สำรวยฟาร์ม รวยเพราะฝีมือผลิตกุ้งก้ามกรามเพศผู้ 90%
เรื่อง ธุรกิจเกษตร ในประเทศไทยล้วนขับเคลื่อนได้เพราะ ฝีมือ ล้วนๆ ต้อง เก่ง มากกว่า “ เฮง ” เนื่องจากมี ปัจจัยลบ มากมายมากระทบ
ตัวควบคุมยากที่สุดได้แก่ “ สภาพอากาศ ” และ ตลาด ที่แปรปรวน
หากเจาะเข้าไปใน “ ธุรกิจกุ้ง ” ทั้ง ก้ามกราม วานาไม หรือ กุลาดำ วันนี้มีความเสี่ยงสูงมาก ๆ
ทั้ง 3 กุ้ง เป็น กุ้งอินเตอร์ ต้องใช้ฝีมือในการผลิตให้ได้ทั้งคุณภาพและปริมาณซึ่งไม่ง่าย
ยกตัวอย่าง กุ้งก้ามกราม ที่มีการพัฒนา “ พันธุกรรม ” แบบก้าวกระโดด ตลาดกุ้งเนื้อเจอปัญหามาตลอด เกษตรกรที่อยู่รอดต้องเก่งในการบริหาร ต้นทุน และทำผลผลิตให้ได้ตามเป้า ผู้ผลิตลูกพันธุ์ก็ต้องมี คู่ค้าถาวร ซึ่งเป็นเกษตรกรมืออาชีพจริง ๆ
ดังนั้นการดำรงอยู่ของ สำรวยฟาร์ม ท่ามกลางความท้าทายในธุรกิจกุ้ง ดำเนินไปด้วย ทักษะ และ ปัญญา ที่สั่งสมมาหลายทศวรรษของ คุณสำรวย บุญมี ชาวสุพรรณบุรี โดยกำเนิด
สำรวยฟาร์ม เป็นฟาร์ม (GAP) มาตรฐานของกรมประมงที่ซื่อสัตย์รักษาคุณภาพทำตามกฎกติกาของกรมตลอดเวลาเพราะเขาถือว่าวิชาหรือองค์ความรู้จากกรมนำมาใช้แล้วเห็นผลลัพธ์ทางธุรกิจชัดเจนจนต่างชาติอย่าง “ ญี่ปุ่น ” ยอมรับ
ทุก 6 เดือน กุ้งก้ามกรามจาก สำรวยฟาร์ม ถูกตรวจจากกรมประมงอย่างละเอียด
ดังนั้น ผู้ซื้อลูกกุ้งทุกคนต้องลงทะเบียน “ ใบเกิด ” เพื่อรายงานกรมประมงและต้องมีใบทะเบียนฟาร์ม
ทำไมต้องผลิตลูกกุ้งก้ามกรามเพศผู้ 90% และราคาต่ำกว่าตลาด ??
คุณสำรวย เปิดเผยว่าตนเกิดในครอบครัวพ่อแม่ พี่น้องทำลูกกุ้งก้ามกรามในอำเภอสองพี่น้องมากว่า 20 ปี แต่ตนต้องแยกครอบครัวมาเช่าฟาร์มเพื่อเพาะลูกกุ้งก้ามกราม กุ้งขาว ที่กำแพงแสน ทั้งสำเร็จและล้มเหลว ต้องไปทำอาชีพอื่นแต่ก็ไปไม่รอดจนค้นพบตัวเองว่าต้องกลับมาเพาะลูกกุ้งก้ามกรามอย่างเดียวเท่านั้น เพราะมีประสบการณ์เพาะเลี้ยงทั้ง บ่อดิน และ บ่อปูน จึงตัดสินใจซื้อที่ 3 ไร่ มาถมพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย และ ฟาร์มเพาะไม่ต่ำกว่า 42 บ่อ ทำเป็นฟาร์มมาตรฐานของกรมประมง
นอกจากนี้คุณสำรวยยังมี บ่อดิน ไว้เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ให้สมบูรณ์ พูดง่ายๆว่า บ่อเพาะเลี้ยงจำเป็นมาก ๆ ส่วนองค์ความรู้ได้จากกรมประมงเป็นหลัก “ ผมไม่ได้จบประมง วิชาการ ประสบการณ์จะรู้จากกรมประมงเขาสอนให้เราจึงรู้ว่า บ่อดิน เลี้ยงอย่างไร ในบ่อปูนต้องทำอย่างไร ”คุณสำรวยเปิดเผยเมื่อ
วันที่ 13 กรกฎาคม 2567
การพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ ของสำรวย ฟาร์ม
เมื่อถามถึงการพัฒนาพ่อ แม่พันธุ์ซึ่งต้องใช้ 1: 4 คุณสำรวยให้ความเห็นว่า ต้องมีลูกพันธุ์ที่ดี เริ่มเลี้ยงจนเป็นพ่อแม่พันธุ์โดยเฉพาะพ่อพันธุ์ต้องหาให้ได้ ตัวผู้แท้ ๆ ที่มีน้ำเชื้อ แต่ตัวผู้ที่เขาทำพันธุกรรมมาแล้วจะไม่มีเชื้อเป็นกระเทย ต้องเอาตัวผู้แท้ ๆ จากธรรมชาติเท่านั้น เอามาเลี้ยงในบ่อดิน โดยคัดเอาตัวที่มีก้ามทองตัวสวยๆ โครงสร้างสมบูรณ์ อายุ 5-6 เดือนน้ำเชื้อจะดี ให้ผสมพันธุ์กับตัวเมียประมาณ 2-3 เดือน ก็รู้แล้วว่ามันแก่ก็ต้องปลดระวางเอาพ่อหนุ่มเข้ามาแทนส่วน แม่กุ้ง ต้องตัวใหญ่สมบูรณ์หนวดและขาดีเมื่อผสมแล้วไม่เกิน 3 อาทิตย์มันจะไข่ ไข่ฟองเป็นสีแดงๆสวย พอได้ 1 อาทิตย์ ไข่จะดำก็ต้องจับแม่กุ้งขึ้นมาเพื่อทำ นอเพลียส นั่นเอง
