วิธีปลูกมันสําปะหลัง เพื่อให้ผลผลิตสูง ประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย มีวิธีการไม่ยาก แต่จำเป็นต้องใช้การผสมผสาน
จังหวัดกำแพงเพชรเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มี การปลูกมันสำปะหลัง มากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย และยังมีการปลูกอ้อยเพิ่มมากขึ้น เนื่องมีโรงงานน้ำตาลเกิดขึ้นในพื้นที่มากกว่า 2 โรงด้วยกันทำให้เกษตรกรในพื้นที่มุ่งเน้นการปลูกพืชเศรษฐกิจหลัก 2 ชนิดนี้เพื่อตอบโจทย์กับตลาดที่รองรับผลผลิตได้อย่างต่อเนื่อง
คุณสิทธิชัย อยู่เย็น เกษตรกรอีกคนหนึ่งในพื้นที่ ต.เพชรชมพู กิ่งอ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ได้นำพื้นที่กว่า 200 ไร่ มาแบ่งปลูกอ้อยจำนวน 100 ไร่ และปลูกมันสำปะหลังอีก 100 ไร่ให้เป็นอาชีพหลักมานานถึง 10 กว่าปีแล้ว
โดยมีผลกำไรต่อปีถึงหลักล้านขึ้นไป ซึ่งคุณสิทธิชัยได้เผยถึงองค์ความรู้ในการปลูกตลอดจนการดูแลทั้งอ้อยและมันสำปะหลัง ให้ได้ผลผลิตที่ดีว่าตนจะเน้นการปลูกอ้อยข้ามแล้งเป็นหลักเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยได้ดี โดยไม่ต้องอาศัยน้ำชลประทาน
นอกจากนี้คุณสิทธิชัยยังใช้พื้นที่อีกว่า 100 ไร่ใน การปลูกมันสำปะหลัง ที่มีหลักการง่ายๆโดยการสังเกตว่าถ้าให้เลือกระหว่างปลูกอ้อย หรือ มันสำปะหลังดี ก่อนอื่นเราต้อง มาดูที่ดินของเราก่อนว่า ถ้าเป็นดินเหนียวหรือร่วนปนดินลูกรัง
แน่นอนว่าไม่ควรปลูกมันสำปะหลัง เพราะมันแทงหัวยาก ทำให้หัวเล็ก ถ้าจะปลูกจริง ๆ ก็ใช้การยกร่องสูง ๆ เข้ามาช่วยค่ะ แต่ถ้าเป็นดินเหนียว , ร่วนทราย , ทราย , ลูกรัง แบบนี้เอาพื้นที่ไปปลูกอ้อยดีกว่า
ซึ่ง การปลูกมันสำปะหลังให้ได้ผลผลิตสูงสุดก็คือ
การปรับปรุงดินให้เหมาะสมต่อ การปลูกมันสำปะหลัง
โดยการเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน ได้แก่ การใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์หรือเปลือกมัน จากโรงงานแป้ง หรือ ปุ๋ยพืชสดจากปอเทืองและถั่วพร้า ปลูกแล้วไถกลบในกรณีที่ดินถูกใช้งานมาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดชั้นดินดานใต้ดินจาก รถแทรกเตอร์
ทำให้น้ำระบายลงใต้ดินได้ยากในฤดูฝน เกิดปัญหาหัวเน่าจากน้ำท่วมขังในช่วงฤดูแล้ง มันสำปะหลังไม่สามารถใช้น้ำใต้ดินได้ ทำให้ชะงักการเจริญเติบโต
ดังนั้นควรไถระเบิดชั้นดินดาน หรือใช้หญ้าแฝกปลูกประมาณ 1 – 2 ปี เพราะหญ้าแฝกมีระบบรากลึก สามารถทำลายชั้น ดินดานได้ อีกทั้งเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุให้กับดินด้วย
การเลือกฤดู และ วิธีปลูกมันสําปะหลัง
