แม่น้ำแม่กลอง ถือเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ก่อให้เกิดอาชีพเกษตรกรหลากหลายแขนง ทั้งเกษตรกรรมและประมง โดยเฉพาะอาชีพทางด้านประมงที่มีการเลี้ยงปลาน้ำจืดหลากหลายสายพันธุ์บนผืนน้ำแห่งนี้มาหลาย 10 ปี แต่การเลี้ยงปลาบนผืนน้ำแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะคุณภาพของน้ำในแต่ละช่วงปีที่แตกต่างกัน ดังนั้นเกษตรกรที่สามารถเลี้ยงปลาและสร้างกำไรเข้ากระเป๋าได้นั้น ต้องเป็นมืออาชีพเท่านั้น
การเพาะเลี้ยงปลาทับทิม
คุณธนณัช แก้วดอนหวาย หรือ “คุณกิ๊ก” ทายาทรุ่นที่ 2 แห่ง “ธนณัชฟาร์ม” ฟาร์มปลาทับทิมรายใหญ่ของ จ.กาญจนบุรี ซึ่งได้เปิดเผยประวัติของตัวเองว่า ตนได้เข้ามาสานต่ออาชีพของคุณพ่อได้ประมาณ 5 ปี เรียนรู้ถูกผิด มีทั้งขาดทุน และ กำไร สะสมความรู้และประสบการณ์เรื่อยมา จนมาถึงวันนี้ตนมี “ลูกฟาร์มปลาทับทิม” ที่เลี้ยงในกระชังร่วมกว่า 900 กระชัง ภายใต้การสนับสนุนของตนในด้านอาหารปลา จนได้ผลผลิตมากสุด 12 ตันต่อวัน
ลูกพันธุ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
คุณกิ๊ก อธิบายถึงขั้นตอนการเลี้ยงปลาทับทิมของฟาร์มแบบเบื้องต้นว่า ก่อนลงปลาในกระชัง คนงานจะทำความสะอาดกระชังให้พร้อม รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการเลี้ยง เนื่องจากทางฟาร์มจะเลี้ยงปลาแบบไม่ใช้ยาหรือสารเคมี ดังนั้นความสะอาดจึงเป็นหัวใจหลักของการเลี้ยง รวมไปถึงคุณภาพของ “ลูกปลา” คุณกิ๊กย้ำว่า “ลูกพันธุ์ดีเท่ากับชนะไปแล้วครึ่งทาง” ดังนั้นทางฟาร์ม จึงพยายามคัดสรรหาลูกพันธุ์ปลาที่ดี มีคุณภาพ และไม่ยึดมั่นกับเจ้าใดเจ้านึง จนกว่าจะได้ลูกปลาที่ดีจริง
จนในปัจจุบัน “ธนณัชฟาร์ม” เลือกใช้ลูกปลาทับทิมที่มีคุณภาพ จาก “กรเกียรติฟาร์ม” เท่านั้น เพราะลูกปลา มีคุณภาพ อัตรารอดสูง แข็งแรง และ ที่สำคัญคือ โตเร็ว
“ผมเคยทดลองเลี้ยงปลาของกรเกียรติฟาร์มคู่กับแบรนด์อื่นนะ เลี้ยงเหมือนกันทุกขั้นตอน ให้อาหารเหมือนกันทุกอย่าง แต่ปรากฏว่าลูกปลาของกรเกียรติฟาร์ม มีอัตราการโตที่ดีกว่า ปลาโตเร็วกว่าแบรนด์ถึง 1 เดือนเลยทีเดียว ยิ่งทำให้เรามั่นใจในลูกปลากรเกียรติฟาร์มมากขึ้นไปอีก” คุณกิ๊ก กล่าว
การอนุบาลลูกปลาทับทิม
เมื่อได้สายพันธุ์ลูกปลาที่ดีแล้ว การอนุบาลมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก ทางฟาร์มจะนำมาอนุบาลในบ่อดินประมาณ 40-60 วัน เพื่อให้ลูกปลามีความแข็งแรงมากที่สุด ก่อนนำมาคัดไซซ์ ลงกระชังขนาด 5×5 เมตร อัตราความหนาแน่น 3,000 ตัว/กระชัง จากนั้นเลี้ยงต่ออีกประมาณ 4.5-5 เดือน จะได้ปลาไซซ์ขนาด 800 กรัม ถึง 1.2 กิโลกรัม สามารถจับขายส่ง พ่อค้า แม่ค้า ได้
