ปลูกมะม่วง ชีวภาพ ทำเงินทุกสัปดาห์ สร้างรายได้ทุกเดือน
- คุณจรัลและคุณสุดปลาย อรุณคีรีวัฒน์ มะม่วงชีวภาพ
- จุดเริ่มต้นของการทำสวนมะม่วงของหมอดิน
- กิ่งพันธุ์มะม่วงสายพันธุ์ต่างๆ
- การใช้ปุ๋ยน้ำและฮอร์โมนปลา
- ผลผลิตคุณภาพ ปลอดสารเคมี
- การห่อผลผลิตมะม่วง
- ผลผลิตเตรียมส่งลูกค้า
คุณจรัล และ มะม่วงชีวภาพ
หากศรัทธา “ แม่ธรณี ” ว่า ถ้าแม่สมบูรณ์ ลูกก็สมบูรณ์ ปลูกอะไรก็ได้ผลผลิตที่ดี ซึ่งเรื่องนี้ คุณจรัล อรุณคีรีวัฒน์ หมอดินชื่อดังแห่งเมืองราชบุรี ประธาน กลุ่มวิสาหกิจเกษตรพอเพียง ต.ดอนคา อ.บางแพ จ.ราชบุรี
ได้ปรับปรุงบำรุงที่ดินเนื้อที่ 7 ไร่เศษ ให้ปราศจากสารเคมี มีอินทรียวัตถุ ( OM ) และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เช่น ไส้เดือน และจุลินทรีย์ เป็นต้น เพราะได้เห็นพิษภัยจากการทำเกษตรเคมีมาแล้ว
คุณจรัลและครอบครัวได้ปลูกพืชบนท้องร่อง โดยใช้ “ มะม่วง ” เป็นพืชหลัก เสริมด้วยผัก เช่น แฟง พริก บวบหอม และมะเขือ เป็นต้น ส่วนในท้องร่องก็เลี้ยงปลา และเป็นแหล่งลำเลียงพืชผลทางเรือ หรือใช้เรือบรรทุกเครื่องพ่นปุ๋ย เป็นต้น
“ ตอนแรกผมใช้สารเคมีมาก ดินแข็ง เพราะตอนมาเซ้งได้ปลูกกุหลาบ ต้องฉีดสารเคมีทุกอาทิตย์ ” คุณจรัลเปิดเผยถึงการเข้ามาทำเกษตรที่ผ่านมาก่อน ปลูกมะม่วง โดยที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน เพราะอดีตเขาคือพ่อค้าจิวเวอรี่และทองคำเมื่อ 30 ปีก่อน
เมื่อทำเกษตรก็ทำตามที่เห็นคนอื่นทำ การปลูกกุหลาบไปไม่ไหวด้วยสาเหตุหลายอย่าง ก็หันไปปลูกฝรั่ง ถูกโกงจนหมด เมื่อชมพู่ทับทิมจันท์เข้ามาก็หันไปปลูกชมพู่ทับทิมคนแรกแต่สุดท้ายกลายเป็นของปลอม ต้องเจ็บตัวอีกครั้ง นอกจากนี้คุณภาพก็ย่ำแย่
ด้วยเหตุนี้จึงต้องหันมาทำเกษตรปลอดสารพิษ ด้วยการฟื้นฟูดินเป็นอันดับแรกเดินทางศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังขึ้นและในส่วนของพืชจึงเลือก “ มะม่วง ” เป็นพืชหลัก มีทั้งน้ำดอกไม้มัน อกร่องกะทิ ปลาตะเพียน ( อกร่องทอง ) เขียวสามรส ฟ้าลั่น บนเนื้อที่ 7 ไร่ครึ่ง พันธุ์น้ำดอกไม้มันมากที่สุด