การเลือกฤดู และ วิธีปลูกมันสําปะหลัง ควรเลือกวันปลูกเพื่อให้ช่วงอายุ 3 – 12 เดือน ของมันสำปะหลังได้รับฝนมากที่สุด เพราะผลผลิตขึ้นอยู่กับปริมาณ น้ำฝนในช่วงอายุดังกล่าว
โดย การปลูกมันสำปะหลัง แบบอาศัยน้ำฝนจะให้ผลผลิตสูงสุดเมื่อปลูกในช่วงฤดูร้อน ( กุมภาพันธ์ – มีนาคม) รองลงมาคือ ต้นฤดูฝน ( เมษายน – พฤษภาคม ) และปลายฤดูฝน ( ตุลาคม – พฤศจิกายน ) แต่ วิธีปลูกมันสําปะหลัง ในช่วงฤดูร้อน และปลายฤดูฝนมีข้อจำกัดของปริมาณน้ำฝน ค่อนข้างน้อย มีผลต่อการงอกของท่อนพันธุ์
การเลือกพันธุ์มันสำปะหลัง
ดินที่ใช้ปลูกมันสำปะหลังโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ดินร่วมเหนียว และดินร่วมทราย ดินร่วน ซึ่งดินเหนียวถือว่าเป็นดินดี ควรปลูกพันธุ์ระยอง 5 และระยอง 72 ส่วนดินร่วนทราย ควรปลูกพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 ระยอง 90 ห้วยบง 60 และระยอง 9 เนื่องจากทั้ง 4 พันธุ์
เมื่อนำไปปลูกในดินร่วมเหนียว จะเจริญเติบโตในส่วนของลำต้นที่อยู่เหนือดินมากกกว่าลงหัว หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าขึ้นต้นหรือบ้าต้นเกินไป ส่วนพันธุ์ระยอง 7 นั้นเหมาะทั้งดินร่วนเหนียว
และดินร่วนทรายที่มีความชื้นของดินดีตลอดช่วงของการเจริญเติบโต แต่ไม่เหมาะสมกับสภาพดินที่แห้งแล้ง
การเตรียมดินให้ลึก
หลักสำคัญคือต้องไถดะ ครั้งแรกให้ลึกที่สุดด้วยผาล 3 หรือผาล 4 เท่านั้น ควรไถดะในขณะที่ดินมีความชื้นพอเหมาะ ห้ามไถดะด้วยผาล 7 เพราะจะไถได้ไม่ลึกการไถดะให้ลึกจะเพิ่มความสามารถในการเก็บกักความชื้นของดินได้มากขึ้น และมันสำปะหลังลงหัวได้ง่าย
จากนั้นตาหน้าดินเพื่อให้วัชพืชตายถ้าเป็นดินร่วนเหนียวควรไถแปรครั้งที่ สองด้วยผาล 7 แล้วยกร่องพร้อม วิธีปลูกมันสําปะหลัง ส่วนดินร่วนทรายไม่จำเป็นต้องไถแปรครั้งที่สอง สามารถยกร่องพร้อมปลูกได้เลย ในกรณีที่เกษตรกรสามารถหาปุ๋ยอินทรีย์
หรือปุ๋ยหมักได้ควรหว่านก่อนไถดะ ปุ๋ยหมักที่ใช้ได้ผลดี คือ ปุ๋ยหมักมูลไก่ 500 – 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ หรือวัสดุอินทรีย์จากกากมันที่เหลือจากโรงงานแป้ง 2 ตันต่อไร่
ใช้ต้นพันธุ์อายุ 10 – 12 เดือน
ใช้ต้นพันธุ์อายุ 10 – 12 เดือน จะให้ความงอกดีที่สุดโดยเลือกต้นพันธุ์ที่แข็งแรง มีตาถี่ขนาดโตพอสมควร ต้องตัดท่อนพันธุ์ด้วยมีด ที่คมเพื่อมิให้ท่อนปลูกซ้ำ ขนาดยาวไม่ต่ำกว่า 20 เซนติเมตร ปลูกปักตรงให้ลึก 2 ใน 3 ของความยาวท่อนปลูก
ในดินร่วนเหนียวควรใช้ระยะแถวกว้าง 1.20 เมตรระยะปลูกตั้งแต่ 0.50 – 1.00 เมตร และในดินร่วนทราย ควรใช้ระยะแถวแคบ 0.80 เมตร ระยะปลูก ตั้งแต่ 0.50 – 0.80 เมตร
การกำจัดวัชพืช