เมื่อถามถึงเรื่อง “อาหารปลา” คุณกิ๊กและคุณกรเกียรติมองว่า วัตถุดิบยังเป็นตัวชี้วัดคุณภาพอาหาร เพราะเมื่อนำมาแช่น้ำจะรู้เลยว่าทำจากอะไร หรือดูจากเม็ดอาหารจะพอดูออก เพราะปลาป่นเกรดดีๆ จะไม่มีกลิ่นแรง เพราะว่ามีแต่เนื้อปลา ทางฟาร์มจึงเลือกใช้อาหารที่มี “คุณภาพ” มากกว่า “ราคา” แต่อย่างไรก็ดี อาหารยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะทำให้เลี้ยงปลาแล้วได้ผลผลิตที่ดี เพราะยังมีอีกหลากหลายปัจจัยตลอดการเลี้ยง
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายปลาทับทิม
สำหรับการจับปลา เนื่องด้วย ธนณัชฟาร์ม เป็นฟาร์มปลาทับทิมขนาดใหญ่ และยังมีลูกกระชังอีกกว่า 400 กระชัง ดังนั้นทางฟาร์มจึงต้องมีรถขนปลาเป็นของตนเองกว่า 5 คัน และยังมีรถร่วมอีกกว่า 10 คัน ทำให้หมดปัญหาเรื่องการหารถขนส่งปลา “เรามีทีมงานจับปลาของเราเองเพราะผลผลิตเราเยอะ โดยเฉพาะช่วงวันพฤหัสบดี ศุกร์ และ เสาร์ ปลาจะขึ้นเยอะ
ในกระบวนการทำงานจัดส่งปลาเหมือนอยู่ครอบครัวเดียว ดังนั้นวันนี้รถส่งปลาของฟาร์ม 5 คัน และรถร่วม 10 คัน พร้อมบริการส่งปลาทั่วประเทศ ยอดเล็ก ยอดน้อย สมัยก่อนต้องรอรถ ตอนนี้ถ้าเรารู้ล่วงหน้าว่าใครจะใช้ปลา เราจะสแตนบายรถไว้เลย พร้อมจัดส่ง ทุกวันนี้สามารถโทรมาพูดคุยกันก่อนได้ เราพร้อมให้บริการเต็มที่” คุณกิ๊ก ยืนยันถึงความพร้อมของการจับปลาส่งลูกค้าทั่วประเทศ
เมื่อถามถึงเทคนิคการตลาด คุณกิ๊กเปิดเผยว่า “ผมแฟร์กับทุกคนครับ เรื่องแรกอย่ามองธุรกิจเป็นธุรกิจจนเกินไป มองเรื่องเอื้อประโยชน์ต่อกันดีกว่า ถ้ามองเรื่องเงินเป็นหลัก มันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เพราะปลาเป็นสิ่งมีชีวิต มีโอกาสเสียหาย เราเปิดใจต่อกัน ถ้าเกิดความเสียหายจากเรา เราพร้อมชดเชย” คุณกิ๊ก ยืนยันถึงปรัชญาทางการค้า
การพัฒนาสายพันธุ์ปลาทับทิม
งานนี้ คุณกรเกียรติ พรมจวง ผู้ผลิตลูกปลา “กรเกียรติฟาร์ม” รู้สึกภูมิใจในคุณภาพของสายพันธุ์ โดยเฉพาะการได้รับโอกาสจาก ธนณัชฟาร์ม สนับสนุนใช้ลูกปลาสายพันธุ์กรเกียรติฟาร์มมาตลอด 6 ปี และแนะนำผู้เลี้ยงรายอื่นๆ ให้ใช้ เช่น แสนล้านฟาร์ม เป็นต้น “คุณกิ๊กให้โอกาสได้นำลูกปลาของเรามาทดลอง ซึ่งคุณภาพปลาเป็นอย่างไร ดี หรือ ไม่ดี เขาจะแจ้งเราตลอดว่าต้องปรับตรงนี้ ต้องเพิ่มตรงนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เราอยากได้มากที่สุด เพราะเราไม่มีเจตนาหลอกลวง กรเกียรติฟาร์มไป ทุกฟาร์ม ทุกบ่อ ทุกภาค ทุกแหล่งน้ำ ซึ่งมีความหลากหลายของสถานที่ อากาศ สิ่งแวดล้อม อาหาร การจัดการ มีความหลากหลาย สิ่งเหล่านี้เรานำมาประมวลผลและพัฒนาลูกปลาของเราอย่างต่อเนื่อง” คุณกรเกียรติ เปิดเผยถึงเป้าหมายของการพัฒนาสายพันธุ์ จนวันนี้เป็นที่ยอมรับของผู้เลี้ยงมืออาชีพ
