ปลูกพริกไทย ซีลอน ไม่พอป้อนตลาด
พริกไทย เป็นพืชไม้เลื้อย วงศ์เดียวกับต้นพลู มีอายุยืนประมาณ 15-20 ปี มีผลเป็นพวง เมล็ดขนาดเล็ก เหมาะนำมาทำเป็นเครื่องเทศ มีรสชาติที่เผ็ดร้อน โดยการรับประทานสามารถทานเป็นพริกไทยสด หรือจะแปรรูปมาเป็นพริกไทยดำหรือพริกไทยขาว เพื่อจะสามารถยืดเวลาการเก็บได้ยาวนานขึ้น และอีกสิ่งหนึ่งที่ปฎิเสธไม่ได้เลยถึงสรรพคุณทางด้านสมุนไพรที่ช่วยป้องกันโรคบางชนิดได้ดีอีกด้วย
อีกทั้งพริกไทยเองก็เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีความต้องการของตลาดสูงมาก ทั้งพริกไทยสด พริกไทยดำ และพริกไทยขาว เพราะมีการบริโภคกันทั่วโลก แต่กลับสามารถที่จะเพาะปลูกได้ในบางพื้นที่ของแถบเอเชียเท่านั้น อีกทั้งราคาของพริกไทยก็สูงมากด้วย พืชสมุนไพรตัวนี้จึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจและน่าส่งเสริมกับเกษตรกรชาวไทย
ทีมงานนิตยสารเมืองไม้ผล ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ ด.ต.บรรพต สิริถาวรวิวัฒน์ ที่ไร่ดาบบรรพต จ.สุโขทัย ผู้ที่ใช้เวลาว่างหลังราชการมาทำอาชีพทางการเกษตร ปลูกพืชในแนวลักษณะผสมผสาน แต่เป็นจุดเด่นที่สุด คือ พริกไทยซีลอน พันธุ์ยอดขาว เพื่อที่จะแนะนำให้ทุกท่านได้รู้ถึงวิธีการปลูก ดูแลรักษา การขยายพันธุ์ สรรพคุณต่างๆ ตลอดจนทิศทางการตลาดจะเป็นในทางไหน เชิญติดตามได้เลยครับ
จุดเริ่มต้นของไร่ดาบบรรพต
ด้วยอายุที่เริ่มมากขึ้น ด.ต.บรรพต จึงตัดสินใจกับภรรยาว่าอยากจะทำการเกษตร เนื่องจากมีที่ดินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และมองว่าในยุคสมัยปัจจุบันที่ดินในการทำเกษตรลดน้อยลงมาก อีกทั้งฝนฟ้าอากาศปัจจุบันไม่ค่อยแน่นอน แล้งบ้าง น้ำท่วมบ้าง ทำให้คนทำเกษตรกรในอดีตและยุคใหม่น้อยลงไป ตนจึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำการเกษตรขึ้นมา ประกอบกับในที่ดินมีแหล่งน้ำที่สามารถใช้ได้ตลอดทั้งปี จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำเกษตร
แรกเริ่มเข้ามาอยู่ในวงการเกษตรประมาณปี พ.ศ.2553-2554 มีการปลูกมะปรางหวาน มะยงชิด ประมาณ 150 ต้น พอปลูกได้ซักระยะเกิดความคิดว่าการปลูกพืชเชิงเดี่ยวจะไม่เป็นผลดีเท่าไหร่นัก จึงได้คิดริเริ่มนำพริกไทยมาปลูกเสริม เพราะมีความสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากเคยเห็นคน ปลูกพริกไทย ที่จังหวัดพิษณุโลก จึงเป็นแรงบันดาลใจใน การปลูกพริกไทย