เหตุที่ ปลูกมะม่วง น้ำดอกไม้มันมากที่สุด เพราะเป็นทั้งมะม่วงกินดิบและกินสุก มีตลาดทั้งในและนอกรองรับ และต้องทำให้มะม่วงออกผลผลิตทุกเดือน ซึ่งเป็นงานที่ท้าทาย เพราะเป็นงานยากที่ปราบเซียนมาแล้ว
จุดเริ่มต้นของการ ปลูกมะม่วง ของหมอดิน
โจทย์ที่คุณจรัลตั้งไว้ตัวแรกก็คือ จะต้องทำให้เกิด “ ความชื้น ” ทั้งในบรรยากาศและพื้นดินและทำให้ต้นมะม่วงสมบูรณ์ตลอดเวลา มันจึงจะออกใบ ติดตาดอก ติดผล ในแต่ละกิ่ง ในแต่ละต้น ที่สำคัญในทุกกระบวนการพัฒนาจากใบไปสู่ผล จะต้องไม่ใช้ “ สารเคมี ” ไม่ว่าโรคแมลงจะระบาดแค่ไหนก็ตาม ซึ่งเป็นโจทย์ที่สวนทฤษฎีการทำมะม่วง ไม่ว่านอกหรือในฤดูโดยสิ้นเชิง
แต่โจทย์นี้คุณจรัลตีแตก พยานคือใบการันตีจาก กรมส่งเสริมการเกษตร ที่เรียกว่า GAP 4 ครั้ง เป็นเวลานานกว่า 16 ปี ก็ได้เป็นประจักษ์
สมแล้วที่สมาชิกกลุ่มยกให้เป็นประธาน เพราะทำงานบรรลุเป้าหมาย ทุ่มเท เสียสละ และเอาจริงเอาจังกับทุกเรื่องและทำด้วยความตั้งใจจริงเพื่อต้องการช่วยเหลือตนเองและสมาชิกให้อยู่รอดให้ได้
ในฐานะหมอดินและปราชญ์เกษตร แน่นอนคุณจรัลย่อมรู้ดีว่าจุลินทรีย์ตระกูล พด.ของ กรมพัฒนาที่ดิน นั้น ถ้าใช้เป็นจะเกิดประโยชน์ต่อการปรับปรุงบำรุงดิน ป้องกันโรคแมลง และสร้างภูมิต้านทานให้พืช
เขาจึงใช้ “พด.” เข้ามาใช้ในการหมัก เพื่อทำปุ๋ยชีวภาพและฮอร์โมนใช้ในกลุ่ม
กิ่งพันธุ์มะม่วงสายพันธุ์ต่าง ๆ
โดยเฉพาะการผลิตปุ๋ยชีวภาพนั้น ได้ใช้วัตถุดิบหลายตัว เช่น ขี้วัว ขี้หมู ขี้ไก่ ขี้นกกระทา รำละเอียด กากน้ำตาล กากอ้อย กากถั่วเหลือง กระดูกป่น ฟอสเฟต ปลาหมัก
โดยใช้ พด.1 พด.3 พด.6 พด.9 และพด.12 รวมทั้งหมด 5 ตัว
ซึ่งจุลินทรีย์แต่ละตัวทำหน้าที่แตกต่างกัน เช่น พด.1 ย่อยสลาย พด.3 กันเชื้อรา พด.6 ดับกลิ่น พด.9 และพด.12 เป็นแม่ปุ๋ย แต่ในการหมักจะต้องเป่าลม เช้า 15 นาที เย็น 15 นาที
เข้าไปในกองปุ๋ย เพื่อมิให้เกิดก๊าซ ป้องกันการไหม้ และจุลินทรีย์หาย
นอกจากนี้ได้เจาะรูระบายอากาศเป็นชั้นๆ แล้วปล่อยไว้ 6 เดือน เพื่อให้จุลินทรีย์ทำงาน ดังนั้นปุ๋ยที่ได้จะมีคุณภาพ พิสูจน์วางไว้บนมือหรือยื่นมือเข้าไปในกองปุ๋ยแล้วจะรู้สึกเย็น
การใช้ปุ๋ยน้ำ และ ฮอร์โมนปลา
นอกจากนี้ทางกลุ่มได้ผลิต “ปุ๋ยน้ำ” เพื่อไล่แมลงและกันเชื้อรา โดยใช้สมุนไพร เช่น ไพล ขมิ้น ข่า เปลือกแค ว่านน้ำ
