ในวงการเคมีเกษตร ย่อมรู้จัก บริษัท ไทยออนเคมีภัณฑ์ จำกัด เป็นอย่างดี บริษัทนี้ก่อตั้ง โดย คุณพิชิต ว่องเศรษฐชัย ในปัจจุบันธุรกิจนี้สืบทอดต่อให้แก่ทายาทรุ่นที่ 2 โดยมี คุณธีริทธิ์ และ คุณธีรุตม์ ว่องเศรษฐชัย เป็น ผู้บริหาร และมี คุณบุญเลิศ รัตนบุตร ดูแลด้านการส่งเสริมตลาดทั่วประเทศไทย สำนักงานใหญ่ของบริษัท ตั้งอยู่ที่ 741 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร
โลโก้ ช้างไทยออน ในทุกๆ ผลิตภัณฑ์ ได้รับความเชื่อถือจากตัวแทนจำหน่าย และ เกษตรกร ทั่วประเทศไทย
จำเป็นต้องระดม “มือตลาด” เข้ามาส่งเสริมการตลาด โดยเฉพาะภาคใต้ที่พืชเศรษฐกิจรุ่ง
การปลูกข้าว
พุทธศักราช 2567 ข้าวไทยขยับตัวในตลาดโลก ทั้งปริมาณและราคา ไทยออนฯ ได้ส่งเสริมชาวนามาตลอด คุณ บุญเลิศได้พูดถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้กับนาข้าวว่า การทำนามี 2 ช่วง ที่ต้องใส่ใจ ได้แก่ ช่วงข้าวเล็ก และ ช่วงข้าวตั้งท้อง ซึ่งเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน
เริ่มแรกต้อง “เตรียมดิน” ด้วยรูปแบบต่างๆ แม้แต่ การคุมเลน ไม่ว่า คุมเปียก หรือคุมแห้ง เพื่อไม่ให้วัชพืช เช่น หญ้า ใบแคบ ใบกว้าง เติบโต ก็ต้องใช้สารเคมีด้วยการฉีดพ่น ไทยออนฯ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์คุมฆ่าหญ้าทุกชนิด ในนาข้าว เพรทิลลาคอร์ (ช้างโตฟิบ) และบิวทาคลอร์ (ช้างการ์ด) จะใช้ตัวไหนต้องดูว่าหน้าแล้ง หรือหน้าฝน ใช้ เพรทิลลาคอร์ (ช้างโตฟิบ) หน้าแล้งใช้ บิวทาคลอร์ (ช้างการ์ด) ในช่วง 0-4 วัน แต่เมื่อหว่านข้าวได้ 7-15 วัน ต้องใช้โครมาโซน+โพรพานิล
การป้องกันและกำจัดโรค แมลง
“ช่วงหลังจาก 15 วัน ถ้าเป็นข้าวเล็ก มักจะเกิดโรคไฟท็อปฯ ที่ราก ส่วนเทคนิคการป้องกันและช่วยให้ข้าวเจริญเติบโตได้ไว แนะนำให้ใช้ใส่ตัวรูทเวย์ B1 และช้างออร่า ป้องกันเชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย ส่งเสริมให้รากแข็งแรง กระตุ้นการแตกกอ พร้อมกับ “ไซลีนครอน” เพื่อป้องกันหนอน บั่ว แมลงล่า แมลงสิง และแมลงปีกแข็งทุกชนิด” คุณบุญเลิศ แนะนำ และยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ของไทยออนฯ สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใช้ตามคำแนะนำที่ถูกต้อง เมื่อเข้าฤดูฝนจำเป็นต้องใช้สารเพิ่มประสิทธิภาพหรือสารจับใบผสมในการฉีด เพื่อให้ยาเคลือบบนผิวของใบได้นานที่สุด
โดยเฉพาะสภาพอากาศแปรปรวน เช่น อากาศร้อนสลับหนาว ทำให้ต้นข้าวอ่อนแอ เกิด โรคตายใบส้ม ในนาข้าว ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่ถ่ายทอดโดยมีแมลงเป็นพาหะ ซึ่งมักเป็นในระยะต้นกล้าและแตกกอ หากข้าวได้รับเชื้อ ต้นที่เป็นโรคจะมีปลายใบเป็นสีเหลืองส้มหรือแสด และลุกลามทำให้ใบข้าวยุบ หากเกิดในระยะแตกกอจะทำให้ข้าวเสียหายมากกว่าช่วงข้าวตั้งท้อง
นอกจากนี้ช่วงเดือนมกราคมข้าวจะออกรวงเป็นดวงขาวที่เมล็ด หรือ เมล็ดด่าง ยาก็เอาไม่อยู่ “ถึงบอกว่าเราต้องใช้ยาป้องกันจะไม่เกิด แต่ถ้าจะแก้ตอนข้าวออกรวงจะแก้ไม่ได้ เมื่อมันมีเกสรจะแก้ไม่ได้” คุณบุญเลิศ ยืนยัน
