ปัจจุบันตลาดผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศมีความต้องการ “กุ้งก้ามกรามเพศผู้” จำนวนมาก เนื่องจากตัวโต เนื้อเยอะ และมีจุดเด่นที่หัวมัน เมื่อตลาดมีความต้องการสูง ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงเองต้องปรับตัวหันมาเลี้ยงกุ้งก้ามกรามเพศผู้ล้วนกันมากขึ้น เพื่อสนองความต้องการของตลาด จึงเป็นที่มาของฟาร์มเพาะลูกกุ้งก้ามกรามที่เริ่มพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง ให้มีตัวผู้มากกว่าปกติ 80-90% เพื่อส่งต่อลูกกุ้งคุณภาพให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงที่มีความสนใจ
เปิดอาณาจักร “ สำรวยฟาร์มกุ้ง ” ออร์เดอร์ล้านตัว/วัน
บนเนื้อที่ 2 ไร่กว่า ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม คือ ที่ตั้งของฟาร์มเพาะลูกกุ้ง “สำรวยฟาร์ม”
บริหารงานโดย คุณสำรวย บุญมี เขาได้เนรมิตที่ดินดังกล่าวให้เป็นบ่อเพาะและขยายพันธุ์กุ้งก้ามกราม กุ้งเพศผู้ 90% รวมถึงลูกกุ้งก้ามกรามธรรมดา กุ้งก้ามกรามชำ และลูกกุ้งขาวคุณภาพดี มีบ่อเพาะพันธุ์มากถึง 42 บ่อ ขนาด 2.50 x 2.50 เมตร ลงนอเพลียสบ่อละประมาณ 400,000 ตัว นอกจากนี้ยังมีบ่อไซส์ใหญ่ด้วยอีกจำนวนหนึ่ง ลงกุ้งประมาณ 600,000-700,000 ตัว มีกำลังการผลิตหลายล้านตัวต่อเดือน
ปัจจุบันทางฟาร์มมีลูกค้าหลากหลายกลุ่ม เช่น พ่อค้าคนกลาง เกษตรกรรายย่อย ฯลฯ ที่ติดต่อรับซื้อผลผลิตจาก “สำรวยฟาร์มกุ้ง” กว่า 2-3 ล้านตัว/เดือน หรือเฉลี่ยมีออร์เดอร์จากลูกค้าในแต่ละเดือนเกือบทุกๆ วัน โดยคุณสำรวยกล่าวว่า ตนเองประกอบอาชีพทำฟาร์มเพาะพันธุ์กุ้งมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยส่วนตัวมองว่าอาชีพนี้สามารถยึดเป็นอาชีพหลักได้ในระยะยาว และมองเห็นโอกาสเติบโตในการเลี้ยงกุ้ง ซึ่งเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ที่มีอนาคตสดใส
การเพาะพันธุ์กุ้งก้ามกราม
“ย้อนกลับไปสมัยก่อนผมทำอาชีพมาหลายอย่าง และส่วนตัวก็พอมีวิชาความรู้ในการเพาะเลี้ยงกุ้ง เมื่อได้มาสำรวจสถานที่ซึ่งเป็นที่ดินของสำรวยฟาร์มกุ้งในปัจจุบัน จึงตัดสินใจลงทุนทำบ่อกุ้ง และยึดเป็นอาชีพทำกินเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ผลผลิตสมัยก่อน เริ่มจากเพาะพันธุ์ เพาะชำ กุ้งก้ามกรามทั่วไป ทั้งตัวผู้และตัวเมีย
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมากระแสความต้องการของตลาดที่ต้องการกุ้งตัวผู้มีมากขึ้น เราจึงเริ่มศึกษาและเสาะแสวงหาพ่อแม่พันธุ์กุ้งก้ามกรามที่มีคุณภาพ เพื่อนำมาลงบ่อเพาะพันธุ์เพื่อเตรียมรองรับออร์เดอร์และความต้องการของตลาด ซึ่งปัจจุบันผมเพาะพันธุ์กุ้งก้ามกรามเพศผู้สูงกว่าเพศเมีย 80-90% ที่สำคัญลูกกุ้งมีความแข็งแรง ทนทาน โตเร็ว และปลอดโรค” คุณสำรวย กล่าว
