“ ตะไคร้ ” จัดเป็นพืชสมุนไพร ใช้ได้ทั้งใบและลำต้น เป็นสมุนไพรปรุงรสและเพิ่มกลิ่น ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในตลาดอาหาร สุขภาพ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะนำไปผสมและปรุงรสในอาหารต่างๆ
ตะไคร้กลายเป็นวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และสินค้าเกษตรแปรรูป ที่ยังส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง เติบโตสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจ เพราะเป็นสินค้าจำเป็น คนยังต้องบริโภคในทุกวัน ลูกค้ากลุ่มครัวเรือน และร้านอาหารเอเชีย ร้านอาหารไทยในต่างประเทศ
การปลูกตะไคร้
คุณพยนต์ มูลเกิด เกษตรกรมืออาชีพผู้ปลูกตะไคร้จำนวน 150 ไร่ ส่งขายทั้งตลาดทั่วไป และโรงงานแปรรูปส่งออก เป็นคนพื้นเพอำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เมื่อก่อนเคยปลูกสวนส้มเขียวหวานกับครอบครัว เรียนจบคณะวิศวกรรมสื่อสารโทรคมนาคมจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ทำงานประจำด้านอิเล็กทรอนิกส์อยู่ 11 ปี จำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมให้กับโรงงานชั้นนำได้ 4-5 ปี ขยับมาเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอยู่ 3 ปี
จึงตัดสินใจลาออกมาทำเกษตร และสนใจพืชผักสมุนไพรพื้นบ้าน อย่าง “ตะไคร้” เพราะเห็นว่ามีขายทั่วไป จึงทดลองปลูกตะไคร้พันธุ์ขาวเกษตร หรือ ขาวหยวก ส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลาง และตลาดไท และขยายการปลูกมากขึ้น บวกกับมีลูกค้าต่างประเทศให้ความสนใจนำไปใช้จำนวนมาก อาทิ โรงงานผลิตเครื่องแกง โรงงานตัดแต่งผักสด ผู้ผลิตและแปรรูปอาหารสำเร็จรูป เป็นต้น
“ผมขายตะไคร้สด และเน้นส่งให้โรงงานผลิตอาหารมากกว่า เมื่อก่อน 7-8 ปีที่แล้ว ก็โฟกัสไปที่ตลาดผู้ส่งออกเป็นหลัก พอโควิด-19 ผู้ส่งออกแย่ ก็เลยต้องหาลูกค้าในประเทศที่รับซื้อวัตถุดิบเป็นหลัก อาทิ CPF, ไทยอกริฟู้ดส์, NRF ผู้ผลิต จัดหา และ จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงพวกผลิตภัณฑ์อาหาร ถ้าส่งโรงงานน้ำพริกเผาราคาถูกมาก ไม่ไหว ผมจะไม่ทำส่งตลาดนั้น” คุณพยนต์กล่าวถึงเป้าหมายการผลิตตะไคร้ส่งผู้รับซื้อ
สภาพพื้นที่ปลูกตะไคร้
ซึ่งเริ่มต้นวางแผนการปลูกไม่พร้อมกัน จะทยอยปลูกตามโซนเพื่อให้ได้ตะไคร้ส่งทุกวัน และรับซื้อผลผลิตจากสวนรายใหญ่ขนาดพื้นที่ 50 ไร่ขึ้นไป ที่มีระบบการจัดการเหมือนกัน คุณภาพได้ตามที่ต้องการ และรับซื้อจากรายย่อย ขนาดพื้นที่ปลูก 1-2 ไร่ ด้วยเช่นกัน
การปลูกตะไคร้แบบยกร่อง จะเตรียมดิน และใช้ต้นตะไคร้พันธุ์เกษตร หรือขาวหยวก ที่มีจุดเด่น ต้นใหญ่ โตเร็ว น้ำหนักดี ขาว อวบ ที่สำคัญเป็นที่ต้องการของตลาด นำต้นพันธุ์ที่เตรียมไว้ไปปักลงหลุมๆ ละ 2 ต้น และใส่ดินเลนลงไปในหลุมปลูกด้วยเพื่อเพิ่มความชื้นในดิน ซึ่งใน 1 ร่อง ความยาว 200 เมตร หรือประมาณ 1 ไร่ จะปลูกตะไคร้ 4 แถว หรือ 800 หลุม/ร่อง และรดน้ำเช้า-เย็น จนครบ 20 วัน
