นิตยสารสัตว์น้ำประจำเดือนนี้ เราเดินทางมาจังหวัดชลบุรี เพื่อมาพบกับ คุณชัยรัตน์ อารมณ์รัตน์ เจ้าของ ชนม์ณภัทรฟาร์ม ฟาร์มอนุบาลลูกกุ้งอีกแห่ง ที่อัดแน่นไปด้วยกุ้งที่มีคุณภาพ เพื่อส่งมอบให้กับเกษตรกร แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ คุณชัยรัตน์เผยว่า “ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด”
การเพาะเลี้ยงกุ้ง
คุณชัยรัตน์ทำงานในวงการสัตว์น้ำ ด้านการเพาะและอนุบาลลูกกุ้งมาหลายสิบปี สะสมประสบการณ์และความรู้ จนสามารถออกมาเปิดฟาร์มของตนเองได้สำเร็จ ซึ่งช่วงแรกคุณชัยรัตน์ยอมรับว่า ตนต้องทำเองทุกอย่าง อนุบาลเอง หาลูกค้าเอง ขายลูกกุ้งเอง ดูแลลูกค้าเอง เพื่อให้รู้ทุกขั้นตอนของธุรกิจนี้ ซึ่งมีล้มบ้าง แต่ก็ลุกขึ้นมาต่อสู้ทุกครั้งจนถึงวันนี้
การอนุบาลลูกกุ้ง
ปัจจุบันชนม์ภัทรฟาร์มมีโรงเรือนอนุบาลลูกกุ้งมากถึง 3 โรงเรือน ซึ่งทั้งหมดเป็นระบบปิด เพื่อควบคุมคุณภาพของลูกกุ้ง และคุมอากาศให้คงที่ สำหรับลูกกุ้งทั้ง 3 โรงเรือน มีกำลังการผลิตรวมกันมากถึง 36 ล้านตัว/เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการของลูกค้า
ส่วนเทคนิคการอนุบาลลูกกุ้งนั้นเริ่มต้นตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ คุณชัยรัตน์เลือกใช้นอเพลียสกุ้งสายพันธุ์ SIS แท้ 100% โดยซื้อตรงจากฟาร์มเพาะที่นำเข้าแม่พันธุ์ และเป็นฟาร์มที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานรับรองแบบชัดเจน สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
เริ่มต้นจากการเตรียมบ่ออนุบาล โดยทุกครั้งหลังจับกุ้งเสร็จ ทางฟาร์มจะทำความสะอาดบ่อด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อผสมไอโอดีน 12.5% รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการอนุบาลลูกกุ้ง ในส่วนของท่อลมจะเน้นล้างด้วยฟอร์มาลีน และ กรดเกลือ เพื่อฆ่าเชื้อที่เกาะด้านในท่อ จากนั้นจะทำการพักฟาร์ม 7-10 วัน
การบริหารจัดการบ่อกุ้ง
ในระหว่างพักฟาร์มจะเริ่มขั้นตอนการทรีตน้ำ ซึ่งน้ำที่นำมาเข้าระบบการอนุบาลลูกกุ้งนั้น ทางฟาร์มเลือกใช้น้ำจากนาเกลือ ด้วยเหตุผลที่ว่าน้ำจากนาเกลือถือเป็นน้ำเค็มที่มีความสะอาดระดับหนึ่ง ไม่มีสารพิษ หรือ สารจากโลหะหนัก อีกทั้งยังมีความเค็มสูง ทดแทนน้ำจากทะเลได้ รวมทั้งสะดวกต่อการขนส่งอีกด้วย เมื่อได้น้ำเค็มมาแล้ว คุณบอลจะนำมาทรีตฆ่าเชื้อด้วยคลอรีน ตีน้ำประมาณ 7-10 วัน เพื่อให้คลอรีนหมดฤทธิ์ จากนั้นจะซื้อน้ำจืดมาผสม ให้ได้ค่าความเค็มที่ต้องการ คือ 31-33 ppt ซึ่งเป็นความเค็มที่เหมาะสมต่อการอนุบาลลูกกุ้งขาว