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายกุ้งก้ามกราม
โดยกลุ่มลูกค้าที่รับซื้อลูกกุ้งก้ามกรามเพศผู้จาก “สำรวยฟาร์มกุ้ง” จะมีเป็นกลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่ต้องการนำลูกกุ้งเพศผู้ไปเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ต่อ จึงทำให้คุณสำรวยได้พัฒนาการเพาะกุ้งให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลผลิตที่ออกไปจากสำรวยฟาร์มกุ้งสู่กลุ่มลูกค้าก็เป็นที่น่าประทับใจ ลูกค้าเกษตรกรแทบจะทุกรายต่างเอ่ยปากบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ลูกกุ้งที่นำไปเลี้ยงต่อ มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรงดี“ลูกค้าที่เป็นเกษตรกรรายย่อยที่รับซื้อลูกกุ้งเพศผู้จากเราไป เขามีความพึงพอใจ แม้ว่าราคาจะสูงกว่ากุ้งทั่วไป แต่ได้คุณภาพที่สูงขึ้นตาม ลูกค้าของเราเขาก็มีความสุข เพื่อที่จะนำไปเพาะเลี้ยงและขายได้ราคาเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว”
ลูกกุ้งตัวใหญ่ แข็งแรง ผ่านการรับรองมาตรฐานกรมประมง
จุดเด่นลูกกุ้งของสำรวยฟาร์ม คือ เลี้ยงง่าย โตเร็ว มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมาอย่างยาวนาน เป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ จ.นครปฐม โดยคุณสำรวยเผยเคล็ดไม่ลับว่า เกษตรกรต้องเลือกลูกกุ้งที่แข็งแรง กุ้งต้องปลอดโรค กุ้งต้องกินอาหารเก่ง ยกตัวอย่างที่ สำรวยฟาร์ม เราจำหน่ายลูกกุ้งเพศผู้เป็นสิบล้านตัว ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากกรมประมง ซึ่งเข้ามาเก็บตัวอย่างลูกกุ้งไปตรวจหาเชื้อต่างๆ ทุก 3-5 เดือน เพื่อให้มีมาตรฐานก่อนส่งออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ
เพราะฉะนั้นขอให้ลูกค้าเชื่อมั่นได้ว่าที่ “สำรวยฟาร์มกุ้ง” ผลผลิตมีมาตรฐาน เชื่อถือได้ ซื้อจากฟาร์มของเรา เหมือนได้มาตรฐานจากกรมประมงรองรับแน่นอน
เทคนิคการเพาะพันธุ์กุ้งก้ามกราม
ในส่วนเทคนิคการเพาะพันธุ์กุ้งก้ามกรามให้ได้คุณภาพ ส่งขายลูกค้า คุณสำรวยบอกว่า ต้องเอาใจใส่ในทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่การเสาะแสวงหาพ่อแม่พันธุ์ที่สเปกได้คุณภาพ การปูพื้นดิน การทำบ่อ การดูแลปรับสภาพค่า pH ของน้ำในบ่อเลี้ยง รวมไปถึงการให้อาหาร และการสังเกตในแต่ละช่วงเวลาการเลี้ยง ตั้งแต่การอนุบาล การย้ายบ่อ ไปจนถึงกุ้งเริ่มคว่ำ เป็นต้น โดยปัจจัยทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ ต้องสังเกตเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด บวกกับประสบการณ์ของเกษตรกรผู้เลี้ยงของแต่ละบุคคล