การบำรุงดูแลต้นข้าว
โดยเฉพาะช่วงอากาศแปรปรวนต้องให้ธาตุอาหารให้สมบูรณ์ เพราะเมื่ออากาศกดต่ำ เชื้อโรคจะลงมาข้างล่าง ทำลายกาบใบ ถ้ามี น้ำค้าง ด้วยโรคจะติดนาน และเกิดโรคใหม่ๆ บางครั้งต้องสลับยาตามด้วย หน้าร้อนหรือหน้าฝน เพื่อมิให้โรคดื้อยา “โรค แมลง ต้องป้องกันให้หมด พร้อมกับใส่อาหารเสริมตามรุ่น ถ้ารุ่นเล็กก็ต้องใส่เร่งต้น ถ้า ตั้งท้องก็ใส่อาหารเสริมในการเร่งรวง เทคนิค คือ การใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ควรใช้ตั้งแต่ช่วงก่อนตั้งท้อง เช่น 1. ยาเชื้อรา 2. ยาแมลง 3. ปุ๋ยเกล็ด เพื่อทำให้น้ำนมหรือแป้งเต็ม ของเราก็มีสูตร 12-0-43 เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้ต้นข้าวออกรวงสม่ำเสมอ เร่งแป้ง เร่งน้ำหนัก เมล็ดเต่งไม่ลีบ”
อย่างไรก็ดี ไทยออนฯ พยายามจะหาตัวยาชนิดใหม่ๆ เข้ามา เพราะความ แปรปรวน ของสภาพอากาศ แต่สำหรับประเทศไทยที่มีสภาพอากาศแปรปรวนในบางช่วง ทางบริษัทแนะนำให้ใช้อาหารเสริม “ไทยซิงค์” เพื่อช่วยให้ข้าวเจริญเติบโต แม้สภาพอากาศแปรปรวน
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายผลผลิตข้าว
เมื่อถามถึงข้าวคาร์บอนต่ำ หรือ ข้าวรักษ์โลก ซึ่งจะต้องไม่เผาตอซัง คุณบุญเลิศเห็นด้วย ได้แนะนำชาวนาไม่ให้เผา และให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ก่อนทำเทือก เพื่อให้ดินร่วนซุย รากข้าวจะได้มีอากาศหายใจ รากแข็งแรง กินอาหารได้เก่ง แต่การย่อยสลายตอซังก็ต้องระวังเรื่องข้าวเมาตอซัง ซึ่งจะเกิดในระยะต้นกล้าและแตกกอ ข้าวจะมีอาการใบเหลือง ต้นเหลือง ถ้าถอนรากมาดูจะเห็นว่ารากแดง กินอาหารไม่ได้ โรคเข้ามาต้องฉีดยาป้องกันไว้ก่อน ข้าวอายุ 40 วัน ชาวนาบางคนก็ทำตามคำแนะนำ ลงทุนซื้อยาฉีด 5,000 บาท ได้ข้าว 2 เกวียนๆ ละ 10,000 บาท กำไร 15,000 บาท
ชาวนาบางคนต้องการประหยัดเมล็ดพันธุ์ เมื่อเกี่ยวข้าวแล้ว นำรถมาย่ำตอซัง เรียกว่าปลูกข้าวตอ 2 เพื่อให้ข้าวแตกกอ ไม่ต้องไถ ใช้ยาน้อย ใช้ปุ๋ยเป็นหลัก ก็ได้ผลผลิตน้อย เป็นเรื่องปกติ “ข้าวตอ 2 ความหนาแน่นน้อย โรค แมลง ไม่ค่อยรบกวน เพราะอากาศถ่ายเท ลม แสงแดดดี” คุณบุญเลิศ ให้ข้อสังเกต ดังนั้นผลผลิตตอ 2 ได้ 60-80 ถัง/ไร่ ก็พอใจแล้ว เพราะต้นทุนต่ำกว่า ตอ 1
สำหรับพืชอื่นๆ คุณบุญเลิศเปิดเผยว่า ไทยออนฯ มีผลิตภัณฑ์ทุกพืช ทั้งพืชไร่ พืชสวน แต่ ทุเรียน ขายดีเป็นพิเศษ
วันนี้ไทยออนฯ ได้เปิดตลาดไปยังประเทศ เมียนมา สปป.ลาว และ กัมพูชา กว่า 10 ปี
ฝากแง่คิดถึงชาวนา
ทั้งนี้คุณบุญเลิศได้ฝากแง่คิดกับชาวนาว่า “ต้องรู้ว่านาของตัวเองเป็นอย่างไร การที่เราไปซื้อยาโดยไม่บอก เหมือนไปหาหมอ ถ้าหมอไม่รู้โรค ก็จัดยาให้ไม่ถูก เราไปซื้อยา บอกว่ามีหญ้าแบบนี้ เขาจัดมา เราก็ฉีด สิ่งสำคัญที่สุดของข้าว คือ หญ้า ถ้ามันโตพร้อมกับข้าวๆ ก็ไม่สมบูรณ์ ส่วนเรื่องแมลง เชื้อรา ขอให้เกษตรกรป้องกันอย่างเดียว”
บริษัท ไทยออน เคมีภัณฑ์ จำกัด 741 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ www.thaionchemical.co.th โทร.02-6820901, 02-6820903, 098-8277-983