“มะรุม” เป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้บำรุงรักษาร่างกายและใช้ในการรักษาโรคต่างๆ มากว่า 4000 ปีแล้วค่ะ โดยชาวบ้านนิยมปลูกมะรุมไว้ในละแวกบ้านเพื่อนำมาบริโภคเป็นอาหาร เนื่องจากสามารถกินได้หลายส่วนทั้งยอด ดอก ใบ เช่น นำใบมาทำแกงส้ม และนำมาทำเป็นสมุนไพรบำบัดอาการเจ็บป่วย โดยจากการศึกษาวิจัยสารประกอบในมะรุมพบว่ามีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่หลายชนิด ดังเช่น
– วิตามินเอ บำรุงสายตามีมากกว่าแครอต 3 เท่า
– วิตามินซี ช่วยป้องกันหวัด 7 เท่าของส้ม
– แคลเซียม บำรุงกระดูกเกิน 3 เท่าของนมสด
– โพแทสเซียม บำรุงสมองและระบบประสาท 3 เท่าของกล้วย
– ใยอาหารสูง แคลอรีต่ำ เหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก
– น้ำมันสกัดเมล็ดมะรุม มีองค์ประกอบคล้ายน้ำมันมะกอก
สรรพคุณทางยาของมะรุม
- ช่วยลดระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด จากการศึกษาและวิจัยจากคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ พบว่าสารสกัดจากใบมะรุมมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ใช้ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลในลำไส้เล็ก ทำให้การย่อยแป้งเป็นน้ำตาลช้าลง จึงเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลภายหลังรับประทานอาหาร นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าสารสกัดจากใบมะรุมมีฤทธิ์ในการขัดขวางการดูดซึมไขมันกลุ่มคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกาย ทำให้คอเลสเตอรอลเข้าสู่กระแสเลือดน้อยลง
- ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้และโรคผิวหนัง โดยเฉพาะในส่วนของน้ำมันมะรุมที่สกัดมาจากเมล็ด สามารถนำมาใช้หยอดจมูกเพื่อรักษาและบรรเทาอาการโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจ โรคไซนัส และนำมาหยอดหูเพื่อฆ่าและป้องกันพยาธิในหู รักษาเยื่อบุหูอักเสบ โรคหูน้ำหนวก และนำมาทาเพื่อรักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา งูสวัด และนำมาทารักษาแผลสด
- มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยชะลอความชรา จากการศึกษาพบว่าในมะรุมนั้นมีสารฟลาโวนอยด์ที่สำคัญ ได้แก่ รูทิน (Rutin) เควอซิทิน (Quercetin) ลูทีน (Lutein) และกรดแคฟฟีโอลิลควินิก (Caffeoylquinic Acids) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยดูแลปกป้องอวัยวะต่างๆ จากสารอนุมูลอิสระ ได้แก่ จอประสาทตา ตับ และหลอดเลือด จึงช่วยลดความเสื่อมสภาพของหลอดเลือดตามอายุ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย
- มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ ป้องกันโรคมะเร็ง ในมะรุมนั้นมีสารเบนซิลไอโซไทโอไซยาเนต (Benzyl Isothiocyanate) ชนิดหนึ่ง และสารไนอาซิไมซิน (Niazimicin) ที่มีคุณสมบัติต้านการเกิดมะเร็งที่ถูกกระตุ้นโดยสารฟอบอลเอสเทอร์ในเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ และมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ โดนนำเอาน้ำมะรุมที่ได้จากการคั้นมาหยอดหูจะช่วยบรรเทาอาการปวดหูได้
ข้อควรระวังในการทาน
– หากรับประทานในรูปแคปซูลแล้วเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังรับประทาน คันตามผิวหนัง ร่างกายอ่อนเพลีย หรือพบน้ำหนักตัวลดลงในกรณีที่ใช้ต่อเนื่องยาวนาน มีอาการต่อเหลืองซึ่งอาจมาจากภาวะตับอักเสบ ต้องหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์
– สำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้มีไขมันในเลือดสูงที่รับประทานยาแผนปัจจุบันอยู่แล้ว ควรระมัดระวังในการใช้ใบมะรุม
– ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานใบมะรุมในปริมาณมากพร้อมกับยาแผนปัจจุบัน เพราะสารสกัดจากใบมะรุมอาจรบกวนการดูดซึมยาแผนปัจจุบัน หรืออาจเสริมฤทธิ์กับยาลดระดับน้ำตาลในเลือดจนระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเฉียบพลัน
ในปัจจุบันมะรุมได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในซุปเปอร์ฟู้ด (Superfood) เนื่องด้วยคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยาของมันนั่นเองค่ะ โดยมีการนำมะรุมไปแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย ทั้งในแบบแคปซูล น้ำดื่มสมุนไพร น้ำมัน ผงชงดื่ม หรือแผ่นแป้ง เพื่อให้ง่ายต่อการรับประทาน หรือหากบ้านใครมีบริเวณก็ลองปลูกมะรุมเอาไว้ทำอาหารกินเองในบ้านก็ดีต่อสุขภาพนะคะ
งานวิจัยอ้างอิง:
https://mgronline.com/science/detail/9550000009022
.