การผลิต “โปรตีน” จากสัตว์ด้วยความมาตรฐานระบบปิด โดยเฉพาะสุกรและไก่กลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับสากล เพราะผู้บริโภคต้องการโปรตีนปลอดสาร เพื่อสุขอนามัย แต่อุปสรรคต่างๆ ที่มองไม่เห็น ก็คือ โรคจากไวรัส ที่ทำลายปศุสัตว์อย่างต่อเนื่อง จนปริมาณการผลิตไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ส่งผลให้นักลงทุนระดับรายย่อย รายกลาง กระทบ แม้แต่รายใหญ่ก็ต้องเพิ่มต้นทุน ทั้ง อาหาร อุปกรณ์ เวชภัณฑ์สัตว์ และโรงเรือน เป็นต้น เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อปศุสัตว์ และตอบโจทย์ทางธุรกิจ
การวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับสัตว์
ภาคเอกชนอย่าง บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS ที่สถาปนาโดยสัตวแพทย์มืออาชีพ 7 คนได้แก่ 1.CEO น.สพ.ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ 2.CEO น.สพ.รุ่งโรจน์ ถาวรธนากุล 3.น.สพ.สุชาติ วรวุฒางกูร 4.น.สพ.เกรียงไกร โตธิรกุล 5.น.สพ.ปรเมศวร์ ขำภักตร์ และ 6.น.สพ.จารุนพ รุจิรกาโมทย์
เมื่อปี 2547 เห็นวิกฤติดังกล่าวจึงต้องสร้าง “โอกาส” ด้วยจุดแข็งความเชี่ยวชาญด้านยา จึงเดินหน้าการลงทุนและพัฒนาวัคซีนสัตว์แบบครบวงจร โดยเฉพาะชุดทดสอบไวรัส ASF จนประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับจากฟาร์มสุกรหลายแห่ง นอกจากนี้ยังผลิตเครื่องมือทดสอบไวรัสโควิด-19 ในคนจนโด่งดัง
ที่กล้าทำเรื่องนี้เพราะสัตวแพทย์ทั้ง 7 มีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจยา วัคซีน และ เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ โดยการเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์ดังๆ ระดับโลก และผลิตในแบรนด์ของบริษัทฯ เอง โดยมีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง มีสินค้าสำหรับจัดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 479 รายการ สำหรับสัตว์ จาก 13 ประเทศทั่วโลก
จึงสะสมความสัมพันธ์ที่ดียิ่งกับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจจำนวนมาก การทำเสนอ solution มาตรฐานสากล ชีวอนามัย จึงตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ดังนั้น บริษัท ไบโอซายน์ฯ จึงเป็นบริษัทที่บริหารธุรกิจแบบมีอาชีพ คล่องตัวสูง และมีธรรมาภิบาลที่ดี
“อุตสาหกรรมไบโอเทค สำคัญยิ่งต่อการเติบโตของธุรกิจ กลุ่มไบโอซายน์ฯ ให้ความสำคัญต่อการวิจัยและนวัตกรรมต่างๆ ร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรม ไบโอเทค สวทช. ม.เกษตรฯ ล่าสุดประสบความสำเร็จในการพัฒนาชุดตรวจ ASF สู่ตลาด ได้พัฒนาชุดตรวจโควิด-19 แบบเรียลไทม์ เป็นบริษัทไทยรายแรกที่จดสิทธิบัตร และจำหน่ายชุดตรวจโรคโควิด-19 ทดแทนการนำเข้า
เรามีแผนลงทุนวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับสัตว์ร่วมกับสวทช.จะช่วยสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุข ลดการพึ่งพิงวัคซีนจากต่างประเทศที่มีราคาแพง บริษัทมีแผนจะขยายการลงทุนในเครื่องจักรผลิตอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ ภายใต้แบรนด์ของบริษัท ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดสูง รวมถึงขยายไลน์การผลิตสารทดแทนน้ำมันในอาหารสัตว์” กลุ่มผู้บริหารไบโอซายน์ฯให้สัมภาษณ์สื่อก่อนขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
การจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์
คุณหมอธนวัฒน์ หรือ “คุณหมอเต้” ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า 18 ปี ในวงการ ธุรกิจเติบโตไปตามสภาวะ ยุคบุกเบิก เป็นแค่ผู้จัดจำหน่ายสินค้าของผู้ผลิตรายใหญ่ พัฒนาเป็นผู้นำเข้า โดยเริ่มจากขายยาในธุรกิจสุกรเป็นหลัก จากนั้นก็นำผลิตภัณฑ์ขายให้กับโรงงานผลิตอาหารสัตว์
พอฐานเริ่มแข็งแรงก็ขยายผลิตผลิตภัณฑ์ไปสู่ ไก่ สัตว์น้ำ และ สัตว์เลี้ยง 18 ปี ครอบคลุมธุรกิจ ปศุสัตว์ สัตว์น้ำ สัตว์เลี้ยง ตั้งแต่ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ แต่เพื่อจะให้ธุรกิจเติบโตต่อไปจะต้องเตรียมตัวพัฒนา “ระบบ” บัญชีและการเงินให้มาตรฐาน เพื่อขยายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จนสำเร็จ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2565