สภาพพื้นที่เลี้ยงปลาทับทิม
นอกจาก ธนณัชฟาร์ม แล้ว ทีมงานนิตยสารสัตว์น้ำ และ คุณกรเกียรติ ยังได้แวะไปเยี่ยมชมอีกหนึ่งฟาร์มเกษตรกรมืออาชีพ อย่าง “คุณตั้ม” หรือ คุณไพชยนต์ สิทธิกูล เจ้าของ แสนล้านฟาร์ม อีกหนึ่งฟาร์มปลาทับทิมคุณภาพในลุ่มลำน้ำแม่กลอง คุณตั้มจากอดีตพนักงานบริษัทยักษ์ใหญ่ ผันตัวมาเป็นเกษตรกรคนเลี้ยงปลา ลงในลำน้ำแม่กลองตั้งแต่ปีพ.ศ.2562 โดยเริ่มเลี้ยงปลาทับทิมจาก 20 กระชัง ในเขต อ.ท่าม่วง ได้ผลผลิตรุ่นละ 15 ตัน ปีละ 2 รุ่น
โดยใช้องค์ความรู้จากการทำงานที่สะสมมาเป็นเวลานาน ลองผิดลองถูก จนสามารถสร้างผลกำไรเลี้ยงดูครอบครัวได้ เมื่อผลผลิต 20 กระชัง ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงขยายเป็น 40 และ 60 กระชัง รวมถึงเปิดรับลูกกระชัง ปัจจุบันขยายการเลี้ยงรวมมากถึง 600 กระชัง เพิ่มผลผลิตได้มากถึง 70 ตัน/เดือน ป้อนตลาดในประเทศผ่านแม่ค้าเร่ และขาประจำ และร้านขายปลีกในเมืองกาญจน์
ปัจจุบัน แสนล้านฟาร์ม เลือกใช้ลูกปลาสายพันธุ์ของ กรเกียรติฟาร์ม ด้วยมั่นใจในสายพันธุ์ โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อกลางปี 2565 ตนได้ทดลองนำลูกปลาจาก “กรเกียรติฟาร์ม” มาเลี้ยง แล้วเลี้ยงผ่าน ได้ผลผลิตที่ดี ปลาโตเร็วมาก และยังแข็งแรงอีกด้วย “เรามองเห็นแล้ว พิสูจน์ได้ว่าโตไวกว่าเจ้าอื่นร่วม 20 วัน ซึ่งผลที่ตามมา คือ เลี้ยงได้ไวกว่า กินน้อยกว่า และ อัตราแลกเนื้อได้ดีกว่า” คุณตั้ม ยืนยันถึงคุณภาพลูกปลา
การให้อาหารปลาทับทิม
เมื่อถามถึง “อาหาร” คุณตั้มให้ความเห็นว่า FCR ประมาณ 1.7 ได้จับตัวเลขทุกรุ่น โดยให้อาหารวันละ 2 มื้อๆ ละ 3 ครั้ง หรือมื้อละ 2 ชั่วโมง โดยเดินให้ไปกลับหลายรอบ “เราตั้งเป็นโปรแกรมบังคับอย่างนี้ เพราะเราอยากให้ปลาอิ่มทุกตัว นิสัยของปลา ก็คือ เมื่อสาด 1 ถ้วย ปลาตัวแข็งแรงที่สุดจะขึ้นมาก่อน เว้นไป 10 หรือ 15 นาที ก็สาดถ้วยที่ 2 ปลาตัวแข็งแรงรองลงมาก็จะขึ้นมา จนรอบสุดท้ายปลาจะได้กินทั่วกระชัง จะผลัดกันกินอย่างนี้” คุณตั้ม ให้ความเห็น
