วิชาพันธุ์ไม้ เซียนสับปะรดสี เพื่อจัดสวน หรือแต่งบ้าน
การเห็นคุณค่าของต้นไม้
โลกสวยด้วย “ต้นไม้” กลายเป็นกระแสหลักของมนุษย์
นั่นหมายความว่า สภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้น และการดำเนินของมนุษย์ที่ยุ่งยาก อันเนื่องมาจากการแข่งขันกันสะสมโภคทรัพย์ ทำให้ต้องปรับ “สภาพแวดล้อม” ในการดำเนินชีวิต โดยเลียนแบบธรรมชาติ
ใช้ “ต้นไม้” มาประดับแตกแต่ง เพื่อปรับสภาวะจิตให้เยือกเย็น ลดความเครียดนั้น มันคือ การเห็นคุณค่าของ “ธรรมชาติ” ที่มีต้นไม้เป็นองค์ประกอบหลักนั่นเอง
จึงไม่ต้องแปลกใจ ประเทศที่พัฒนาแล้วถึงต้องสร้างภูมิทัศน์เลียนแบบธรรมชาติ ให้เกิดในเมืองใหญ่ๆ มากขึ้น
คุณวิชาและคุณวาสนา โกมลกิจเกษตร เจ้าของวิชาพันธุ์ไม้ และลูกสาว
ประเทศไทยเป็นเมืองเกษตร เห็นต้นไม้ตั้งแต่จำความได้ คนไทยจึงไม่ได้ใส่ใจเรียนรู้ “คุณค่า” ของต้นไม้แต่ละชนิด
คนที่เห็นและสัมผัสได้ หลายๆ คนก็ใช้เสน่ห์ของต้นไม้มาพัฒนาเป็นอาชีพ แล้วเกาะเกี่ยว ถ่ายเท ถ่ายทอด องค์ความรู้ต่างๆ เป็นห่วงโซ่ธุรกิจ เช่นเดียวกับ คุณวาสนา โกมลกิจเกษตร เจ้าของวิชาพันธุ์ไม้
วันนี้กำลังขับเคลื่อนการผลิต “สับปะรดสี” ไม้ประดับที่มีคุณค่าให้เป็นไม้เศรษฐกิจอินเตอร์ ขณะที่ไม้ตัวอื่นๆ ก็ทำเพื่อรักษาลูกค้า
การทุ่มสรรพกำลังในการพัฒนาสับปะรดสีของ คุณวิชา โกมลกิจเกษตร เพราะฟันธงว่ายังไงๆ ไม้ตัวนี้มีอนาคต
หลายทศวรรษที่คุณวิชา พัฒนาพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับหลายอย่างให้เป็นไม้ทำเงินอย่างยั่งยืน เช่น หมากเขียว หมากเหลือง ปาล์ม หน้าวัว กล้วยไม้ดิน หรืออโกลนีมา เป็นต้น
แต่ละอย่างมี “ข้อจำกัด” และ “จุดอ่อน” ทั้งในด้านการผลิต และการตลาด
โดยเฉพาะไม้ใหญ่ประเภทไม้ขุดล้อม มีต้นทุนการผลิต และการดำเนินงานสูง ได้กำไรไม่คุ้ม แม้ในด้านการตลาดก็มีปัญหา
ลูกค้าอย่างญี่ปุ่น เสนอให้ผลิตครั้งละมากๆ โดยอ้างว่าจะซื้อในราคาที่ตกลงกัน พอผลิตได้ปริมาณราคาร่วงลงมาก จึงช้อนซื้อโกยกำไรไปแบบเนื้อๆ
ข้อดีของสับปะรดสี
ไม้หลายชนิดที่ยกตัวอย่าง มีข้อจำกัดด้านอายุการใช้งาน และการดูแลรักษายาก ต่างจากสับปะรดสี ที่ใช้สารบังคับให้ออกดอก และขยายพันธุ์ด้วยหน่อได้ไว โดยใช้ฮอร์โมนเอทธิลีน ตัวเดียวก็ใช้ได้แล้ว