กล้วยอ่อน สบู่เลือด พริก กากหรือเม็ดมันแกว ยาสูบ เปลือกมังคุด (ตากแห้ง) มหาหิงส์ กระเทียม พริกไทย กากน้ำตาล
และพด.7 เอาทุกอย่างมาสับ ใส่น้ำ 40 ลิตร หมักในถังสแตนเลส 120 ลิตร 1 อาทิตย์
แล้วนำไปกลั่น เหมือนกับการกลั่นเหล้า แล้วหล่อด้วยน้ำเย็นเพื่อน็อคเอาหัวเชื้อออกมา นำไปผสมน้ำ 50 ซีซี./น้ำ 20 ลิตร โดยเฉพาะน้ำสำคัญ หากน้ำไม่ดีต้องใช้น้ำส้มสายชูละลาย ถ้าเป็นน้ำประปาต้องปล่อยให้ตกตะกอน
การเลือกใช้วัตถุดิบแต่ละอย่างในการหมักและกลั่น คุณจรัลกล่าวว่า เพื่อให้มันทำหน้าที่แต่ละอย่างที่แตกต่างกัน เช่น กล้วยอ่อน กับว่านน้ำกันรา สารฝาดและเผ็ดไล่แมลง
ตัวที่ 3 ได้แก่ “ ฮอร์โมนปลา ” ซึ่งผลิตตั้งแต่ปี 53 ที่ใช้เป็นตัวหลักในการทำมะม่วงชีวภาพที่อุดมไปด้วยธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืช ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี ทำให้มะม่วงมีทั้งส่วนที่แทงช่อดอก แตกใบอ่อน เป็นใบเพสลาด เป็นใบแก่ เป็นช่อดอก เป็นผลอ่อน เป็นผลดิบ และผลผลิตที่ห่อเพื่อรอเก็บเกี่ยวผลผลิตภายในต้นเดียวกันทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
ผลผลิตคุณภาพ ปลูกมะม่วง ปลอดสารเคมี
โดยคุณจรัลได้ใช้ทั้ง 3 สูตร ในสวน 7 ไร่กว่า ปรากฏว่า ดินดีขึ้น สังเกตได้จากเดือนเมษายนนี้ซึ่งเป็นเดือนที่ร้อนระอุในสวนเขียวขจี มีผักคลุมร่องสวน มีมะม่วงแต่ละต้นออกใบเพสลาดบนกิ่ง ออกช่อดอก บางกิ่งติดผล บางต้นกำลังสุก มีสัตว์หลายชนิดมาอยู่อาศัย
โดยเฉพาะนกหลายสายพันธุ์ เกิดระบบนิเวศที่มีความหลากหลายด้านชีวภาพมากขึ้น ที่สัมผัสได้ในวันไปเยี่ยมสวน เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมปี 2559 ที่ผ่านมา คือ จะเห็นว่าบรรยากาศเย็นกว่าหลายจังหวัด แสดงว่ามี “ความชื้น” พอสมควรขณะที่สวนมะม่วงเจ้าอื่นไม่ค่อยมีผลสุก แต่ที่นี่มีผลผลิตเก็บออกตลาดได้ตลอด
