จากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้พืชสมุนไพรไทย อย่าง “ กระชาย ” เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในแง่ของสารตัวยาทางพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากการศึกษาและงานวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS พบว่าสารสกัดจากกระชายขาวมีฤทธิ์ต้านเชื้อก่อโรคโควิดในหลอดทดลอง
โดยสารสำคัญทั้ง 2 ตัว ที่อยู่ในกระชายขาว มีฤทธิ์ในการยับยั้งไวรัส คือ Pandulatin A , Pinostrobin จากงานวิจัยในหลอดทดลอง พบว่า สารสกัดกระชายขาวมีประสิทธิผลในการยับยั้ง 2 รูปแบบคือ
1.Pandulatin A สามารถที่จะลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อได้
2.Pinostrobin การยับยั้งในการผลิตตัวไวรัสออกจากเซลล์
ซึ่งตรงนี้พบว่า สารสกัดจากกระชายขาวเองยับยั้งได้ ก็คือ เซลล์นั้นไม่สามารถที่จะผลิตตัวไวรัสตัวใหม่ออกมาจากตัวเซลล์ได้เช่นกัน
การปลูกกระชายขาว
กลายเป็นยุคทองของเกษตรกรที่ปลูกกระชายขาว อย่าง คุณวิรัตน์ กาญจนศิริ และ เครือญาติ ที่ยึดอาชีพปลูกกระชายขาวพันธุ์ “รากกล้วย” และพันธุ์ “พวง” ใน ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มานานกว่า 10 ปี ก่อนหน้านี้คุณวิรัตน์ปลูกข้าวโพดฝักอ่อนส่งขายให้กับโรงงานมาก่อน และด้วยราคารับซื้อผลผลิตข้าวโพดฝักอ่อนตกต่ำประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง จึงหันมาปลูกกระชายขาวตามคำชักชวนของญาติๆ จำนวน 5 ไร่ และส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่มาติดต่อรับซื้อถึงสวน
“ช่วงก่อนโควิด-19 จะมา ราคารับซื้อกระชายขาวไม่ได้สูงมาก ราคาขึ้นลงเป็นช่วงๆ ช่วงราคาถูกก็รับซื้อ 10 บาท/กก. แต่หลังจากโควิดมาระบาดหนักรอบที่ 4 ช่วงต้นปี 2564 ราคารับซื้อกระชายขาวพุ่งสูง 90-110 บาท/กก. เป็นราคาที่เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้” คุณวิรัตน์กล่าว
สภาพพื้นที่ปลูก กระชาย ฉบับคุณวิรัตน์
ภายในแปลงปลูกกระชายขาวประมาณ 5 ไร่ เป็นพื้นที่กลางแจ้ง และติดระบบน้ำสปริงเกลอร์ ซึ่งการปลูกกระชายฉบับคุณวิรัตน์ จะยกร่องกว้างประมาณ 4 เมตร ใช้รถตีหลุม และใช้แรงงานหยอด ระยะปลูก 15×15 เซนติเมตร ใช้เหง้ากระชายประมาณ 200-300 กก./ไร่ หลังจากปลูกเสร็จจะใช้ใบอ้อยอัดก้อน ราคา 20 บาท/ก้อน ใช้ใบอ้อยประมาณ 60 ก้อน/ไร่ เพื่อป้องกันวัชพืชขึ้นและเก็บความชุ่มชื่นให้หน้าดิน
เหตุผลที่เลือกใช้ใบอ้อยอัดก้อนเพราะราคาถูกกว่าฟางอัดก้อนประมาณ 10 บาท/ก้อน และใบอ้อยอัดก้อนคลุมหญ้าได้นาน 3-4 เดือน และหากมีหญ้าแซมขึ้นในแปลงจะจ้างแรงงานในพื้นที่มาถอนหญ้า เป็นราคาจ้างแบบเหมา 50 บาท/ชม. หนึ่งรอบการปลูก ใส่ปุ๋ย 3 ครั้ง ในช่วงเตรียมดิน หรือรองก้นหลุม เป็นปุ๋ย “ตราใบไม้” อัตรา 80 กก./ไร่ เพื่อให้รากพืชมีธาตุอาหารครบ และนำไปปรุงอาหารเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตจากวัสดุอินทรีย์ธรรมชาติ ทั้งจากเศษพืช เศษสัตว์ และ จุลินทรีย์
