เมื่อ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ของประเทศเติบโตขึ้น อันเป็นผลมาจากธุรกิจปศุสัตว์ที่บูมมาตลอด แน่นอนพืชอาหารสัตว์ก็เริ่มมี “ราคา” ตามหลัก ดีมานด์ ซัพพลาย
ล่าสุด “ต้นและเปลือกข้าวโพดสด” กลายเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เคี้ยวเอื้องหลายชนิด ประกอบกับ ข้าวโพด เป็นพืชอาหาร และพืชพลังงาน ปลูกได้ปีละ 3 รุ่น เม็ดเงินหมุนได้ไวกว่าพืชหลายชนิด
การผลิตเครื่องสับย่อย
ดังนั้นชาวไร่หลายจังหวัดที่ปลูกข้าวโพดหวาน ข้าวโพดแป้ง และ ข้าวโพดแอ้ ได้รับอานิสงส์ทางธุรกิจโดยตรง ส่งผลให้ผู้ผลิตเครื่องสับย่อยพืชอาหารสัตว์ อย่าง “ร้านช่างสำเริง” ปากช่อง นครราชสีมา ต้องพัฒนาเครื่องสับย่อยถึง 6 รุ่น แต่ละวันงานล้นมือ เพราะบางรายสั่งถึง 5 เครื่อง เป็นต้น
คุณสำเริง เรืองสุวรรณ์ (ช่างสำเริง) เปิดเผยว่า ก่อนมาผลิตเครื่องสับย่อย ผ่านประสบการณ์ด้านการรับเหมาสร้างโรงงานให้กับบริษัทญี่ปุ่นอยู่หลายแห่ง หลังจากล้มเหลวในอดีต จึงได้นำองค์ความรู้และประสบการณ์มาต่อยอดผลิตเครื่องสับย่อยขนาดเล็ก เพื่อใช้ย่อยสับไม้กระถิน และไม้ไผ่ จนกลายเป็นที่ยอมรับของลูกค้า และได้ต่อยอดพัฒนาเครื่องสับย่อยให้ทันกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายที่ใช้แตกต่างกัน
จากเครื่องสับย่อย “กระถิน” มาเป็นเครื่องสับย่อยพืชที่หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เครื่องสับย่อยต้นข้าวโพด และหญ้าเนเปียร์ กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทางช่างสำเริงจึงได้ผลิตเครื่องสับต้นข้าวโพด
“พอเข้ามาทำก็เริ่มลงทุนซื้อเครื่องกลึง ก็นำแท่นมิลลิ่ง แท่นอะไรต่างๆ หลายอย่างเข้ามา เพื่อให้มันมาตรฐานมากขึ้น และชิ้นงานออกมามีคุณภาพ ได้สเปคที่ต้องการ” ช่างสำเริง เปิดเผย แท่นกลึง กับ มิลลิ่ง คือ หัวใจสำคัญของการผลิตเครื่องแต่ละรุ่น รองลงมา คือ การเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการผลิตตามออเดอร์ ขณะที่แรงงานช่างจำนวน 3 คน ก็ต้องมีการฝึกฝีมือด้วยเช่นเดียวกัน
เครื่องสับย่อยหลากหลายรุ่น
ด้วยการผลิตเครื่องหลากหลายรุ่น อาทิ
-รุ่น ขนาด 40 มี 6 ใบมีด
-รุ่น ขนาด 50 มี 6 ใบมีด ระบบสปิง
-รุ่นติดรถไถเล็ก ขนาด 60 มี 6 ใบมีด และ
-รุ่น ขนาด 80 มี 8 ใบมีด
ถือว่ามีครบทุกรุ่นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั้ง 6 รุ่น ตั้งแต่ รุ่นเล็ก รุ่นกลาง รุ่นใหญ่ รุ่นใช้เครื่องยนต์ รุ่นใช้มอเตอร์ ใช้ดีเซล หรือรุ่นรถไถนั่งขับ แต่รุ่นที่ฮิตมากๆ ได้แก่ รุ่นเล็กสุด กับรุ่นรถไถนั่งขับ นิยมใช้กันมาก แต่ละรุ่นผลิตไม่เกินสัปดาห์เรียบร้อย ใช้งานได้เลย เพราะอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เหล็ก และลูกปืน เป็นต้น สำรองไว้พร้อม เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ซื้อจากร้านเหล็กชื่อดังของปากช่อง ค้าขายกันมานาน