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นใน การปลูกพริกไทย ของไร่ดาบบรรพต โดยพันธุ์พริกไทยที่นำมาปลูก คือ พันธุ์ซีลอน ยอดขาว ซึ่งไปได้พันธุ์มาจาก อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ประมาณ 2,000 ต้น ปลูกพริกไทย ในพื้นที่ 2 ไร่ ทั้งหมด 480 หลัก
การปรับปรุงสภาพดินเป็นสิ่งสำคัญ
ดินเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะปลูกพืชชนิดไหนก็จะต้องมีการจัดการดินก่อน ปลูกพริกไทย จำเป็นต้องรู้ว่าในพื้นที่การ ปลูกพริกไทย ของตนเองนั้นเป็นดินลักษณะแบบใด และขาดแร่ธาตุอะไรในดิน เพื่อให้พืชที่เราได้ลงทุนลงแรงในการปลูกดูแลรักษามีอายุยืน และให้ผลผลิตตอบแทนเราได้สูงสุด
ในระยะแรกไร่ดาบบรรพตประสบปัญหาเรื่องดิน ทั้งในเรื่องของดินแข็งและดินไม่มีแร่ธาตุอยู่เลย เนื่องจากในสมัยก่อนได้มีการทำฟาร์มเลี้ยงหมู มีการใช้รถบดหน้าดิน เพื่อทำให้ดินแน่น ทำให้ปลูกพืชได้ยาก ด.ต.บรรพต จึงได้นำหญ้าแฝกตามพระราชดำริของในหลวงมาปลูก เพราะหญ้าแฝกมีคุณสมบัติทะลายหน้าดิน ทำให้การซับน้ำในดินดีขึ้น
ส่วนของดินที่ไม่มีแร่ธาตุนั้นก็ใช้ปุ๋ยพืชสดในการบำรุงดิน คือ เมื่อมีหญ้าขึ้นก็ตัดทิ้ง แต่ไม่ตัดจนโล่งเตียน ปล่อยให้มีคลุมหน้าดินบ้าง แต่จะไม่เก็บทิ้ง ปล่อยให้ย่อยสลายไปเอง โดยจะอาศัยไส้เดือนในการช่วยย่อยสลาย จึงทำให้พื้นที่ในการเพาะปลูกดีขึ้นตามลำดับ
การปลูกพริกไทย
ปลูกพริกไทย จะต้องเริ่มจากการเตรียมแปลงก่อน ไถพรวนให้ร่วนซุย ตากดินประมาณ 2 อาทิตย์ หรืออาจจะหว่านปอเทือง และไถกลบเพื่อปรับโครงสร้างของดิน ถ้าเป็นพื้นที่ลุ่มก็จะต้องมีการยกร่องแปลงเพื่อช่วยในการระบายน้ำ เมื่อเวลาฝนตกจะได้ไม่ท่วมถึงโคน
เมื่อเตรียมดินแล้วก็ทำการตั้งเสา ใช้ความสูงประมาณ 3 เมตร หรือมากกว่านั้น ถ้าเสายิ่งสูง ผลผลิตก็ได้เยอะขึ้น ฝังต้นเสาลึกประมาณ 50-60 เซนติเมตร
ขุดหลุมรอบหลัก 4 มุม ภายใน 1 หลัก จะสามารถ ปลูกพริกไทย ทั้งหมด 4 ต้น เว้นระยะห่าง 2.50×2.50 เมตร
เริ่มแรกการ ปลูกพริกไทย จะต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยให้สังเกตหน้าดินเป็นหลัก จะต้องให้ชื้นตลอด แต่อย่าให้แฉะหรือขัง จำเป็นต้องขยันหมั่นดูทุกเช้า-เย็น ถ้าหน้าดินชื้นไม่จำเป็นต้องรดทุกวันก็ได้ เทคนิค คือ ถ้ามีหญ้าขึ้นอย่าดายหญ้าหรือถอนจนหมด เพื่อให้เป็นตัวช่วยรักษาความชื้นในดิน
การบำรุงรักษาต้นพริกไทย
