สวนยาง แบบผสมผสาน ต้องแบบนี้ซิ..ถึงจะใช่

โฆษณา
AP Chemical Thailand

คนภาคใต้ประกอบอาชีพ “ ทำสวนยาง ” มานานไม่ต่ำกว่า “ครึ่งศตวรรษ” และได้สืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วอายุคน

นั่นเท่ากับเป็น “ตราประทับ” ได้ว่า อาชีพนี้มีความยั่งยืน

ผู้ที่มีคุณูปการยิ่งต่ออาชีพสวนยาง ก็คือ พระยารัษฎานุประดิษฐ มหิศรภักดี (คอ ซิ บี้ ณ ระนอง) ผู้นำยางพารา “ต้นแรก” จากประเทศมาเลเซีย มาปลูกในประเทศไทย เมื่อปี 2442 อ.กันตัง จ.ตรัง ก่อนจะถูกนำไปขยายพันธุ์ทำเป็นสวนยางขึ้นมา และนั่นก็คือ “ปฐมบท” ของยางพาราเมืองไทย

นับจากนั้นพื้นที่ปลูกยางจะกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จนสามารถก้าวนำมาเลเซีย เป็นผู้ส่งออกยางพารามากที่สุดของโลก และเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ  ทำรายได้เข้าประเทศหลักหลายแสนล้านบาท/ปี

หากแต่การทำสวนยางในยุคนี้ถ้าจะบอกว่าเป็นอาชีพที่ “ยั่งยืน” อาจจะถูกตำหนิว่า “โกหกทั้งเพ” ตามภาษาคนใต้ เพราะวันนี้ ราคายางปรับตัวลดลงแบบน่าใจหาย จนใกล้เคียงกับต้นทุน

สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะมีผลผลิตออกมาจำนวนมาก เฉพาะของไทยปีละ 4.2 ล้านตัน และส่วนหนึ่งเกิดจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทั้งยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น และจีน ผู้ใช้ยางอันดับหนึ่งของโลก

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เมื่ออาชีพสวนยางไม่ “โสภา” จะให้ชาวสวนยางไปประกอบอาชีพอะไร โดยเฉพาะในภาคใต้ที่มีพืชเศรษฐกิจให้เลือกไม่มากนัก มีแค่ “ยาง” กับ “ปาล์ม”

คำถามเดียวกันถ้าชาวสวนยางโค่นยางไปปลูกปาล์มกันหมด อนาคตจะตกระกำลำบากเหมือนยางหรือไม่…???

ฉะนั้นถ้ายังจะยืนหยัดอยู่อาชีพนี้ ทำอย่างไรจึงจะอยู่รอด ทำอย่างไรจึงจะยั่งยืน ตรงนี้ต่างหากคือ “คำตอบ” ที่ต้อง “เสิร์ชหา”

  ถ้าชาวสวนยางยังมึนและมืดแปดด้านกับราคายาง ไม่ต้องไปหาที่ไหน เพราะยางเศรษฐกิจมี 3 แนวทาง มาให้ดูเป็นตัวอย่าง

หนึ่งในนั้นคือ การทำสวนยาง “แบบผสมผสาน” ไม่ “ฝากจมูก” ไว้กับยางอย่างเดียว แต่ “สร้างจมูก” ขึ้นมาหลายๆ จมูก หากจมูกไหนมีปัญหา ก็ยังมีอีกหลายจมูกไว้หายใจ

เปรียบเสมือนกับการปลูกพืชหลายๆ ตัว ทั้ง “แซม” และ “เสริม” ในสวนยาง ซึ่งมีให้เลือกอย่างหลากหลาย เช่น

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ปลูกพืช และเลี้ยงสัตว์

สมาชิก ยางเศรษฐกิจ
สมาชิก ยางเศรษฐกิจ

ไอเดียเลิศ เลี้ยงปลาน้ำจืดในร่องยาง ขาย กก.ละ 80 บาท

     สวนยางบนพื้นที่ 6 ไร่ ของ อ.วิรัตน์  กาญจนพรม  อาจารย์วิทยาลัยเกษตร และเทคโนโลยี จ. ตรัง เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจน เพราะพื้นเพียงเท่านี้หากปลูกยางอย่างเดียว ก็อาจจะ “เจ๊ง” สถานเดียว