การกำจัดวัชพืช ต้องทำภายในช่วง 3 เดือนแรกถือว่าเป็นช่วงสำคัญของ การปลูกมันสำปะหลัง ต้องดูแลรักษาให้มันสำปะหลังปลอดวัชพืช ถ้าปล่อยให้วัชพืชแข่งขันกับมันสำปะหลังทำให้มันสำปะหลังแคระแกร็น มีผลให้ผลผลิตลดลงมาก การกำจัดวัชพืชสามารถเลือกทำแบบผสมผสาน
โดยใช้จอบถาง ใช้รถไถเดินไถระหว่างร่อง ใช้สารเคมีประเภทคลุมก่อนวัชพืชงอก หรือสารเคมีฆ่าหลังวัชพืชงอก สารเคมีประเภทคลุมใช้ได้ผล เฉพาะการปลูกต้นฤดูฝนเท่านั้น และห้ามใช้ไกลโพเสทในขณะที่มันสำปะหลังต้นเล็กอยู่ เพราะจะทำให้มันสำปะหลังชะงักการเจริญเติบโต
การใส่ปุ๋ยเคมี
การใส่ปุ๋ยเคมี ควรเลือกใส่ปุ๋ยเคมีอัตราส่วน 2 : 1 : 2 ปุ๋ยเคมีที่แนะนำ คือ 15-7-18 หรือ 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ โดย ใส่ปุ๋ย 2 ครั้งข้างลำต้นรัศมีพุ่มใบแล้วกลบ ใส่ปุ๋ยครั้งเดียวเมื่ออายุ 1 เดือน หลังจากปลูกและต้องใส่ปุ๋ยเคมีในขณะที่ดินมีความชื้นและต้องกลบปุ๋ยด้วย
ถ้าไม่กลบปุ๋ย อาจสูญเสียปุ๋ยมากเกิน 50 เปอร์เซ็นต์สำหรับ การเก็บเกี่ยวควรเลือกเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังในช่วงที่เหมาะสม ตั้งแต่ 10 – 18 เดือน ควรงดเว้นการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังในช่วงฝนแรก คือ ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายน เนื่องจากมันสำปะหลังแตกใบอ่อนจะให้เปอร์เซ็นต์แป้งต่ำ
การให้น้ำมันสำปะหลัง
การให้น้ำมันสำปะหลัง ควรให้น้ำในช่วงฤดูแล้งเพื่อจะช่วยให้มันสำปะหลังมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องหรือทำให้ใบร่วงน้อยที่สุด ซึ่งจะมีผลทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นแต่ละเดือนอย่างก้าวกระโดด ดังนั้น การปลูกมันสำปะหลังเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด ต้องปลูกในช่วงฤดูฝน
คือ ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเมษายน มีการให้น้ำในช่วงสองเดือนแรกของการเจริญเติบโตตามความจำเป็น และให้น้ำเต็มที่ในช่วงฤดูแล้ง 5 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม เก็บเกี่ยวที่อายุ 12 เดือน ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว
ขอขอบคุณ คุณสิทธิชัย อยู่เย็น
วิธีปลูกมันสําปะหลัง, การปลูกมันสําปะหลัง, มันสําปะหลัง, การเลือกพันธุ์มันสำปะหลัง, การให้น้ำมันสำปะหลังวิธีปลูกมันสําปะหลัง, การปลูกมันสําปะหลัง, มันสําปะหลัง, การเลือกพันธุ์มันสำปะหลัง, การให้น้ำมันสำปะหลัง
โทร.088-158-7309 เลขที่ 124/3 หมู่ 1 ต.เพชรชมพู กิ่งอำเภอโกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร 62000