คุณสำรวยได้เผยเทคนิคการเพาะกุ้งของตนว่า 1 บ่อเลี้ยงจะใช้พ่อแม่พันธุ์ประมาณ 10 กก. หรือ 250 ตัว ซึ่งแม่พันธุ์ที่นำมาเพาะนั้นจะต้องมีความสมบูรณ์ แข็งแรง อายุกุ้งไม่อ่อน หรือ แก่เกินไป สมมติว่า ตั้งเป้าลงกุ้ง 30 บ่อ ใช้แม่กุ้งประมาณ 1,000 ตัว (40 กก.) ในระหว่างการเลี้ยงแม่พันธุ์จะต้องหมั่นดูแล ให้วิตามิน อาหารเสริม เพิ่มความสมบูรณ์ของไข่ เมื่อได้ไข่กุ้งมาแล้วจะแบ่งไข่ลงบ่ออนุบาล บ่อละ 400,000 ตัว
จากนั้นเลี้ยงไปประมาณ 14-20 วัน ระหว่างนี้จะมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวัน รวมถึงการให้อาหารคุณภาพตามโปรแกรมของทางฟาร์ม เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้ลูกกุ้ง เมื่อกุ้งมีอายุ 18-20 วัน กุ้งจะเริ่มคว่ำตัว แล้วเราต้องเติมน้ำจืดเพิ่ม เพื่อลดความเค็มของน้ำ เมื่อกุ้งคว่ำก็จะสามารถออกขายได้ หากนำไปลงบ่อดินลูกกุ้งที่เลี้ยงผ่านไปอีกประมาณ 25 วัน กุ้งจะเริ่มลอกคราบ ฯลฯ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เกษตรกรก็ต้องอาศัยการสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิด
อาหาร + น้ำ = รวย !! สมการหัวใจสำคัญ เลี้ยงกุ้งดีมีกำไร
คุณสำรวยกล่าวเสริมในเรื่องการดูแลสภาพน้ำด้วยว่า โดยส่วนตัวมีเทคนิคง่าย ๆ ในการรักษาสภาพน้ำหรือสีของน้ำในบ่อเลี้ยง โดยเกิดจากการสังเกตว่า กุ้งไม่ชอบอยู่ที่โล่งๆ เพราะฉะนั้นจะใช้ ‘สีน้ำ’ ผสมในบ่อเพื่อให้กุ้งพรางตัว จะได้ไม่เกิดอาการเครียด เพราะส่วนตัวเคยทดสอบเปรียบเทียบการเลี้ยงในน้ำทึบจะดีกว่าน้ำใส ส่งผลต่ออัตราการเจริญเติบโต กุ้งจะกินอาหารดีในน้ำทึบๆ และไม่เครียด ทั้งนี้จะใช้สีน้ำระยะเวลาประมาณ 20 วัน และหลังจากกุ้งคว่ำก็จะเลิกใช้
ทางด้านอาหารเลี้ยงกุ้ง คุณสำรวยกล่าวเสริมว่า อาหารการกินก็ต้องใส่ใจ อาหารเสริมที่ฟาร์มใช้มี ‘อาร์ทีเมีย’ โดยให้กุ้งกินตลอด 25 วัน นอกจากนี้ก็มีเต้าหู้ไข่บดละเอียด โดยเลี้ยง 10-20 วัน จึงเสริมไข่บด โดยสังเกตกุ้ง ถ้ากินเยอะจึงค่อยๆ เพิ่มปริมาณการให้ทีละน้อย โดยให้สังเกตการกินของกุ้ง ห้ามขุนกุ้งให้กินเยอะเกินไป เพราะถ้าอาหารเหลือในบ่อ ก็จะเกิดแอมโมเนีย เกิดสิ่งปฏิกูล เกิดเชื้อโรคในบ่อ ฯลฯ เพราะฉะนั้นผู้เลี้ยงต้องหมั่นสังเกต ดูกุ้งให้เป็น และพัฒนาเสริมสร้างองค์ความรู้เพิ่มตลอด