แต่หากหันมาใช้พื้นที่ว่างทุกตารางนิ้วระหว่างสวนยาง 7×3 เมตร ให้เกิดประโยชน์สูง อ.วิรัตน์ พิสูจน์แล้วว่ามันคือความยั่งยืน

บ่อปลาสร้างรายได้ยางยางราคาตก
บ่อปลาสร้างรายได้ยางยางราคาตก

“ช่วงวิกฤติราคายางพารา ได้ปรับตัวลดลง อย่างทุกวันนี้ ยังสามารถนำมาปรับสถานการณ์ได้

  แต่หากเรายังปล่อยเพื่อหวังผลราคาตามตลาดสูงเพียงอย่างเดียว โดยไม่หาอะไรมาปลูกเสริม เพิ่มมูลค่า ให้กับพื้นที่

โฆษณา
AP Chemical Thailand

และควรหาพืชที่เหมาะอยู่ด้วยกันได้ โดยนำมาพิจารณากับตัวเองว่าชอบเลี้ยงสัตว์ หรือปลูกพืช หากมั่วแต่หวังรอให้

หน่วยงานภาครัฐมาช่วยต่อไปเราก็จะอยู่ลำบาก ” นายวิรัตน์บอก

แนวทางของเขาคือ การปรับพื้นที่ว่างเปล่าในสวนยาง โดยยกร่องขึ้นทำแปลงเกษตรอินทรีย์ ตามความเหมาะสม หรือไม่ให้กระทบกับต้นยาง จากนั้นได้ปลูกผักเหมียง ผักพืช และผักสวนครัว แซมด้วยต้นมะพร้าว ปาล์มน้ำมัน และยังได้ใช้พื้นที่ว่างอีกส่วนขุดบ่อเลี้ยงปลาน้ำจืด  ทำคอกเลี้ยงไก่ เป็ด ห่าน แพะ และเพาะเห็ด อีกด้วย

ส่วนที่น่าสนใจคือ การเลี้ยง ปลานิล สวาย กด และปลาดุก ในบ่อขนาดเล็กเพียงแค่ 2 เมตร ระหว่างแถวต้นยาง  บ่อดังกล่าวมีความกว้าง 2 เมตร ยาง 4 เมตร  และลึก 1 เมตร ปูพื้นบ่อด้วยผ้าคลุมพลาสติก หลังจากนั้น นำเอาดินใส่ลงก้นบ่อพอประมาณ จากนั้นปล่อยน้ำลงจนเต็มบ่อ นำผักตับชวาลงปลูก เพื่อสร้างให้เหมือนบ่อธรรมชาติ บ่อขนาดนี้สามารถเลี้ยง ปลาได้ถึง 400 ตัว

“เราต้องมีมุ้งไนลอนกั้นปากขอบบ่อให้ดี เพื่อป้องกันศัตรูปลาและป้องกันปลากระโดดหนี”

แต่อย่าลืมว่าบ่อขนาดเล็กๆ อย่างนี้ นำไม่หมุนเวียน มีโอกาสเสี่ยงน้ำเน่าเสียได้ง่าย ถ้าไม่เปลี่ยนน้ำบ่อยๆ  แต่วิธีแก้ปัญหาก็คือ ถ้าหาก น้ำเกิดเน่าเสีย ให้นำเอา EM. เทลงไปในบ่อเพื่อบำบัดน้ำเสีย โดยไม่เป็นอันตรายกับปลา

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เมื่อปลาอายุได้ 8 เดือน ปลาจะตัวโตตามขนาด  สามารถจับเข้าครัวเป็นอาหาร ที่เหลือจับขายเป็นรายได้เสริม

     นอกจากนี้แล้ว เขายังเลี้ยงปลาไหลด้วยเล่นกัน แต่บ่อจะใหญ่และลึกกว่า มีความกว้าง 2 เมตร ยาว  6 เมตร ลึก 30- 50 ชม.แต่จะต่างกันตรงที่ก้นบ่อจะเอาหนังสัตว์อย่างหนังวัวควาย รองพื้นทับพลาสติกอีกชั้น จากนั้นนำเอา

ดินทับถมขึ้นประมาณ 6 นิ้ว หากใส่ดินน้อยกว่านั้นก็จะเกิดกลิ่นได้

     หลังจากนั้นนำเอาผักตบชวาลงปลูก ปล่อยน้ำลงให้เต็มบ่อ และนำปลาไหลตัวเล็กๆ ลงบ่อเลี้ยงได้เลย

การเลี้ยงให้เอาเศษเนื้อที่เน่าเปื่อยเป็นอาหาร ระยะเวลาประมาณ 8 เดือน ก็จับขายกิโลละ 80 บาท

“ประมาณ 4 ตัว จะได้ 1 กก.”