อาหารที่ สำรวยฟาร์ม ใช้เลี้ยง พ่อ แม่พันธุ์
การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ เรื่องอาหารจำเป็นมาก ๆ คุณสำรวยเน้น “ อาหารสด ” เพราะพ่อแม่พันธุ์บ่อละ 250 ตัวสมบูรณ์แข็งแรงอยายุไม่แก่ หรืออ่อนเกินไป นอกจากนี้ต้องให้ วิตามิน และ อาหารเสริม ควบคู่กันไปด้วยเพื่อให้ได้ไข่ที่สมบูรณ์
การเลี้ยงนอเพลียสให้ได้ ลูกกุ้งคุณภาพ ต้องมีองค์ความรู้หลายด้าน คุณสำรวย ยอมรับว่าจาก นอเพลียสเลี้ยงไป อีก 20 วัน เป็นช่วงเวลาสำคัญมาก “ ต้องดูแลอย่างดีเทสน้ำให้ดี น้ำไม่เสียต้องถ่ายน้ำ ให้กินอาร์ทีเมียนำเข้า พอโตขึ้นมาต้องให้กินไข่หรือเต้าหู้หากให้กิน 5 มื้อ ก็ต้อง 5 มื้อห้ามเปลี่ยนแปลง ”
อาร์ทีเมียจากเมืองนอกราคาหลักหมื่น / กก. ก็ต้องยอมเพื่อให้ลูกกุ้งโตแข็งแรงสมบูรณ์ต้องลงทุนซื้อ น้ำเค็ม มาสต๊อกไว้ในบ่อพร้อมกับ น้ำจืด เพราะเรื่องน้ำประมาทไม่ได้ เช่นเดียวกับการให้ ออกซิเจน ต้องเสียค่าไฟเดือนละหลายหมื่นบาทก็ต้องยอม
เทคนิคของสำรวย ฟาร์ม ในการเลี้ยงกุ้ง ให้ประสบความสำเร็จ และมีคุณภาพ
ส่วนการดูแลฟาร์มบุตรชายได้รับการถ่ายทอด วิทยายุทธ จากพ่อพร้อม ๆ กับคนงานประจำฟาร์มเป็นคนไทยแท้ในท้องถิ่น
ความละเอียดในการเลี้ยงลูกกุ้งถึงขนาดต้องตีโจทย์ให้แตกว่าทำไมลูกกุ้งไม่ชอบอยู่ในที่โล่งๆ เพราะมันเครียด จำเป็นต้องเปลี่ยนสีน้ำให้ทึบเพื่อให้กุ้งพรางตัวไม่เครียดกินอาหารเก่งโตไวพอครบ 20 วัน ลูกกุ้งเริ่มคว่ำก็ปรับสีน้ำปกติ
ละเอียดถึงขั้นที่ว่าการให้อาหารลูกกุ้ง ต้องให้ทีละน้อยเพื่อให้กุ้งกินหมดจะไม่ตกค้างเป็นก๊าซแอมโมเนียในบ่อจนเกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่ายเมื่อลูกกุ้งคว่ำต้องเติม น้ำจืด ลดความเค็มให้กุ้งปรับตัวเพราะจะถูกเคลื่อนย้ายให้ลูกค้าไปเลี้ยงในบ่อดินที่มีค่าน้ำตรงกัน
คุณสำรวย ได้สรุปไว้ใน นิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับที่ 401 เดือน มกราคม 2566 ว่า “ ต้องเอาใจใส่ทุก ๆ เรื่องตั้งแต่การเสาะแสวงหาพ่อแม่พันธุ์ที่สเปกได้คุณภาพ การปูพื้นดิน การทำบ่อ การปรับ PH ของน้ำในบ่อเลี้ยง การให้อาหาร และการสังเกตในแต่ละช่วงเวลาการเลี้ยง ตั้งแต่การอนุบาล การย้ายบ่อจนถึงกุ้งเริ่มคว่ำ เป็นต้น ปัจจัยทุกอย่างมีความสำคัญต้องเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ”
ติดต่อและเยี่ยมชม สำรวยฟาร์ม เลขที่ 80 หมู่ 3 ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140
โทร. 081-857-8771
ขอขอบคุณภาพประกอบข่าวจาก สำรวยฟาร์ม
อ้างอิง นิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับ 420 (สิงหาคม 2567)