โดยคัดสรรจากส่วนที่มีธาตุอาหารพืชต่างๆ ในปริมาณสูง โดยเฉพาะ ธาตุอาหารรอง และ จุลธาตุ ผ่านการหมักย่อยสลายอย่างสมบูรณ์ ทำให้ธาตุอาหารเป็นประโยชน์ต่อต้นพืชอย่างรวดเร็วและเต็มที่ มีการปรับปริมาณธาตุอาหารพืชชนิดต่างๆ ให้คงที่ และเพียงพอกับความต้องการของต้นพืชตลอดเวลา จึงใช้เป็นแหล่งธาตุอาหารพืชเดี่ยวๆ หรือจะใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมีก็ได้ ทำให้ต้นพืชได้รับธาตุอาหารพืชทุกชนิดครบตามความต้องการ มีการปรุงอาหารเพิ่มมากขึ้น การเติบโต และ การให้ผลผลิต รวมทั้งการสร้างสารตัวยาต่างๆ สูงมากขึ้นเต็มตามศักยภาพพันธุกรรม
การบำรุงดูแลต้นกระชาย
เมื่อต้นกระชายอายุได้ 1-2 เดือน จะใส่ปุ๋ยสูตร 20-8-20 คลุกผสมฮิวมิคอัตรา 2 กก./ปุ๋ย 50 กก. ฮิวมิคจะช่วยเรื่องการแตกรากและแผ่กระจายได้เร็ว และหลังจากกระชายอายุ 4 เดือนขึ้นไป ใส่ปุ๋ย 12-6-3 ควบคู่ไปกับให้อาหารทางด่วนทางใบ “ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดเหลว เพชรใบไม้ 1” อัตรา 1:50 ฉีดพ่นทางใบทุกๆ 7-10 วัน
การให้น้ำใช้น้ำจากบ่อบาดาลปล่อยผ่านระบบสปริงเกลอร์ให้ทั่วแปลงประมาณวันละ 30 นาที ปัญหาที่สำคัญในการปลูกกระชาย คือ “โรคเน่า” โดยเฉพาะในช่วงเดือน ส.ค.- พ.ย. หรือในหน้าฝน จะเกิดปัญหาโรคนี้ค่อนข้างเยอะ เมื่อเป็นแล้วจะลุกลามไปทั่วแปลง ก่อนหน้านี้ใช้สารกำจัดเชื้อราและยารักษาโรคเน่า แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จึงมีกระชายเกิดโรคอยู่ในแปลงเป็นหย่อมๆ ซึ่งต้องฉีดพ่นยากันเชื้อราประคับประคองไปเรื่อยๆ กระทั่งได้ใช้ ปุ๋ยตราใบไม้ และ ปุ๋ยน้ำเพชรใบไม้ 1 พบว่าไม่มีโรคเน่าในแปลงอีก
กระชายเป็นพืชที่ใช้เวลาปลูกนาน 6-7 เดือน ถึงจะขุดได้ ทำให้มีรายได้อยู่ปีละ 1 ครั้ง หรือถ้าตรงกับช่วงราคากระชายตกต่ำจะปล่อยไว้ก่อน ยังไม่ขุดขาย แต่จะเลี้ยงกระชายรากที่ 2 เพื่อให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งการลงทุนปลูกกระชายในแต่ละรอบมีต้นทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 15,000 บาท/ไร่ แบ่งเป็นค่าพันธุ์ 5,000 บาท/ไร่ ค่าปลูก 4,000 บาท/ไร่ ค่าจ้างไถพรวนดิน ตีหลุม ฯลฯ ผลผลิตที่ได้สำหรับรากที่ 1 เฉลี่ย 3,000 กก./ไร่ ถ้าเลี้ยงกระชายไว้รากที่ 2 จะได้ผลผลิตเฉลี่ย 5,000-6,000 กก./ไร่
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายกระชาย
พอกระชายอายุได้ 6 เดือนขึ้นไป จะเริ่มขุดขาย หากต้นและใบกระชายยังไม่ยุบก็ใช้เครื่องตัดหญ้ามาตัดใบออกก่อนจะใช้น้ำจี้แทนการขุด ในราคาจ้างเหมาจี้กระชายและตัดแต่งรากเรียบร้อยพร้อมจำหน่าย ซึ่งจะมีค่าจ้างจี้กระชายอยู่ที่ 6 บาท/กก. ซึ่งเมื่อขายกระชายแล้วจะมีรายได้หลักล้าน/ปี คุณวิรัตน์บอกว่า ถ้าราคารับซื้อกระชายอยู่ที่ 90 บาท/กก. ปลูกกระชาย 3 ไร่ ก็สามารถจับเงิน 2 ล้านได้ ถือว่าเป็นช่วงนาทีทองของผู้ปลูกกระชายในยุคโควิดจริงๆ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ คุณวิรัตน์ กาญจนศิริ หรือร้านชวนชมการเกษตร ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140 โทร.098-451-2794