การบำรุงพริกไทยจะบำรุงได้ 2 วิธี คือ บำรุงทางต้นและทางใบ
การบำรุงทางต้น เมื่อ ปลูกพริกไทย ได้อายุครบ 3 เดือน ก็สามารถให้ปุ๋ยได้แล้ว แต่ห้ามให้ในปริมาณมาก เพราะต้นยังไม่สมบูรณ์พอ แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นก็สามารถเพิ่มปริมาณปุ๋ยมากขึ้นตามได้ เริ่มแรกสามารถให้ปุ๋ยเคมีได้ในสูตร 15-15-15 หรือ 46-0-0
แต่ใส่ในปริมาณที่น้อย และตามด้วยปุ๋ยคอกเพื่อช่วยให้หน้าดินร่วนซุย และไม่รัดตัวหรือเป็นกรดจนเกินไป จะให้ปุ๋ยคอกประมาณ 4-5 เดือน ต่อครั้ง
การบำรุงทางใบ จะใช้น้ำหมักชีวภาพต่างๆ เช่น กล้วยสุก มะละกอสุก หรือเศษปลา โดยจะผสมน้ำ 20 ลิตร กับน้ำหมัก 1 ถ้วย ฉีดพ่นทางใบ วิธีฉีด คือ ปรับหัวฉีดให้เป็นฝอยละเอียดที่สุด
ฉีดกระจายให้ทั่ว ปุ๋ยจะได้เกาะที่ใบ ปุ๋ยชีวภาพนี้จะฉีดประมาณ 1 เดือน ต่อครั้ง และจะต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอด้วย
โรคและแมลงของพริกไทย
เมื่อปลูกพืชชนิดไหนก็จะมีโรคและแมลงมารบกวนเป็นเรื่องปกติ พริกไทยก็เช่นกัน โดยโรคทั่วๆ ไปของพริกไทยที่เป็นปัญหาที่สุด คือ โรครากเน่า ที่เมื่อเป็น 1 ต้น แล้วก็จะลามไปต้นอื่นด้วย ซึ่งจะต้องแก้ตั้งแต่การรดน้ำ อย่าให้แช่ขัง หรือถ้าต้องการให้โรคหยุดเฉียบพลันก็จะต้องพึ่งเคมีเข้ามาช่วย โดยการใช้ เมตาแลคซิล แต่เมื่อหายแล้วก็ควรกลับมาใช้อินทรีย์ตามเดิม
และโรคแมลงที่พบเจอได้บ่อย คือ โรคราน้ำค้าง และเพลี้ยแป้ง ซึ่งทางแก้ของไร่ดาบบรรพตตอนนี้ที่แก้ได้ดีมาก คือ การติดตั้งสปริงเกลอร์ ให้สูงพ้นหลักขึ้นไป เลียนแบบคล้ายๆ ฝนตก เพื่อชะล้างใบ เปิดน้ำในเวลาช่วงเช้า ปัญหาเรื่องราน้ำค้างกับเพลี้ยแป้งก็หมดไป
ส่วนแมลงตัวอื่นที่ทางไร่ยังไม่พบเจอ คือ หนอนเจาะลำต้น คือ สามารถสังเกตได้จากผีเสื้อที่บินในแปลง ถ้ามี คือ จะมีความเสี่ยง เพราะจะไปวางไข่และเจาะลำต้นพริกไทยดำให้เสียหายหรือตายได้
การขยายพันธุ์พริกไทย
พริกไทยสามารถขยายพันธุ์ได้ 2 วิธีหลักๆ คือ การเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง ปักชำ ส่วนวิธีการที่ทางไร่ดาบบรรพตใช้ คือ การตอนกิ่ง ปักชำ คือ การตอนกิ่งจำเป็นต้องรอฤดูฝนเพื่อให้ได้ยอดที่ใช้ตอนโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะเรียกว่า “ไหล” เมื่อเข้าฤดูฝนไหลจะยาวออกมา มีรากตามข้อสีขาวปนน้ำตาล นั่นคือแสดงว่าสามารถทำกิ่งตอนที่สมบูรณ์ได้