การให้ปุ๋ยและน้ำตะไคร้
เมื่อตะไคร้เริ่มแตกใบใหม่อยู่ในช่วงการเจริญเติบโต ใส่ปุ๋ยประมาณ 3 ครั้ง ซึ่งครั้งที่ 1 ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 และครั้งที่ 3 ใส่ปุ๋ยสูตร 0-0-60 เพื่อเร่งต้นให้ใหญ่ น้ำหนักดี และมีการปรับการให้ปุ๋ยบ้าง เช่น ครั้งที่ 1 ใส่ 46-0-0 ครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ยสูตร 25-7-7 และครั้งที่ 3 สูตร 16 -16-16 หรือถ้าใช้ 16-16-16 ในครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 จะใส่ปุ๋ยสูตร 0-0-60 แทน เพื่อให้หัวใหญ่ น้ำหนักดี พร้อมทั้งให้ฮอร์โมนทางใบช่วยด้วย ที่ขาดไม่ได้เลย คือ “น้ำ” เพราะน้ำจำเป็นในการขยายเนื้อเยื่อ เร่งการเจริญเติบโต ให้ต้นใหญ่ ยาว เช่น ตะไคร้ จำนวน 16 ต้น/กิโลกรัม
การเก็บเกี่ยวผลผลิตตะไคร้
ขณะเดียวกันต้นทุนการปลูกตะไคร้สูงขึ้นเฉลี่ย 6 บาท/กก. เนื่องจากสาเหตุมาจากค่าแรงงาน และค่าปุ๋ยเคมีที่ปรับสูงขึ้น จึงปรับการลดต้นทุนลง โดยจ้างแรงงานประจำแค่ 4-5 คน และจ้างแรงงานแบบเหมาอีก 20 คน ในวันที่ตัดแต่งตะไคร้
ส่วนค่าปัจจัยการผลิต จากเดิมเคยใส่แต่ปุ๋ยเคมีก็ปรับมาใช้อินทรีย์ หรือสารปรับสภาพดิน สารอาหารทางใบ และใช้ปุ๋ยเคมีน้อยลง โดยเน้นให้ตะไคร้เจริญเติบโตตามธรรมชาติ อายุเก็บเกี่ยว 6 เดือน และดูแลตะไคร้ให้ได้ตามมาตรฐานบริษัทผู้รับซื้อ
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายตะไคร้
โดยเฉพาะบริษัทส่งออกต้องการต้นตะไคร้ขนาดใหญ่ ยาว อวบ ลูกค้ารับซื้อมีหลายตลาด เช่น ตลาดไท โรงงานผลิตอาหาร เครื่องดื่ม แพ็คส่งออกขายต่างประเทศก็มี โดยนำไปแพ็คเป็น 100-200 กรัม/แพ็ค ส่งไปต่างประเทศ
“ผมพยายามปลูกตะไคร้ที่ส่งลูกค้ากลุ่มที่รายละเอียดงานน้อยๆ เคยทำส่งให้กับผู้รับซื้อที่ต้องเก็บรายละเอียดเยอะ ทำให้เรามีต้นทุนเพิ่มขึ้นด้านแรงงาน ถ้าถูกรีเจคล็อตใหญ่เราก็เจ็บ ผมจึงถอยออกมาผลิตส่งให้กับบริษัทที่รับซื้อวัตถุดิบไปทำต่อเอง เราทำแค่เป็นมัด ไม่ต้องเลือกต้นเยอะ ตัดแต่งน้อย ลูกค้าแค่เอาไปล้างและแพ็คเอง” คุณพยนต์กล่าว
ด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น คุณพยนต์บอกว่าทางผู้รับซื้อมีขยับราคาเพิ่มให้บ้างแต่ละเจ้า โดยเฉพาะผู้ส่งออกจะให้ราคาดี แต่ต้องได้คุณภาพและปริมาณ ถ้าเป็นลูกค้ารายใหญ่ผลิตอาหารจะเน้นราคาเป็นหลัก บางรายทำคอนแทรครายปี ส่วนลูกค้าตลาดก็ขึ้นลงตามภาวะตลาด
ความแน่วแน่ยึดปลูกตะไคร้มา 10 ปี ไม่คิดเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น มีความมุ่งมั่นพัฒนาปรับปรุงผลผลิตให้ดี และเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น ทำให้วันนี้สวนกายกานต์ประสบความสำเร็จในอาชีพอย่างงดงาม เมื่อเทียบกับหลายอาชีพเกษตร ถ้าลดต้นทุนได้ตะไคร้ก็ยังพอไปได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คุณพยนต์ มูลเกิด สวนตะไคร้กายกานต์ 3/1 หมู่ 10 ต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี 12170 โทร.081-806-9899