าเหลือง จัดเป็นข่าใหญ่ที่มีเนื้อสีเหลือง กลิ่นไม่ฉุน บางท้องที่นิยมนำมาใส่ในต้มข่าไก่
- ข่าหลวง จัดเป็นข่าที่มีขนาดใหญ่ มีสีขาวอวบ เนื้อสีขาว และมีกลิ่นอ่อน
- ข่าแดง จัดเป็นข่าใหญ่ขนาดกลาง มีกลิ่นฉุน และเป็นข่าที่เกษตรกรไทยนิยมปลูกมากที่สุด
“ข่า” ยังจัดเป็นพืชสมุนไพร หรือเครื่องแกงพื้นบ้าน ที่นำมาเป็นส่วนประกอบของน้ำพริกนานาชนิด ประโยชน์ทางด้านการแพทย์แผนไทย มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร และโรคผิวหนังได้
การปลูกข่าแดง
ที่บ้านเลขที่ 857 ม.5 ต.หนองใหญ่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่มีการ “ปลูกข่าจำหน่าย” เป็นอาชีพเสริมนานมากว่า 10 ปี ด้วยเพราะข่าแดงบางที่เรียกข่าหยวก เป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่ปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก
คุณอี๊ด ขจรกิดาการ เป็นเกษตรกรที่ผู้เขียนได้รู้จักผูกพันกับครอบครัวของท่านมานานกว่า 30 ปี ท่านมีประสบการณ์ปลูกข่าจำหน่ายมานานกว่า 20 ปี ท่านเล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนสมัยที่คุณยายทุม (คุณแม่ของท่าน) มีอาชีพทำไร่ ทำนา เท่านั้น ส่วนข่านั้นยังไม่ได้สนใจปลูกจริงจังเท่าไหร่ ต่อมาได้มีโรงงานน้ำตาลเข้ามาก่อตั้งในอำเภอ
คุณยายทุมจึงนำพันธุ์ข่ามาปลูก และนำไปจำหน่ายให้กับพนักงานในโรงงาน สมัยนั้นปลูกไว้ไม่กี่กอ ก็สามารถนำไปจำหน่าย เป็นการเพิ่มรายได้จากการทำไร่ ทำนา ได้เป็นอย่างดี และต่อมาก็เลิกปลูกไประยะหนึ่ง เนื่องจากลูกๆ โตและไปทำงานที่อื่นกันหมด
พี่อี๊ดเล่าว่ามาเริ่มทดลองปลูกกันใหม่ตอนที่มีหลาน และต้องเลี้ยงหลานอยู่กับบ้าน ไม่มีอะไรทำ คุณยายทุมจึงแนะนำให้ลองปลูกข่าไว้จำหน่ายใหม่ เริ่มปลูกไม่กี่กอ จนสามารถขยายพันธุ์ปลูกได้ถึง 1 ไร่เศษ จากนั้นก็มีการปลูกจำหน่ายเป็นรายได้เสริมมาจนทุกวันนี้
ผู้เขียนเองเห็นว่าการปลูกข่านั้นเป็นรายได้เสริมที่ดี จึงได้นำเรื่องราวการปลูกข่าเพื่อจำหน่ายเป็นรายได้เสริมมานำเสนอในคอลัมน์นี้
สภาพพื้นที่ปลูกข่าแดง
ใน การปลูกข่าแดง ให้ประสบผลสำเร็จ ประการแรก คือ สภาพดินปลูกควรจะเป็นดินร่วนปนทราย และจะต้องไม่มีน้ำท่วมขัง ไม่ควรปลูกข่าในสภาพพื้นที่ดินเหนียว เพราะจะลงหน่อน้อย เริ่มต้นจากการเตรียมดิน คือ ไถดะ ไถแปร และไถพรวน ชักร่องเหมือนกับการปลูกอ้อย ระยะปลูกที่แนะนำ คือ ระหว่างกอและระหว่างแถว 80×80 เซนติเมตร พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ประมาณ 2,500 หลุม (เกษตรกรบางรายมีพื้นที่น้อยอาจจะปลูกระยะชิดกว่านี้ อาจจะปลูกถึง 3,000 หลุม ก็ได้)