ซึ่งเรื่องการให้อาหาร คุณกรเกียรติให้ข้อมูลเสริมว่า บางฟาร์มถนัดให้อาหารปลา 2 มื้อ เช้าและเย็น แต่ฟาร์มของตนที่กำแพงเพชร จะให้ 3 มื้อ (เช้า เที่ยง และ เย็น) โดยคุมเปอร์เซ็นต์ฟีดไว้คร่าวๆ 3%, 4% ตามอายุและน้ำหนักของปลา ช่วงปลาตัวเล็กจะให้มากหน่อย เปอร์เซ็นต์ฟีดจะมาก แต่กินไม่เยอะ พอเป็นปลาใหญ่จะตั้งที่ 3% บวก ลบ ที่เหลือดูจากสภาพอากาศ อุณหภูมิน้ำ และ สภาพปลา เป็นต้น การให้อาหารวันละ 2 มื้อ กับ 3 มื้อ ความแตกไซซ์หรือรูปทรงไม่เหมือนกัน ถ้าแบ่งมื้อให้ รูปทรงจะสวย จะป้อมขึ้น อ้วนง่ายกว่าปลา 2 มื้อ ปลาตกเกรดตอนจับจะน้อยกว่าปลา 2 มื้อ
อีกส่วนที่สำคัญ คือ การให้อาหารที่สัมพันธ์กับการให้อาหารแต่ละวัน คุณกรเกียรติให้คำแนะนำว่า คนเลี้ยงจะต้องดูว่าวันนั้น น้ำแดง น้ำขุ่น ปลาสุขภาพดีหรือไม่ อากาศร้อน หรือฝนตกหรือเปล่า เราอาจตั้งไว้ 3% แล้วค่อยๆ ให้เช้า เที่ยง เย็น ความผันแปรของการได้รับอาหารจะสม่ำเสมอกว่า 2 มื้อ ส่วนบ่ออนุบาล บางคนให้เช้า/เย็น บางคนให้มื้อเดียว เพราะมีอาหารธรรมชาติ แต่บางคนให้ 3 มื้อ ผลลัพธ์ออกมาต่างกัน แต่คุณตั้มได้ให้อยู่ที่ 2 มื้อ ผลผลิตดีพอสมควร แต่ควรจะต้องเรียนรู้การให้อาหาร 3 มื้อ ตามที่คุณกรเกียรติแนะนำ แต่ไม่ควรให้ 4-5 มื้อ จะมีผลเสียมากกว่าผลดี
การบำรุงดูแลปลาทับทิม
วันนี้คุณตั้มใช้อาหาร “กบทอง” ของ บริษัท ไทยยูเนียนฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) ขนาด 1 มิล 37 โปรตีน ในการอนุบาลลูกปลาช่วง 15 วันแรก จากนั้นก็ให้โปรตีน 35 กับ 32 ผสมกัน พอได้ไซซ์ 20-30 ตัว/กก. จะนำลงเลี้ยงในกระชังต่ออีกประมาณ 150 วัน ได้ไซซ์ 800-1,200 กรัม โดยใช้อาหารปลาอยู่หลายแบรนด์ หนึ่งในนั้น คือ ของ บริษัท แม็กน่าฟีด จำกัด เพื่อช่วยเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตตลอดช่วงการเลี้ยง แต่ถ้าน้ำดี ปลาไม่ชะงัก ไม่ป่วย เพียง 120 วัน จะได้ไซซ์ที่ตลาดต้องการ “ตอนที่เอามาลงกระชังในแม่น้ำใหม่ๆ เรานับวันนั้นเลย มันจะเห็นความแตกต่างตั้งแต่เดือนที่ 2” คุณตั้มยืนยัน ผลผลิตจากลูกปลากรเกียรติฟาร์มโตเร็วกว่าแบรนด์อื่น 20 วัน เพราะลูกพันธุ์ คือ กระดุมเม็ดแรก ถ้าอาหารไม่ดี ยังเปลี่ยนแบรนด์ เปลี่ยนเกรดได้
แม้แต่การจัดการก็เปลี่ยนได้ แต่การเลี้ยงปลาในกระชังน้ำไหล หรือเลี้ยงระบบเปิด ต้องใส่ใจในเรื่องการจัดการฟาร์มเป็นอย่างมาก ต้องวางโปรแกรมให้ถูกต้อง “เรื่องสิ่งแวดล้อมที่มากับน้ำโดยตรง เช่น น้ำหลาก น้ำท่วม หรือ น้ำแล้ง เราต้องมีเทคนิคในการจัดการ น้ำหลากต้องดึงกระชังเข้ามา หรือดันกระชังออก ต้องถ่วงถุงทรายเพิ่มหรือไม่” คุณตั้ม ให้ความเห็นเรื่องความสำคัญการจัดการฟาร์มให้สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