จากนั้นจะนำน้ำใส่อ่างอนุบาล ปรับ pH และค่าต่างๆ ตามสูตรอนุบาลลูกกุ้งของฟาร์ม ส่วนนอเพลียสที่ทางฟาร์มนำมาอนุบาลนั้นจะคัดเลือกจากฟาร์มที่มีมาตรฐาน และนำเข้าแม่กุ้งมาเอง เพื่อให้เกษตรกรมั่นใจได้ว่าจะได้ลูกกุ้งสายพันธุ์ SIS แท้แน่นอน 100% เมื่อได้นอเพลียสมาแล้วจะอนุบาลในอ่าง หนาแน่น 1 ล้านตัว/น้ำ 7 ตัน โดยช่วง 3-5 วันแรก จะเน้นให้ “คีโตเซอรอส” เป็นอาหารให้ลูกกุ้ง สลับกับ thalassiosira spp. เพื่อเพิ่มความแข็งแรง กระตุ้นการเจริญเติบโต
เมื่อกุ้งเข้าระยะ Zooeia จะเริ่มถ่ายน้ำ เพื่อกำจัดของเสียตามพื้นบ่อ โดยจะถ่ายน้ำออกเพียง 30% ของบ่อ เพื่อไม่ให้ค่าน้ำที่เลี้ยงเปลี่ยนแปลงมาก เพราะจะกระทบกับการโตของกุ้ง จนเมื่อกุ้งเข้าระยะโพสลาวา (P) จะเปลี่ยนให้กุ้งกินอาร์ทีเมีย เพราะมีโปรตีนสูง ช่วยให้กุ้งเติบโตเร็ว แข็งแรง สร้างตับ และ อวัยวะ ให้สมบูรณ์ รวมถึงการให้วิตามิน อาหารเสริมต่างๆ เพื่อให้ลูกกุ้งสมบูรณ์เต็มที่ ในช่วงนี้จะต้องถ่ายน้ำทุกวัน เพาะกุ้งจะลอกคราบบ่อย และกินอาหารเก่งขึ้น ส่งผลให้ของเสียในบ่อมากขึ้นตาม
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายลูกกุ้ง
ทางฟาร์มจะอนุบาลลูกกุ้งเฉลี่ยที่ 20 วัน กุ้งก็จะเข้าระยะ P12 ซึ่งเป็นขนาดที่พร้อมจำหน่าย แต่ก่อนจะขายกุ้งนั้น ทางฟาร์มจะต้องปรับน้ำก่อน จากที่เคยเลี้ยงกุ้งในน้ำความเค็ม 31-33 ppt ต้องปรับให้เหลือ 3-5 ppt เพื่อรองรับบ่อเลี้ยงกุ้งเนื้อในพื้นที่น้ำจืด ซึ่งทางฟาร์มจะเริ่มปรับน้ำตั้งแต่ช่วงที่กุ้งเข้า P6 เป็นต้นมา
ในส่วนขั้นตอนการขนส่งลูกกุ้ง ทางฟาร์มมีบริการ ทั้งแบบถุง และ แบบถัง แถมฟรี 10% อีกด้วย ในราคาพิเศษ ซึ่งหลังจากการซื้อขายลูกกุ้งแล้ว ชนม์ณภัทรฟาร์มยังมีเจ้าหน้าที่คอยบริการดูแล ให้คำปรึกษาในระหว่างการเลี้ยง ตั้งแต่วันลงลูกกุ้งยันวันจับอีกด้วย ทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่า เลือกใช้ลูกกุ้งจากชนม์ณภัทรฟาร์มแล้ว ไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน
นอกจากนี้คุณชัยรัตน์ได้พูดถึงหัวใจของการขายลูกกุ้งว่า “ความจริงใจ และ ซื่อสัตย์ กับลูกค้า หากเกิดปัญหาในขั้นตอนการอนุบาล เราต้องนำกุ้งชุดนั้นออกทั้งหมด ยอมขาดทุนในตอนนี้ เพื่อที่อนาคตจะได้สร้างกำไรที่เพิ่มขึ้น หากส่งมอบแล้วไม่มีคุณภาพ เลี้ยงแล้วตาย ลูกค้าจะไม่กลับมาซื้อลูกกุ้งจากทางฟาร์มเราอีก เราไม่ได้คิดแบบ ลูกค้า พ่อค้า แต่มันเหมือนคู่คิด อาศัยความรู้ซึ่งกันและกัน ร่วมกันแบ่งปันความรู้กัน”
หากท่านใดสนใจซื้อลูกกุ้ง รวมถึงแร่ธาตุ และ เวชภัณฑ์อื่นๆ ติดต่อได้ที่ “ชนม์ณภัทรฟาร์ม” 28/6 หมู่ที่ 5 ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี 20000 เบอร์โทร 063-945-5355 (คุณชัยรัตน์), 065-568-8926 (คุณจิราพรรณ)
อ้างอิง : นิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับที่ 389