การตอนต้องนำขุยมะพร้าวแช่น้ำอย่างน้อย 1 คืน บรรจุถุงขนาด 2.5×5 นิ้ว และนำตุ้มกิ่งตอนมาหุ้มกับรากที่อยู่ในไหลยอดที่สมบูรณ์ โดยภายใน 1 ไหล ห้ามตอนเกิน 3 ตุ้ม เพื่อให้กิ่งตอนมีความสมบูรณ์ที่สุด
เมื่อเวลาครบ 1 เดือน รากก็จะออกเต็มถุงตอนสามารถตัดบรรจุถุงอนุบาลในถุงดำ อีก 45 วัน แล้วนำลง ปลูกพริกไทย หรือส่งจำหน่ายได้ และการปักชำจะนำไหลยอดมาปักชำลงในถุงที่เตรียมไว้ แล้วนำไปควบแน่นเพื่อให้รากต้นพริกไทยที่ชำเดินและขยายออก
ส่วนการเพาะเมล็ดต้นจะโตช้าและต้นเล็ก และยังไม่แน่ใจว่าจะให้ผลผลิตเร็วหรือไม่ ซึ่งทางไร่ดาบบรรพตเองยังไม่ได้ทดลองในส่วนนี้
ผลผลิตของพริกไทย
ผลผลิตของพริกไทยจะมีทั้งพริกไทยสด พริกไทยดำ และพริกไทยขาว โดยทั้งหมดนี้จะมีระยะเวลาการเก็บเกี่ยวที่ต่างกัน คือ พริกไทยจะเริ่มแทงช่อตั้งแต่อายุลำต้นไว้ 8 เดือน หลังจากระยะแทงช่อประมาณ 4 เดือน ผลผลิตก็จะออกชุดแรกเป็นพริกไทยสด แต่ผลผลิตจะยังน้อยเพราะพุ่มยังไม่โต ซึ่งจะเรียกว่า “โขนง” ลักษณะจะแตกออกทางด้านข้าง
พอเข้าเดือนที่ 5 เมล็ดก็จะแก่ขึ้น สามารถเก็บมาทำเป็นพริกไทยดำได้ แต่ถ้าเกิดอยากได้พริกไทยขาวจำเป็นต้องรอเข้าเดือนที่ 6 รอให้เมล็ดพริกไทยมีสีแดง สุกหรือแก่จัด ก็สามารถเก็บผลผลิตเพื่อนำมาทำเป็นพริกไทยขาวได้ โดยราคาของพริกไทยแต่ละชนิดก็จะมีราคาสูงแตกต่างกันไปตามระยะเวลาที่เก็บเกี่ยวอีกด้วย
การทำพริกไทยดำเมื่อเก็บผลผลิตก็นำมาตากแดดให้แห้ง ก็จะกลายเป็นพริกไทยดำ ส่วนการทำพริกไทยขาวเมื่อเก็บผลผลิตที่สุกเต็มที่มาแล้วจะต้องลวกน้ำและนำมายีเปลือกออกให้เหลือแต่แกนเมล็ด และนำไปตากแดดก็จะได้เป็นพริกไทยขาวออกมา
โดยราคาพริกไทยสดในฤดูฝนจะอยู่ในราคา 60-80 บาท/กก. แต่ถ้าฤดูอื่นจะอยู่ที่ 200-250 บาท/กก. พริกไทยดำในตลาดปัจจุบันจะอยู่ที่ 400-420 บาท/กก. และพริกไทยขาวจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 600 บาท ขึ้นไป ถือว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีราคาสูงพอสมควร
การจำหน่ายผลผลิตและกิ่งพันธุ์
ด้วยการรวมกลุ่มกันเครือญาติประมาณ 4-5 ครัวเรือน ซึ่งรวมๆ แล้วมีการปลูกพริกไทยประมาณ 7,000 หลัก มีการจำหน่ายผลผลิตและกิ่งพันธุ์ให้กับผู้ที่สนใจ
การจำหน่ายผลผลิตของไร่ดาบบรรพตจะส่งแค่พริกไทยอ่อนให้กับร้านอาหารประจำ แต่ยังไม่มีการจำหน่ายพริกไทยดำและพริกไทยขาว เนื่องจากผลผลิตที่ออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