รวมไปถึง ‘ออกซิเจน’ ดูคุณภาพน้ำ ให้วิตามินลงบ่อ ดูแลความสะอาดของพื้นบ่อ ต้องพิถีพิถันเรื่องปรับคุณภาพน้ำจืด ยกตัวอย่างเช่น มีเกษตรกรหลายรายที่เตรียมน้ำเค็ม แล้วก็นำกุ้งไปลงทันที ซึ่งไม่ถูกต้อง โดยเราต้องปรับน้ำให้จืดก่อนที่จะลงกุ้งในบ่อดิน เป็นต้น
“กุ้งก้ามกรามที่ออกจากสำรวยฟาร์มกุ้ง เมื่อกุ้งเราพร้อมส่งให้กับลูกค้า เกษตรกรที่รับลูกกุ้งจากเราเขาจะต้องเตรียมน้ำในบ่อให้พร้อม ทั้งนี้เรารับประกันผลผลิตของเราออกไปมีคุณภาพ 100% แน่นอน แต่พอถ้าลงบ่อของเกษตรกรไปแล้ว ก็คือ ต้องช่วยกันดูแล เพราะเราเพาะเลี้ยงและจัดส่งให้คุณเต็มร้อย เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องเอาไปเพาะเลี้ยงเต็มร้อยเหมือนเราด้วย มิเช่นนั้นมันก็จะสำเร็จด้วยกันไม่ได้”
ฝากถึงเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้ง
ในตอนท้าย เจ้าของ “สำรวยฟาร์มกุ้ง” ยังได้กล่าวฝากให้กำลังใจถึงพี่น้องเกษตรกรเพาะพันธุ์ เพาะเลี้ยง กุ้งไว้ด้วยว่า ฝากเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้ง ขอให้กำลังใจในการเลี้ยง การจะเลือกซื้อกุ้งที่ดี ต้องดูจากฟาร์มที่ดี มีคุณภาพ ตรวจสอบได้ ต้องดูฟาร์มที่มีมาตรฐาน ที่มีความน่าเชื่อถือ อย่าถูกหลอกง่ายๆ โดยจะต้องตรวจสอบผลผลิตให้ดี เกษตรกรต้องดูกุ้งให้เป็น อย่าให้มีตา มีตุ่ม มีเชื้อโรค ฯลฯ และอย่าดูแต่ราคาถูกเป็นที่ตั้งเพียงอย่างเดียว พยายามเลือกลูกพันธุ์ที่ดี แข็งแรง ไม่มีโรค โตเร็ว ซึ่งก็จะนำมาเพาะพันธุ์ได้อย่างมีคุณภาพ และขายได้ราคาดี
“สำหรับท่านใดที่สนใจผลผลิตที่ สำรวยฟาร์มกุ้ง สามารถติดต่อสอบถามพูดคุยกันก่อนได้ผ่านทุกช่องทาง เรายินดีให้คำปรึกษาฟรี หรือสะดวกสามารถเข้ามาเยี่ยมชม หรือศึกษาดูงานได้ที่หน้าฟาร์มได้เช่นกัน และในส่วนของผลผลิตลูกกุ้งในฟาร์มทุกประเภท โดยแม้ว่าราคาขายของเราค่อนข้างสูง แต่รับประกันคุณภาพสูงแน่นอน โดยเราส่งตรวจกับกรมประมงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าเราเชื่อมั่นที่ซื้อลูกกุ้งจากเรา เรามีใบรับรอง กุ้งของเราไม่มีโรค เราการันตีและรับผิดชอบ พร้อมดูแลหลังการขายให้ลูกค้าทุกท่าน ไม่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน”
สนใจลูกกุ้งก้ามกรามคัดพิเศษ ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก : สำรวยฟาร์มกุ้ง กำแพงแสน นครปฐม จำหน่ายพันธุ์กุ้งก้ามกรามคัดพิเศษ และได้ตามที่อยู่ 80 หมู่ที่ 3 ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โทร.081-857-8771