“เราเป็นกลุ่มบริษัทแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์บริหาร สัตวแพทย์ สัตวบาล เมื่อเปิดระดมทุนจาก IPO จะนำมาต่อยอดโรงงานและวัคซีน” คุณหมอเต้ยืนยันถึงเป้าหมายในการระดมทุน
รูปแบบธุรกิจของกลุ่มไบโอซายน์ฯ แม้เกิดจากบริษัทลูกทั้ง 6 ที่ทำธุรกิจแต่ละอย่างในคลัสเตอร์ธุรกิจ วัคซีน ยาสัตว์ ที่มีหมอแต่ละคนเป็น CEO ซึ่งเชี่ยวชาญแต่ละด้าน และมีทีมสัตวบาลเป็นผู้เชี่ยวชาญร่วม 70 คน นำกำไรไปเข้าบริษัท ไบโอซายน์ฯ โชว์ในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นบริษัทลูกทั้งหมดจึงต้องทำงานให้มีกำไร เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและบุคคลภายนอกได้สัมผัสถึงกำไรที่เกิดจากธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ
จึงเห็นได้ว่าปี 2564 ยอดขายเป็น 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% มีกำไรสุทธิ 64 ล้าน หรือโตเฉลี่ย 16% เมื่อเทียบตั้งแต่ปีก่อตั้ง
การผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์
สำหรับโรงงานผลิตตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมสินสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ใช้เวลาสร้าง 7 เดือน เปิดรายการผลิต ภายใต้มาตรฐาน GMP และ HACCP 5 กลุ่มผลิตผลิตภัณฑ์
- ผลิตภัณฑ์รักษาและป้องกันโรคสำหรับสัตว์ (Animal Health Product)
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition Product)
- ผลิตภัณฑ์เพื่อการวินิจฉัยโรคสำหรับสัตว์ (Diagnostic Product)
- ผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดสำเร็จรูปสำหรับสัตว์ (Complete Feed Product)
- ผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ (Ingredient Product)
- ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
โดยเม็ดเงินจากการขายหุ้นจะเริ่มผลิตในไลน์ที่ 2 เพราะทางบริษัทฯ ได้แยกไลน์ปศุสัตว์กับสัตว์เลี้ยงออกจากกัน โดยเฉพาะในปี 2567 ใน “กลุ่มพลังงาน” สำหรับปศุสัตว์ ราคาจะขยับขึ้นอันเนื่องมาจากข้าวสาลีของยูเครนและรัสเซียจะน้อยลง ดังนั้นต้นเดือนกันยายนปีนี้ ทางไบโอซายน์ฯ จะนำผลิตภัณฑ์ตัวนี้เข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ซึ่งความสามารถของโรงงานในการผลิต ทำให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้การส่งเสริม
ในส่วนของ “วัคซีน” คุณหมอสุชาติ ให้ข้อมูลว่า บริษัทฯ ได้เดินหน้าการผลิตตั้งแต่ร่วมงานวิจัยกับไบโอเทค เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และวันนี้กำลังวิจัยต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เปิดตัววัคซีนสุกรป้องกันโรค ASF เพราะเป็นงานเร่งด่วน เนื่องจากสุกรเมื่อติดเชื้อแล้วโอกาสตาย 100% เมื่อทางบริษัทฯ ได้กระจายชุดตรวจ และมี LAB ทั่วประเทศ นั่นเท่ากับเตรียมความพร้อมเมื่อวัคซีนออกมา เป็นการทำสงครามเชิงลึกกับโรค ASF โดยเฉพาะ นอกจากนี้บริษัทฯ ในฐานะ 1 ในห่วงโซ่ผู้ผลิตอาหารโปรตีนจากสัตว์เป็นอาหารคน จึงต้องเดินหน้าสร้างชุดตรวจใน พืชผัก ผลไม้ อีกด้วย
การบริหารจัดการบุคลากร
จากนายสัตวแพทย์ 7 คน ศิษย์เก่า ม.เกษตรบางเขน ที่เข้าสู่ธุรกิจจาก “เซลล์แมน” ยาสัตว์บางเขตงานขายในภูมิภาค โดยทุกคนมี “ทาร์เก็ต” ชัดเจน วัดผลงานด้วย KPI เมื่อมีพนักงานเข้ามาทางบริษัทก็มุ่งสวัสดิการ ซึ่งทาง บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นแรงจูงใจให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน
ดังนั้น 18 ปี จึงเกิด 6 บริษัท ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และวันนี้กลายเป็นหนึ่ง “ไบโอซายน์” ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นผลิตผลแห่งความภูมิใจร่วมกัน ลึกไปกว่านี้ คุณหมอเกรียงไกร 1 ใน 7 เสือสัตวแพทย์ ได้ฟันธงว่า “ทุกบริษัทยาสัตว์มีจุดอ่อน สิ่งที่พวกผมอยากเข้าตลาด คือ ต้องการสร้างสรรค์องค์กร และสร้างมาตรฐานใหม่ของวงการยาสัตว์ คือ ความตรงไปตรงมาในการทำธุรกิจ ในการแข่งขันที่ถูกต้อง การเข้าตลาดได้มันมากกว่าเรื่องบัญชีภาษี แต่ต้องมองเรื่อง CSG คุณภาพ คุณธรรม และ การบริหารจัดการ”