ในการเตรียมต้นพันธุ์ข่าแดง จะใช้เหง้าอ่อนหรือเหง้าแก่ก็ได้ มีข้อดี ข้อด้อย ต่างกัน คือ เมื่อใช้เหง้าอ่อนปลูกจะพบการแตกเหง้า และเจริญเติบโตเร็ว แต่จะใช้เงินลงทุนในการซื้อพันธุ์สูง ในพื้นที่ปลูกข่าแดง 1 งาน จะต้องใช้เงินลงทุนในการซื้อเหง้าอ่อนถึง 6,000 บาท แต่ถ้าจะใช้เหง้าแก่ทำพันธุ์จะพบว่าต้นเจริญเติบโตช้ากว่า
แต่จะประหยัดค่าพันธุ์ปลูกกว่าใช้เหง้าอ่อนถึงเท่าตัว เหง้าข่าที่นำมาปลูกนั้นจะใช้ที่ขุดมาจากแปลงและสลัดดินออก แยกเหง้าไปปลูกได้เลย หรือเกษตรกรบางรายยอมเสียเวลานำเหง้าที่ขุดมาจากแปลงนำมาตัดรากเก่าทิ้งเพื่อให้รากใหม่เจริญออกมาเต็มที่ก่อน แล้วค่อยนำไปปลูกก็มี
การให้น้ำและปุ๋ยต้นข่า
ในการปลูกข่าให้ขุดหลุมลึกประมาณ 1 หน้าจอบ รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยอินทรีย์พวกมูลสัตว์ต่างๆ วางเหง้าข่าลงหลุมแล้วกลบดินให้เรียบร้อย รดน้ำให้ชุ่ม การปลูกข่าแดง จะมีการให้น้ำแบบวิธีปล่อยเข้าร่องเหมือนกับการปลูกอ้อย หรือข้าวโพด การให้น้ำจะเน้นในช่วงฤดูแล้ง จะให้น้ำ 5-7 วัน หลักการกว้างๆ ของการให้น้ำ ก็คือ อย่าให้หน้าดินแห้ง ในช่วงฤดูฝนการให้น้ำไม่มีความจำเป็น ใน การปลูกข่าแดง 1 หลุม จะใช้เหง้าข่าประมาณ 0.5-1 กิโลกรัม
สำหรับพี่อี๊ดมีประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากคนอื่น คือ ไม่ใส่ปุ๋ยมากนัก เพราะจะทำให้ข่ามีขนาดโตเกินไป ทำให้ขายยาก แม่ค้าที่รับซื้อชอบข่าที่มีเหง้า หรือหัวเล็กๆ เพราะเวลานำไปมัดเป็นกำจะทำให้ดูสวย และขายง่าย การดูแลรักษาข่าของพี่อี๊ดจึงง่ายมาก ไม่ต้องใช้ปุ๋ยอะไรเลย เนื่องจากดินที่ปลูกเป็นดินดี มีแร่ธาตุอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักมีความสำคัญต่อการปลูกข่า ถ้าสภาพดินมีอินทรียวัตถุน้อยควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ในช่วงเตรียมแปลงก่อนปลูก ใน การปลูกข่าแดง ช่วงแรกอาจจะพบปัญหาเรื่องหญ้า จะต้องกำจัดวัชพืชก่อน มีการใช้แรงงานคนถางหญ้าเพียง 3 ครั้ง เท่านั้น เมื่อกอข่าเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ใบข่าจะปกคลุมดิน ปัญหาเรื่องวัชพืชจะลดน้อยลง หลังจากที่ลงแปลงปลูกข่าได้ประมาณ 3 เดือน ก็เริ่มเก็บหน่อข่าอ่อนได้แล้ว
แต่ข่าจะให้หน่ออ่อนเต็มที่เมื่อข่าอายุได้ประมาณ 8 เดือน-1 ปี และสามารถเก็บได้ยาวไปจนถึง 10 ปี
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายข่า