“ผมใช้สารชีวภาพ ใช้ฮอร์โมนปลาใส่เครื่องฉีดน้ำฉีดบนร่องมะม่วงก่อน ผ่านไปอีก 5 วันก็ฉีดอีก 7 วันฉีดพ่นอีกครั้ง และ 10 วันก็ฉีดพ่นอีกรอบแล้ว จากนั้นไม่นานต้นมะม่วงจะเริ่มสังเกตเห็นว่าที่ยอดมะม่วงถ้ามันเห็นเขี้ยวแทงเดือยไก่ก็ใส่เครื่องพ่นน้ำผสมฮอร์โมนปลาเพื่อฉีดพ่นทางใบอีกครั้งเพื่อให้มะม่วงมันแตกยอด ออกดอก ทำได้ทุกอย่างด้วยการใช้เครื่องรดน้ำตัวเดียว ใช้ฮอร์โมนตัวเดียว” คุณจรัลยืนยัน และยอมรับว่ามะม่วงของตนแต่ละต้นเวลานี้ออกหลายรุ่นในต้นเดียว
มะม่วงที่นี่ทั้งหมดอายุ 7 ปี แต่ต้นยังสมบูรณ์ ต้นไม่โทรมเพราะได้น้ำและอาหารที่ดี มีแสงแดดตลอดปี แต่ละสายพันธุ์จึงให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง และรสชาติเป็นไปตามพันธุกรรมจริงๆ เนื่องจากมันไม่ถูกสารเคมีหรือเชื้อโรคเหนี่ยวนำให้การแสดงจุดเด่นทางพันธุกรรมได้เต็มที่
อย่าง มะม่วงอกร่องกะทิ แม้แก่จัดก็ไม่เปรี้ยว ต้องซอยลูกออกตอนขนาด 2 – 3 นิ้ว
เพราะมันดกเป็นพวง มะม่วงอ่อน 8 – 12 บาท / กก. พอลูกใหญ่ขึ้นขนาด 4 นิ้ว ก็เก็บขาย กก.ละ 15 – 20 บาท
ส่วนที่เหลือก็ห่อรอเป็นผลสุก มะม่วงน้ำดอกไม้มัน เป็นมะม่วง 2 รส ดิบมัน สุกหวาน 100 ต้น
เฉลี่ยคราวละ 20 กก./ต้น/รอบ มะม่วงอกร่อง 50 กก./ต้น/รอบ มะม่วงปลาตะเพียน 50 กก./ต้น/รอบ มะม่วงเขียว 3 รส 100 กก./ต้น/รอบ
เวลานี้น้ำดอกไม้มันและเขียว 3 รส สุก 80 บาท/กก. ส่วนอกร่องและปลาตะเพียนสุก 60 บาท/กก. เป็นราคาหน้าสวนทั้งหมด
การห่อผลผลิตมะม่วง
การขายเป็นมะม่วงเปรี้ยวและมะม่วงมัน ไม่ต้องห่อ แต่ถ้าขายเป็นมะม่วงสุกต้องห่อ เพราะ กก.ละ 80 บาท นั้นคุ้มค่า และที่นี่จะห่อเอง หากจ้างคนห่อไม่รู้จริงเสียถุงห่อ ถุงละ 2 บาท
“ น้ำดอกไม้มัน ผมห่อทุกผล ลูกใหญ่ น้ำหนักดี ปลอดสาร ผิวสวย สวนอื่นไม่เหมือนของผมตูดเหลืองมีมั๊ย บางคนซื้อทีละ 70-80 กก. ” คุณจรัล พูดถึงน้ำดอกไม้มันสุกด้วยความภูมิใจ
ในฐานะที่คุณจรัลเป็นแกนนำเกษตรชีวภาพ ทำให้สมาชิกกลุ่มวันนี้เริ่มทำตาม โดยเฉพาะพี่ชายคุณจรัลได้หันมาทำมะม่วงชีวภาพ 15 ไร่ โดยมีคุณจรัลเป็นที่ปรึกษา
จึงไม่ต้องแปลกใจที่คุณจรัลให้ลูกๆ เรียนเกษตรเพื่อมาช่วยขยายผลนั่นเอง