การประกาศเจตนารมณ์ของผู้บริหารกลุ่มไบโอซายน์ฯ ที่จะพัฒนาเชิงรุก ธุรกิจทั้ง 6 กลุ่มต่อวงการอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย คือ “เรือธง” ของภาคเอกชน ที่จะแล่นไปข้างหน้า โดยไม่หวั่นมรสุมหรืออุปสรรคต่างๆ เพราะผู้บริหารได้ผ่านประสบการณ์ ทั้งล้มเหลว และสำเร็จบนเส้นทางธุรกิจมาแล้ว
ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์
เป็นอันว่า วันนี้ ไบโอซายน์ฯ หรือ BIS GROUP ประกอบธุรกิจ ทั้ง ผลิต นำเข้า และ จำหน่าย เวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ และ ผลิตภัณฑ์ สำหรับ “ปศุสัตว์” และ สัตว์เลี้ยง โดยเน้นคัดสรร “คุณภาพ” ด้วยทีมสัตวแพทย์มืออาชีพ และปฏิบัติตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ผ่าน กรมปศุสัตว์ และ คณะกรรมการอาหารและยา นำเข้าผลิตภัณฑ์จากผู้จัดจำหน่ายชั้นนำกว่า 13 ประเทศ เช่น อเมริกา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ จีน และ เกาหลี เป็นต้น
ทำให้ BIS มีผลิตภัณฑ์ 6 กลุ่ม 479 รายการ ได้แก่
–ผลิตภัณฑ์รักษา/ป้องกันโรคสัตว์ เช่น วัคซีน ยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อ และ ฮอร์โมน
–ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ เช่น FEED ADDITIVE และ พรีมิกซ์
–ผลิตภัณฑ์เพื่อการวินิจฉัยโรค เช่น ชุดทดสอบโรคระบาดในสัตว์และคน
–ผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดสำเร็จรูป ทั้ง สัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก และ ปลา
–ผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น นม และ ผลิตภัณฑ์นม สำหรับสัตว์ กรดอะมิโน แหล่งโปรตีน และ แหล่งแร่ธาตุฟอสเฟต
–ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เตาเผาทำลายซากสัตว์ เป็นต้น
ด้านตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ ทั้งในและต่างประเทศ
แน่นอน ผลิตภัณฑ์ทั้ง 6 กลุ่ม จะถูกกระจายเข้าสู่ตลาด ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยทีมบริหารของบริษัท ภายใต้ “กลยุทธ์” ต่างๆ เช่น การกำหนดราคาที่เหมาะสม และแข่งขันได้ในตลาด กลยุทธ์การจัดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น รายใหญ่ ด้วยการ “ประมูล” ราคา เป็นต้น กลยุทธ์การชำระเงินของลูกค้า โดยนำ “คุณภาพ” ของลูกค้า มาเป็นตัวชี้วัดเครดิตทางการเงิน เป็นต้น
รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์
ด้วยศักยภาพของทีมงานมืออาชีพ ทำให้ “รายได้” ของบริษัท ตั้งแต่ปี 62-64 มีสถิติน่าสนใจ ปี 62 รายได้จากผลิตภัณฑ์รักษา/ป้องกันโรคสัตว์ 590.61 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารฯ 358.37 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์วินิจฉัยโรค 174.78 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดฯ 261.73 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ 482.28 ล้านบาท รวมทั้งหมด 1,867.78 ล้านบาท ปี 63 รายได้รวม 1,760.34 ล้านบาท แต่ปี 64 พุ่งขึ้นเป็น 1,974.76 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนรายได้ 3 ปี เกือบ 100%/ปี
จึงมั่นใจว่า หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ 7 เสือสัตวแพทย์ BIS GROUP จะติดปีกทางธุรกิจ โบยบินฟากฟ้าไทยและสากล โดยมี “เกษตรกร” ในวงการปศุสัตว์ และ “นักธุรกิจ” ที่เกี่ยวข้อง ได้ประโยชน์ร่วมกันแบบวินๆ ซึ่งเป็นมิติใหม่ทางธุรกิจ ในยุคเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย ชะลอตัว
สนใจรายละเอียดทางธุรกิจ ติดต่อได้ที่ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน)
เลขที่ 479 ชั้น 4 เมืองทองธานี ถนนบอนด์สตรีท ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 โทร.02-960-0290