โฆษณา
AP Chemical Thailand
พื้นที่เลี้ยงแพะ 1 งาน
พื้นที่เลี้ยงแพะ 1 งาน

ส่วนการเลี้ยง เป็ด ไก่ เป็นสัตว์ปีกตาบอดสี แต่จะหากินได้ไม่ไกล ฉะนั้น การเลี้ยงพวกนี้ จึงปล่อยให้ออกหากินเอง

เฉพาะช่วงเวลา 4-5 โมงเย็น โดยทำคอกให้มันอยู่ พอค่ำลงก็จะกลับเข้านอนเอง ตอนเช้าก็จะไข่ออกให้เก็บ

    นอกจากนั้นยังมีการเลี้ยงแพะเนื้อในพื้นที่ว่าง ซึ่งแพะเป็นอาหารของคนปักษ์ใต้ชอบรับประทาน ราคขาย  กก.ละ 200 บาท   แต่ว่าแพะเป็นสัตว์ชอบนอนบนที่สูง จึงต้องทำบ้านยกสูงให้มันอยู่ และส่วนหนึ่งปล่อยเลี้ยงตามสวน

แต่ปัญหาคือ การปลูกพืชกับเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่เดียวกัน จะทำอย่างไรไม่ให้สัตว์มากัดกินและทำลายพืชผัก

          อ.วิรัตน์ บอกว่า “สัตว์ทุกชนิด จะไม่กินมูล ขี้ของตัวเอง เราก็เอามาโรยหรือหว่านลงแปลงผัก เมื่อมันมาเห็นก็จะไม่เข้ามา ใกล้อีก เรายังได้ปุ๋ยจากใส่ผักด้วย อย่าง ไก่ หากมาคุ้ยเขี่ยแปลงผัก ก็นำหนามระกำใส่ ตามร่องระหว่างแปลงผัก

เมื่อไก่คุ้ยเขี่ยแปลงผัก ก็จะโดนหนามระกำปักนิ้ว จากนั้นจะกลัวไม่มาอีก นี้เป็นเคล็ด แบบเกลือจิ้มเกลือ นี่แหละเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือภูมิปัญญาชาวบ้าน จากความเฉลียวฉลาด ของบรรพบุรุษ หรือสมัย ปู ย่า ตา ยาย ควรนำมาปรับใช้ให้เข้ากันได้กับสภาพแวดล้อม ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยไม่สิ้นเปลือง ทุกอย่างสามารถแก้ปัญหาได้”

โฆษณา
AP Chemical Thailand

สวนยางผสมผสานพื้นที่ 6 ไร่ ของ อ.วิรัตน์ กลายเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ของ จ.ตรัง ตั้งอยู่ เลขที่  107/ 1 หมู่ 12  บ้านหนำควาย ต.นาท่ามเหนือ อ.เมือง จ.ตรัง เป็นอีกตัวอย่างแห่งหนึ่ง จัดเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ถึง “วิถีชีวิต” เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน สู่เศรษฐกิจพอเพียง

    

มะนาว มะละกอ และปลากัด ทำรายได้เสริมให้หมอดินอาสา จ.ตรัง

นาย ประกิจ จิตใจภักดิ์  เกษตรกรหัวก้าวหน้า แห่ง อ.นาโยง จ.ตรัง และยังมีตำแหน่ง “หมอดินอาสา” พ่วงอยู่ด้วย

แม้ว่าจะจบการศึกษาเพียงแค่ ม.6 แต่ด้วยความเป็นนักเรียนรู้ตลาดเวลา จึงทำให้เขามีองค์ความรู้หลากหลายด้าน ทั้งด้าน ดิน พืช และปศุสัตว์ ก่อนจะนำความรู้ทั้งหมดมาใช้กับพื้นที่ที่มีอยู่กว่า 34 ไร่ กลายเป็นไร่นาสวนผสม สร้างรายได้จากหลายทาง