การบริหารจัดการบ่อปลาทับทิม
นอกจากนี้ยังมี โรค และ ศัตรู ของปลาทับทิม ที่มากับสภาพอากาศแปรปรวนรวดเร็ว เช่น ร้อนจัด ตามมาด้วยฝนตก 3 วัน 7 วัน ต้องรีบปรับ โปรแกรม การจัดการ “โปรแกรมพาราไซต์ เห็บระฆัง ปลิงใส เป็นตัวเหนี่ยวนำให้เกิดโรค โดยเฉพาะลูกปลาที่อนุบาลในบ่อดิน แล้วขนย้ายไปลงแหล่งน้ำเปิด จังหวะอากาศเปลี่ยน หรือเราย้ายน้ำ ปลาบอบช้ำ เกิดแผลจากการย้าย มีเลือดกลิ่นคาว พวกนี้จะเข้ามาทำความเสียหายเพิ่มเข้าไปอีก” คุณกรเกียรติ ให้ความเห็นจากประสบการณ์ จึงแนะนำว่าต้องใช้ “ด่างทับทิม” ในการจัดการโรคและศัตรูปลาเหล่านี้ เมื่อมันเข้าเหงือก และระบบทางเดินหายใจ จนไปเสียดสีกับกระชัง เกล็ดหลุด เป็นแผลจนเกิดโรคต่างๆเพิ่มได้
วิธีการป้องกันเบื้องต้น คือ การใช้ด่างทับทิม 1 กก. ใส่ถุงผ้า มัดใส่ปลายไม้ ยาวประมาณ 3 เมตร จุ่มให้ถึงก้นกระชังให้รอบ จากกระชังแรกถึงกระชังสุดท้าย อย่างน้อย 10 นาที จะสามารถทำความสะอาดได้ทุกกระชัง บางคนใส่ด่างทับทิมในขวดน้ำฉีด หรือหว่าน ข้างบน ยืนยันว่าไม่ได้ผล เพราะความเข้มข้นไม่ได้ เวลาไม่ได้ และถ้าอากาศแปรปรวนหนัก ฝนตกสลับแดดออก ปลาตาย ต้องเซ็ตโปรแกรม จุ่มด่างทับทิมใหม่ทุก 3 วัน นอกจากนี้ต้องให้ “เกลือ” ตลอดการเลี้ยง เพราะเป็นแร่ธาตุที่ปลาต้องใช้ โดยใส่เกลือทะเลในถุงพลาสติก 8×20 เจาะรูเล็กๆ ด้วยเข็มหมุดแขวนหน้ากระชัง ทุกๆ 10 วัน ต้องคอยตรวจสอบ
ส่วนการใช้ ยาปฏิชีวนะ ถ้าต้องใช้ ควรใช้อย่างระมัดระวัง ถูกรอบ ถูกโด้ส ถูกเวลา ถูกกับชนิดของโรค ถ้าเก็บปลาไปเพาะเชื้อได้ยิ่งดี เพื่อจะได้รู้ว่าโรคอะไร ใช้ยาได้ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้คุณกรเกียรติใส่ใจมากๆ
จึงเห็นได้ว่า วันนี้การเลี้ยง ปลาทับทิม ในกระชัง ในลำน้ำแม่กลอง ต้องใช้ฝีมือมากขึ้น ทุกคนในห่วงโซ่ต้อง พัฒนาฝีมือ ตลอดเวลา เพื่อให้เกิด กำไร โดยมีผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดทิศทางธุรกิจ
ขอขอบคุณข้อมูล คุณธนณัช แก้วดอนหวาย เจ้าของ ธนณัชฟาร์ม, คุณไพชยนต์ สิทธิกูล เจ้าของ แสนล้านฟาร์ม, คุณกรเกียรติ พรมจวง ผู้บริหาร กรเกียรติฟาร์ม
สนใจสั่งซื้อ หรือ สอบถามข้อมูลเรื่องลูกปลา สามารถติดต่อได้ที่ กรเกียรติฟาร์ม สำนักงานใหญ่ 342 หมู่ 2 ต.วังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร สั่งซื้อ สั่งจอง ลูกปลา 065-6289454, 065-6289391, 099-2824149, 099-2826393 สดสะอาด ปลอดภัย ไร้สาร ไร้กลิ่น กินอร่อย อ๋อใช่เลย!!!!