“สับปะรดสีบางชนิดจะค่อยๆ บาน 1 เดือน บางชนิด 5 เดือน และบางชนิด 8 เดือน บานนาน นำไปจัดสวนแล้วคุ้ม” คุณวาสนายืนยันถึงข้อดีของสับปะรดสี ต่างจากกุหลาบบานแป๊บเดียว หรือดาวเรือง อาทิตย์เดียวก็เริ่มเหี่ยวแห้งแล้ว
ในแง่การผลิตสับปะรดสี คุณวาสนาใช้วัสดุปลูกเป็น “มะพร้าวสับ” อย่างเดียว โดยนำไปผสมกับปุ๋ยละลายช้า ที่ต้องใช้มะพร้าวสับเพราะน้องชายและพี่เขยทำมะพร้าวสับขาย ถ้า 2 คน ทำให้ไม่ทันก็สั่งจากศรีราชา บรรทุก 10 ลัง ไม่หนักเหมือนวัสดุปลูกอย่างอื่น
นอกจากนี้มะพร้าวสับไม่เป็นที่สะสมของเชื้อโรค และเป็นวัสดุที่หาซื้อง่าย แต่ถ้าเป็นไม้ตัวอื่นคุณวาสนาจะใช้ ขี้เถ้าแกลบ ผสมเป็นวัสดุปลูก
โรงเรือนสับปะรดสี
ในส่วนของ “โรงเรือน” คุณวาสนากล้าลงทุน โดยใช้เสาเหล็ก และโครงสร้างเหล็กทั้งหมด ทนทาน แข็งแรง มั่นคง ต้านทานลมได้ดี เพราะที่ตั้งโรงเรือนอยู่บนเนิน เจอลมพัดแรง
แต่เรื่องนี้คุณวาสนาให้ความสำคัญมาก เพราะเคยเจอปัญหาภัยแล้งบ่อยๆ จึงต้องขุดสระน้ำถาวรไว้กักเก็บน้ำ
ดังนั้นที่ดินทั้งหมดนอกจากขุดสระ ทำโรงเรือนแล้ว ยังได้ปลูกพริก ขิง ข่า ตะไคร้ ไว้ ในสระก็มีปลา ทำให้ลูกน้อง 10 คน ไม่ต้องซื้อกับข้าว ทำอาหารกินเอง ประหยัดเงินไปในตัว
ในเรื่องการใช้ วัสดุพรางแสง ก็เป็นเรื่องสำคัญ พืชบางตัวใช้เพียง 50% บางพันธุ์ 70-80% สับปะรดสีมีหลายอย่าง
“ถ้าเป็นสับปะรดสีชนิดดอก ซาแรนต้อง 70-80% ไม้มีดอกทุกประเภทต้องสภาพนี้ แต่ถ้าแสง 50% ดอกจะซีด ไม่สวย ถ้าเป็นพวกเฟิร์น ซาแรนต้องหนา ถ้าเป็นสับปะรดสีชนิดใบ ซาแรนต้อง 50% ใบมันจะขึ้นสีสวย ถ้าเอามาไว้ในร่มใบจะเขียว และยาว ทรงไม้สวยหมดสภาพ” คุณวาสนายืนยันถึงความสำคัญของการใช้ซาแรนกันแดด
การปลูกสับปะรดสี และไม้อื่นๆ อีก 500 กว่าสายพันธุ์
แม้คุณวาสนาจะบุกหนักเรื่องสับปะรดสี แต่ก็ยังเลี้ยงไม้อื่นๆ ได้ 500 กว่าสายพันธุ์ เพราะเป็นไปได้ที่อาจจะมีการกลับมานิยมในไม้พันธุ์ต่างๆ จึงต้องทำดักไว้ แม้จะต้องแบก “ต้นทุน” ก็ต้องยอม
ไม้บางพันธุ์ที่ตลาดยังไม่เดิน เลี้ยงไว้เพียง 20-100 ต้น เป็นพ่อแม่พันธุ์ก็พอ ไม้บางชนิด อย่าง ลิ้นมังกร ใบเขียวด่างขาวทั้งใบ ต้องเลี้ยงแบบประคบประหงม เลี้ยงยาก ยกเว้นเซียนต้นไม้ที่เลี้ยงเป็นเท่านั้น
สำหรับการผลิตสับปะรดสีในเชิงธุรกิจ คุณวาสนามีความเห็นว่า ปลูกง่ายเหมือนสับปะรดกินลูก สับปะรดสีเป็นพืชทนแล้ง เพราะมันเกิดในประเทศแห้งแล้ง ปลูกกลางแดดมันยังเติบโต ใบของมันเหมือน “รางน้ำ” จะห่อแล้วพุ่งเข้าโคนต้น แค่น้ำค้างแรงๆ พอเกาะตัวปุ๊บมันก็จะไหลไปจนเป็น “หยดน้ำ” มีแค่ไม่หยด มันก็อยู่ได้แล้ว