เขาเล่าว่า อดีตครอบครัวของเขาประกอบทำสวนยาง ซึ่งเป็นอาชีพ “ฐานหลัก” ของคนตรัง แต่มีไม่มากนัก เพราะครอบครัวของเขาทำธุรกิจเลี้ยงหมู และรับจ้างสีข้าว ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรในช่วงนั้น จึงคิดจะลงทุนให้ใหญ่ และมีผลกำไรมากขึ้น แต่กลับต้อง “ล้มพับ” เพราะเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงปี 2539-2540 และกลายเป็นคนมีหนี้สินติดตัว

บทเรียนความล้มเหลว เพราะโลภกำไร จากครั้งนั้น ทำให้เขาเปลี่ยนแนวความคิดการทำอาชีพเกษตร จากเชิงธุรกิจ มาเป็นแบบพอเพียง โดยแบ่งพื้นที่ปลูกยาง 20 ไร่ ที่เหลือทำแปลงเกษตรผสมผสาน งเช่น การปลูกผักกาด คะน้า และไม้ผล อย่าง ทุเรียน มะนาวแป้นพิจิตร มะละกอกินผลสุกพันธุ์ เรดดี้  มะพร้าว  ปาล์มน้ำมัน และ นาข้าว เป็นต้น

โฆษณา
AP Chemical Thailand
บ่อเลี้ยงปลากัด
บ่อเลี้ยงปลากัด

“นาข้าวเป็นแบบนาปีมีจำนวน  4 ไร่ เมื่อถึงช่วงฤดูทำนาก็จะเอาปลาน้ำจืดลงเลี้ยง เช่น ปลานิล ดุก ตะเพียน ปลาสวาย และยังเลี้ยงปลากัดในบ่อซีเมนต์ อีกด้วย”

      ปลากัด เป็นปลาสวยงาม ปลานักสู้ที่คนใต้นิยมเลี้ยงไว้ทำกิจกรรมยางว่าง เขาเลี้ยงไว้จำนวน 80 บ่อ สามารถคัดขายได้ตัวละ 120 บาท

นายประกิจยังเล่าอีกว่า นอกจากสวนยางแล้ว ยังมีรายได้ประจำเดือนประมาณ  4,000 กว่าบาท นั้น คือ ขายกิ่งพันธุ์มะนาวแป้นพิจิตร ที่ปลูกต้นแม่พันธุ์ไว้ในบ่อซีเมนต์  ราคาขายกิ่งละ 80 บาท  เพราะมะนาวเป็นพืชสวนครัวที่ทุกบ้านต้องใช้ปรุงอาหาร และราคาจะแพงมากในช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน ลูกละ 7 บาทขึ้นไป คนก็ชอบที่จะซื้อไปปลูกไว้กินเองบ้าง หรือปลูกขายบ้าง

มะนาว ขายทั้งผล และตอนขายกิ่งพันธุ์
มะนาว ขายทั้งผล และตอนขายกิ่งพันธุ์

     “มะนาวยังเหมาะกับการปลูกไว้กินกันเองภายในครัวเรือน หากแต่ลงปลูก อย่างน้อยไม่เกิน 4- 5 วงบ่อซีเมนต์ก็ยังสามารถเก็บออกไปขายได้ ไม่ว่าจะปลูกลงในวงบ่อซีเมนต์ หรือปลูกลงกับดิน ก็จะใช้พื้นที่ไม่มาก”

อย่างมะนาวแป้นพิจิตร เขาบอกว่าปลูกในวงบ่อซีเมนต์ 2 งานเศษ ประมาณ  50 กว่าต้น ใช้วงท่อซีเมนต์ขนาด เส้นผ่านศูนย์กลาง 80 ชม. สูง 80  ชม. เจาะรูด้านข้าง ประมาณ 4 รู แล้วนำเอาวัสดุ หรือปุ๋ยคอกรองก้นหลุม และดินผสมแกลบคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำลงใส่ในวงท่อให้เต็ม จากนั้น ให้เอากิ่งพันธุ์ลงปลูกได้เลย