แม้ว่าเหล็กที่เป็นชิ้นส่วนประกอบผลิตสำคัญจะขึ้นราคามาตลอด แต่ช่างสำเริงยืนยันว่า เมื่อรับออเดอร์แล้วจะไม่ขึ้นราคา ต้องแบกต้นทุนไว้เอง ไม่งั้นลูกค้าไม่แฮปปี้ และยืนยันว่าจะไม่ลดสเปคเหล็กแน่นอน เพราะมีผลต่อการใช้งาน
ถามว่า ทั้ง 6 รุ่น คุณภาพการย่อยสับแตกต่างกันอย่างไร?? ช่างสำเริงตอบว่าเหมือนกัน แต่กำลังการผลิตแตกต่างกัน ราคาเครื่องจึงต่างกัน
จุดเด่นของใบมีด
เรื่อง “ใบมีด” ก็สำคัญ ถ้าใบมีดไม่คม ชิ้นงานจะเพี้ยนทันที ดังนั้นใบมีดจึงมีอายุการใช้งานโดยตรง “แต่ละเครื่องที่ผลิตออกมาจะเน้นผลิตจากเหล็กหนาคุณภาพดี ที่สำคัญใบมีดต้องเจียรให้ได้องศา และต้องใช้เหล็กหนาชุบอย่างดี จะได้ไม่กินแรงเครื่องยนต์ เน้นทดรอบเร็ว เพื่อให้ชิ้นงานสับออกมาได้ขนาด 5 มิล และคุณภาพสม่ำเสมอ ไม่เป็นเส้น เพราะการย่อยสับอะไรที่แข็งมากๆ ใบมีดจะหมดคมเร็ว ขึ้นอยู่กับวัสดุย่อยสับ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะสั่งไปใช้ 2 ชุด เพื่อสลับการใช้งาน ซึ่งใบมีด 1 ชุด ถ้าสับย่อยเฉพาะต้นข้าวโพดและหญ้าเนเปียร์ มีอายุการใช้งานถึง 4 ปี ถึงจะเปลี่ยนใบมีด” ช่างสำเริงยืนยันถึงความสำคัญของใบมีด
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายเครื่องสับย่อย
ที่สำคัญก็คือ เครื่องสับของช่างสำเริง จุดเด่น คือ ความหนาของโครงสร้างเหล็ก และเฟือง รวมทั้งการซ่อมบำรุงที่ซ่อมง่าย ซึ่งลูกค้าเข้าใจเรื่องนี้ดี ทำให้มีลูกค้าประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง ลาว กัมพูชา พม่า เป็นต้น มาสั่งซื้อจำนวนมาก
นอกจากผลิตเครื่องสับต้นข้าวโพดแล้ว ช่างสำเริงยังมีทีมงานที่รับงานช็อปต้นข้าวโพดและหญ้าเนเปียร์ด้วย โดยใช้เครื่องสับที่ผลิตเองไปออกรับงานเหมาในราคา 20 บาท/กระสอบ และราคา 500 บาท/ตัน
จึงไม่ต้องแปลกใจ ร้านช่างสำเริงจะบริการหลังการขายที่ฉับไว โดยเฉพาะ งานซ่อม และ งานอะไหล่ ถือว่าเป็นหัวใจของธุรกิจแขนงนี้ การเติบโตของธุรกิจผลิตเครื่องสับย่อยพืชอาหารสัตว์ ฝีมือเชิงช่าง คือ หัวใจ แต่ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าก็เป็นสิ่งสำคัญ
เยี่ยมชมงานฝีมือผลิตเครื่องสับย่อย ช่างสำเริง ได้ที่ 244 หมู่ 5 ต.หัวลำ อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี 15230 โทร.089-581-2111 (เบอร์เดียวเท่านั้น)
อ้างอิง : นิตยสารสัตว์บก ฉบับที่ 359