สำหรับเกษตรกรที่คิดจะปลูกข่าแดงจะต้องทราบข้อมูลเบื้องต้นก่อนว่าหลังจากปลูกข่าลงดิน เมื่อต้นข่ามีอายุต้นได้ 8 เดือน-1 ปี ข่าที่ขุดได้ในช่วงอายุนี้จะเป็นข่าอ่อนทั้งหมด ซึ่งตลาดรับซื้อส่วนใหญ่ต้องการข่าอ่อนเป็นหลักก็จริง แต่กอข่าที่มีอายุระหว่าง 8 เดือน-1 ปี นั้น ยังมีขนาดกอเล็ก เมื่อขุดข่าขึ้นมาจะได้น้ำหนักเฉลี่ย 3-5 กิโลกรัม ต่อกอเท่านั้น
ช่วงที่เหมาะต่อการขุดข่าแล้วได้กำไรสูงสุด ควรขุดข่าที่มีอายุต้น 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง ซึ่งใน 1 กอ จะขุดข่าได้น้ำหนักเฉลี่ย 8-10 กิโลกรัม และมีสัดส่วนของข่าอ่อนประมาณ 70% และข่าแก่อีก 30% แต่ถ้าเกษตรกรขุดข่าที่มีอายุกอตั้งแต่ปีครึ่งขึ้นไป จะได้ข่าแก่ที่มีสัดส่วนมากขึ้นตามลำดับ
ฝากถึงผู้ที่สนใจปลูกข่า
ก่อนจบในคอลัมน์นี้ ผู้เขียนก็อยากจะฝากอาชีพการปลูกข่าไว้ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเกษตรกรไทย ซึ่งเชื่อว่าขณะนี้มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยพื้นที่ที่ปลูกในเชิงพาณิชย์ ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา อ่างทอง เพชรบุรี ราชบุรี อุบลราชธานี และนครสวรรค์ เป็นต้น ในสภาพของความเป็นจริง “ข่า” เป็นพืชสวนครัวอีกชนิดหนึ่งที่ใช้เงินลงทุนน้อย ถ้ามีการจัดการที่ดี ไม่จำเป็นจะต้องใช้สารฆ่าแมลงฉีดพ่น แต่ถ้าจะปลูกข่าในเชิงพาณิชย์ให้ประสบความสำเร็จ ตัวเกษตรกรจะต้องมีความขยัน และใจเย็น
สรรพคุณของข่า
และสุดท้ายเป็นของแถมค่ะ คือสรรพคุณของข่าแดงซึ่งเก็บมาฝากกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ดังนี้
- เป็นยาแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อ ขับลม
- แก้อาหารเป็นพิษ
- เป็นยาแก้ลมพิษ
- เป็นยารักษากลากเกลื้อน โรคผิวหนัง ติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา
วิธีและปริมาณที่ใช้
–รักษาท้องขึ้น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม แก้ท้องเดิน (ที่เรียกโรคป่วง) แก้บิด อาเจียน ปวดท้อง
ใช้เหง้าข่าแก่สดยาวประมาณ 1 นิ้ว ตำให้ละเอียด เติมน้ำปูนใส ใช้ดื่มวันละ 3 เวลา หลังอาหาร
–รักษาลมพิษ
ใช้เหง้าข่าแก่ๆ ที่สด 1 แง่ง ตำให้ละเอียด เติมเหล้าโรงพอให้แฉะๆ ใช้ทั้งเนื้อและน้ำทาบริเวณที่เป็นลมพิษบ่อยๆ จนกว่าจะดีขึ้น
–รักษากลากเกลื้อน โรคผิวหนัง
ใช้เหง้าข่าแก่เท่าหัวแม่มือ ตำให้ละเอียด ผสมเหล้าโรง ทาที่เป็นโรคผิวหนังหลายๆ ครั้งจนกว่าจะหาย
สนใจติดต่อที่ คุณอี๊ด ขจรกิดาการ 857 ม.5 ต.หนองใหญ่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี 20190 โทร.087-7609-3911