มะนาวจะใช้ในระยะเวลา 6-7  เดือนก็ให้ผลผลิต  ต้นหนึ่งได้มากถึง 300 ผลขึ้นไป รอบ 1 ปี จะให้ผลผลิต 4 รุ่น ถ้าขยันยังตอนขายได้อีกด้วย

โฆษณา
AP Chemical Thailand
มะละกอพันธุ์เรดดี้
มะละกอพันธุ์เรดดี้

“ปีหน้าจะทำมะนาวให้ออกนอกฤดูอย่างเดียวเลย ด้วยวิธีการจะบังคับให้ออกผล ในช่วงขาดตลาด จะเริ่มตัดแต่งกิ่งก่อนเข้าช่วงเดือนตุลาคม เมื่อฝนเริ่มตก จะใช้พลาสติกปกคลุมต้น หรือป้องกันเพื่อให้อดน้ำ และปุ๋ย ถัดไป 4-5 เดือน เริ่มมีอาการต้นเฉา หรือใบเหี่ยวแห้ง ก็จะให้น้ำ และบำรุงปุ๋ย มะนาวก็จะให้ดอกออกมา ติดผลให้เก็บเกี่ยวได้  ช่วงเข้าเดือน มีนาคม- เมษายน”

นอกจาก รายได้จากมะนาวแล้ว ยังมีมะละกอเรดดี้เป็นพันธุ์ เหมาะปลูกกับพื้นที่ดินดอน เขาไปได้มาจาก มหาวิทยาแม่โจ้ และได้ปลูกในพื้นที่ 1 ไร่ จำนวน 100  ต้น ให้ผลผลิตได้ 2 รุ่น ขณะราคา กก. 50 บาท มะละกอลูก 1 จะได้ 8 ขีด ต้นหนึ่งจะขายได้ เฉียด 2,000 บาท

เลี้ยงเป็ด สร้างรายได้เสริม

  ปัจจุบันมีเกษตรกร ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด นิสิต นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานราชการ เอกชน

และอื่นๆ เข้ามาศึกษาดูงานในพื้นที่แปลงไร่นาสวนผสมนี้ทุกเดือน ซึ่งเป็นสวนที่สร้างรายได้ควบคู่กับงานอนุรักษ์ ได้แก่

การอนุรักษ์ดินและน้ำ ด้วยหญ้าแฝกบริเวณรอบสระและบนพื้นที่ขุดยกร่องเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน

เพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดินและช่วยคัดกรองตะกอนดิน ใช้สารอินทรีย์ เช่น พืชสมุนไพรต่างๆ แทนสารเคมีกำจัดวัชพืช

โฆษณา
AP Chemical Thailand
โรงผลิตน้ำส้มควันไม้
โรงผลิตน้ำส้มควันไม้

การอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยหญ้าแฝกบนพื้นที่ปลูกผักและมะละกอ เพื่อช่วยให้ดินโปร่งร่วนซุยขึ้น

และช่วยรักษาความชื้นในดินในช่วงฤดูแล้ง เขาเคยรับรางวัลพระราชทานประเภทการปลูกและส่งเสริมการปลูกการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระดับประเทศ ประจำปี 2555

การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีพื้นที่ส่งเสริมการปลูกพืชระบบวนเกษตร โดยมีการอนุรักษ์พันธุ์ไม้พื้นเมืองและพันธุ์พืชพื้นเมือง เช่น ต้นหยี ยางนา ผักเหมียง มะขาม และมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น

       ขอขอบคุณ

นายประกิจ  จิตใจภักดิ์ 08-1099-3561

นายวิรัตน์  กาญจนพรม 08-7275-4050

โฆษณา
AP Chemical Thailand

tags: สวนยาง เกษตรแบบผสมผสาน ยาง ปลูกยางพาราแบบผสมผสาน ปลูกยาง ปลูกมะนาว ปลูกมะละกอ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงปลา สวนยาง เกษตรแบบผสมผสาน ยาง ปลูกยางพาราแบบผสมผสาน ปลูกยาง

[wpdevart_like_box profile_id=”112152085551102″ connections=”show” width=”300″ height=”220″ header=”big” cover_photo=”show” locale=”th_TH”]