แม้แต่เรื่องการปลูก โดยใช้ “หน่อ” ก็ทำได้ง่าย โดยการแยกออกมา แล้วคัดขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ปลูกเป็นแปลงแต่ละขนาด พอโตใกล้เคียงกัน เหมือนคัดไข่เบอร์ 1 เบอร์ 2 และเบอร์ 3
ข้อดีของหน่อสับปะรดสี ก็คือ ไม่เหี่ยว ไม่ทรุด แม้แต่ใบของมันเด็ดออกมา 10 วัน ยังไม่เหี่ยว
“สับปะรดนี่ถ้ายอดไม่ตายมันจะไม่ออกหน่อ ถ้าออกก็ออกยาก ถ้าเป็นหน่อเด็กต้องรีบแงะ เพราะมันจะมี 2-7 รุ่น ถ้าเราไม่แยกมันจะได้รุ่นเดียว รุ่นแรก 3 หน่อ” คุณวาสนาให้ความเห็น
เมื่อนำหน่อลูกปลูกในกระถาง 4 นิ้ว เพื่อรอขาย ถ้าขายไม่หมดก็ต้องตัดดอกทิ้ง แล้วเอาหน่อมาเป็นแม่พันธุ์ต่อไป แม่ใหม่ๆ ให้หน่อสวย
ในการทำสับปะรดสี คุณวาสนาทำ 2 อย่าง คือ “ไม้กอ” กับ “ไม้เดี่ยว” ซึ่งไม้กอ คือ ปลูกหลายๆ หน่อ ให้มันเป็นพุ่มในกระถางนั่นเอง
การออกดอกของสับปะรดสี
แล้วเลี้ยงยังไงให้มีดอกสมบูรณ์??
คุณวาสนาบอกว่า “ปล่อยให้ออกดอกตามธรรมชาติไม่ทัน อย่าง ดอกสีส้ม กูซมาเนีย อยากให้สวยปิ๊งก็หยอดสารเอทธิลีนไว้ 1 เดือน 2 เดือน ก็ออกดอกสวย และอยู่ได้นาน 4-5 เดือน”
เมื่อฉีดเอทธิลีนและปุ๋ยละลายช้าสูตร 3 เดือน ครั้งเดียว ออกดอกสวยได้อย่างยาวนาน
การเล่นสับปะรดสีนั้นมีความเสี่ยงน้อย เพราะเป็นไม้ที่สวยตลอด พอโตขึ้นก็แตกหน่อเป็น 3-4 ต้น
“ช่วงหลังมีงานพิธีต่างๆ จะชอบสับปะรดใบมาตกแต่งมากขึ้น ก็ทำให้สับปะรดสีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น”
สายพันธุ์สับปะรดสี
อย่างไรก็ดีการผสมพันธุ์สับปะรดสีให้ได้ไม้ใหม่ๆ คุณวิชาได้นำพันธุ์ต่างๆ จากต่างประเทศเข้ามาผสมเข้าคู่กัน บางพันธุ์ที่ผสมไม่ใช่แค่ความสวยงามอย่างเดียว ยังบริโภคผลผลิตได้ด้วย แถมยังใบไม่มีหนามอีกด้วย
การค้าขายก็พออยู่ได้ เนื่องจากว่าสับปะรดสีที่สวนแห่งนี้ มีทั้งกระถางขนาดเล็กและใหญ่ ด้วยความกะทัดรัด รูปทรงเหมาะเจาะ จึงทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากให้ความสนใจอยู่ อีกทั้งเลี้ยงดูง่าย มีลวดลายและสีต่างๆ ให้เลือก และมีสายพันธุ์ที่ค่อนข้างครบ
นี่คือ คุณวิชาเซียนสับปะรดสี ที่คนในวงการยอมรับ
ขอขอบคุณ
คุณวิชา โกมลกิจเกษตร
คุณวาสนา โกมลกิจเกษตร
46 ม.2 ต.หนองใหญ่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี
โทร. 08-1983-1415, 09-6946-4456