“ การทำสวนไม่จบนะ ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ อย่างเวลานี้ใบมะม่วงของผมไม่แห้ง คนอื่นแห้ง ใบเพสลาดของเราไม่มี แมลงมากิน เพราะมีระบบนิเวศที่ดี ที่ต้นจะมีมดส้มมากินเพลี้ย มีนกกางเขนมากินแมลง” คุณจรัลย้ำถึงข้อดีของระบบนิเวศที่เกิดจากการทำเกษตรแบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ผลผลิตที่ได้เป็นชีวภาพ 100% รสชาติดี ติดปาก ถูกใจลูกค้าขาประจำมาก จนต้องเก็บทำผลผลิตให้ออกได้ทุกสัปดาห์ ขายได้ทุกเดือนก็เพราะยังมีลูกค้าบางกลุ่มที่ติดใจสวนเราและรอกินผลผลิตสวนเราอยู่ เราต้องทำเพื่อลูกค้า ไม่อยากให้เขาผิดหวัง ที่สำคัญราคาผลผลิตก็ดี
แต่ทุกอย่างเน้นการทำเกษตรแบบพอเพียง อยู่ได้ ไม่ลำบาก ไม่หวงวิชา ยินดีให้ข้อมูลกับทุกคน ไม่หวงสูตรเพราะอยากให้ชาวสวนทุกคนมีการผลิตที่ดี เพื่อผลผลิตที่ดี กระจายความรู้ให้ได้มากที่สุด ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่มคุณภาพผลผลิต ให้ชาวสวนมะม่วงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ปลูกมะม่วง เพื่อผลผลิตเตรียมส่งลูกค้า
นอกจากนี้คุณจรัลและคุณสุดปลายยังได้ขยายพื้นที่ ปลูกมะม่วง น้ำดอกไม้มันในพื้นที่ของญาติ ที่ จ.นครปฐมอีกจำนวน 15 ไร่ เป็นระบบร่องเดี่ยว อายุ 5 ปี เก็บผลผลิตได้ทั้งหมด การดูแลจะเน้นการดูแลร่วมกันทั้งให้น้ำและใส่ปุ๋ย ให้ฮอร์โมนเช่นเดียวกับสวนมะม่วงแห่งนี้
รวมไปถึงมีการห่อผลผลิตด้วยตนเอง เก็บผลผลิตด้วยตนเองเพื่อเน้นเก็บผลผลิตให้มีคุณภาพมากที่สุดด้วยการทำสัญลักษณ์ในการห่อแต่ละรอบ แต่ละรุ่น แต่ละครั้งเอาไว้ที่ถุงห่อเพื่อเตือนความจำ มีการตัดยอดมะม่วงทุกปีเพื่อลดความสูงและให้ง่ายต่อการห่อและเก็บเกี่ยวผลผลิต
ซึ่งการห่อผลผลิตจะทำได้เพียงบางส่วนเท่านั้นเพราะมีข้อจำกัดด้านแรงงาน อีกทั้งแรงงานฝีมือหายาก ค่าแรงเพิ่มขึ้น แต่ผลผลิตที่ห่อนั้นจะขายได้ราคาดีกว่าผลผลิตที่ไม่ห่อแบบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว
ที่่สำคัญมะม่วงน้ำดอกไม้มันเริ่มเป็นที่รู้จักและติดตลาดมานานร่วม 2 ปีแล้ว ผลผลิตกินได้ทั้งดิบและสุก ขายได้ราคา ตลาดต้องการ ผลผลิตน้ำหนักดี หรือมีน้ำหนักตั้งแต่ 7 ขีด/ผลขึ้นไป
สนใจติดต่อเยี่ยมสวนมะม่วงได้ที่คุณจรัลและคุณสุดปลาย อรุณคีรีวัฒน์
24/3 ม.3 ต.ดอนคา อ.บางแพ จ.ราชบุรี 70160 โทร. 086-0664399
ปลูกมะม่วง ปลูกมะม่วง ปลูกมะม่วง ปลูกมะม่วง ปลูกมะม่วง ปลูกมะม่วง ปลูกมะม่วง ปลูกมะม่วง