ส่วนการจำหน่ายกิ่งพันธุ์จะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ กิ่งตอนที่สามารถจัดส่งทางไปรษณีย์ได้ และกิ่งปักชำที่จะต้องมารับเองที่ไร่ หรือเดินทางไปจัดส่งได้ ราคากิ่งตอนจะอยู่ที่ 23 บาท/กิ่ง ไม่รวมค่าจัดส่ง และกิ่งปักชำอยู่ในราคาที่ 25 บาท/กิ่ง
ไม่รวมค่าจัดส่ง โดยทางกลุ่มสามารถผลิตกิ่งพันธุ์ได้ 10,000 กิ่ง/เดือน ยอดการสั่งซื้อปีที่แล้ว กิ่งตอนอยู่ที่ 50,000 กิ่ง ส่วนกิ่งปักชำอยู่ที่ 60,000 กิ่ง มีลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ทางภาคใต้และประเทศกัมพูชาเป็นส่วนใหญ่ และเริ่มมีลูกค้าในภาคอีสานบางส่วน
การวางแผนสู่อนาคต
ไร่ดาบบรรพตในขณะนี้มีการดำเนินการขอ GAP กับทางเกษตรคีรีมาศ เพื่อรับรองให้เป็นมาตรฐานมากขึ้น มีการวางอนาคตในการผลิตและจำหน่ายเมล็ดพริกไทยดำ พริกไทยขาว อย่างเต็มรูปแบบ เพราะในปัจจุบันความต้องการพริกไทยดำ พริกไทยขาว สูงมาก และในประเทศไทยเองก็ยังขาดแคลนอยู่ และจะเริ่มทดลองนำต้นโคลูบรินั่มมาเสียบยอดพริกไทยเพื่อให้ผลผลิตสูงขึ้น
ด.ต.บรรพต กล่าวว่า “พริกไทยในประเทศเราทุกวันนี้ก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว และเท่าที่ทราบอินเดียก็สั่งนำเข้าพริกไทยสดจากเรา อย่าง จีน พริกไทยดำมีเท่าไหร่ก็รับหมด แต่สิ่งสำคัญของการปลูกพริกไทย คือ เรื่องน้ำ ดินสามารถพัฒนาได้ การดูแลก็สำคัญเช่นกัน
ถ้าหมั่นดูแลยังไงก็งาม รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน ทั้งเรื่องราคาและตลาด ผมมั่นใจว่าไม่ล้นและไม่เต็ม จึงอยากให้หันมาปลูกกันเยอะ มีรายได้ เพราะยังไงคนก็สั่งซื้อไปบริโภคอยู่แล้ว และก็มีสรรพคุณทางยาด้วย”
ประโยชน์และสรรพคุณของพริกไทย
พริกไทยมีสรรพคุณต่างๆ ทั้งช่วยบรรเทาอาการจุกเสียด แน่นเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ปวดท้อง แก้หวัด ขับเหงื่อ ขับเสมหะ ทำให้เจริญอาหาร แก้ปวดเมื่อย หรือเป็นตะคริว ฯลฯ นี่คือประโยชน์ส่วนหนึ่งของพริกไทยที่เป็นทั้งอาหารและยาในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้นหันมาบริโภคพริกไทยกันเยอะๆ นะครับ
ขอขอบคุณ
พริกไทยซีลอน ไร่ดาบบรรพต
ด.ต.บรรพต สิริถาวรวิวัฒน์
คุณนรัญภรณ์ สิริถาวรวิวัฒน์
คุณวีระพงศ์ รอดคำ
52 ม.7 ต.หนองจิก อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย 64160
ปลูกพริกไทย
โทร.08-7315-2389, 08-6686-2584, 08-3623-3222