ส้มโอเป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว และปัจจุบันนี้มีอยู่สายพันธุ์หนึ่งที่มีความต้องการของตลาด ทั้งในประเทศและนอกประเทศเป็นอย่างมาก ก็คือ สายพันธุ์ทองดี และขาวน้ำผึ้ง ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ผลใหญ่ เมล็ดน้อย เป็นคุณสมบัติที่ดีของส้มโอสายพันธุ์นี้ เมื่อถามถึงส้มโอ ทุกคนบอกว่ารู้จักกันดี และปลูกมากที่จังหวัดนครปฐม ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ปลูกส้มโอทองดี
การปลูกและบำรุงดูแลต้นส้มโอ
คุณประสิทธิ์ เลิศสำราญ เป็นเกษตรกรผู้นำคนหนึ่งที่ปลูกส้มโอเพื่อการส่งออก เป็นสายพันธุ์ทองดี และคุณประสิทธิ์บอกว่าเริ่มทำสวนส้มโอมานานแล้วสมัยรุ่นพ่อ แม่ แต่ทำสวนส้มโออย่างจริงจังเมื่อปี 2515 บนพื้นที่ 5 ไร่ โดยปลูกแบบระบบยกร่อง ขนาดความกว้างของร่องประมาณ 6 เมตร ส่วนความยาวไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ และขยายพื้นที่ปลูกมาเรื่อยจนถึงปี 2520 ปลูกส้มโอจนครบ 20 ไร่เศษ เป็นสายพันธุ์ทองดี และขาวน้ำผึ้ง บางส่วน ตกประมาณ 1 ไร่ ประมาณ 35 ต้น
สมัยก่อนจนกระทั่งถึงทุกวัน คุณประสิทธิ์การันตีว่ากิ่งที่นำมาใช้การปลูกส้มโอนั้นจะต้องเป็นกิ่งตอนที่ให้ผลดีที่สุด นอกจากนี้คุณประสิทธิ์ยังเป็นที่ปรึกษาโครงการไทย-เยอรมัน (ด้านส้มโอ) เมื่อปี 2536-2537 ได้รับทุนส่งไปดูงานที่ประเทศออสเตรเลียประมาณ 15 วัน ได้ไปดูเกี่ยวกับการจัดการ, การวางระบบน้ำ, การตัดแต่งกิ่งทรงให้เตี้ย และนำความรู้ที่ได้นำมาดัดแปลงมาใช้ในสวนของเมืองไทยเพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการทำสวนส้มโอนั้น บวกกับความรู้ที่ได้จากการอ่านหนังสือ คุณประสิทธิ์บอกว่ากิ่งตอนเมื่อเรานำมาปลูกนั้นหากจะให้ต้นเจริญเติบโตสมบูรณ์ดีควรจะมีการเสริมราก เพื่อให้รากหาอาหารเก่งขึ้น หากมีการจัดการดีส้มโอสามารถมีอายุยืนถึง 25-30 ปี ตั้งแต่ปลูกจนกระทั่งเริ่มไว้ผล
หากเป็นสายพันธุ์ขาวน้ำผึ้งจะไว้ลูกได้เมื่อปลูกลงไปประมาณปีที่ 4 แต่ว่าเป็นสายพันธุ์ทองดี ตั้งแต่ปลูกจนไว้ผลได้ก็ประมาณปีที่ 6 หรือสายพันธุ์ขาวพวงก็ประมาณปีที่ 5 ถึงจะไว้ผล ทั้งนี้ทั้งนั้นการไว้ผลจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้น และการจัดการหลายอย่าง
บางครั้งต้นสมบูรณ์หรืองามเกินไปก็ไม่มีลูก เกิดจากต้นมีการสะสมไนโตรเจนมากเกินไป ทำให้ไม่ค่อยออกดอก ใบจะงามเป็นส่วนใหญ่ พื้นที่บางพื้นที่มีไนโตรเจนสูง ความชื้นสูง บริเวณตามเขา ตามป่า แต่ต้นอายุก็จะยืน ส้มโอชอบดินเหนียวมากกว่าดินร่วน
สภาพพื้นที่ ปลูกส้มโอทองดี
ในพื้นที่อำเภอสามพราน พื้นที่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นดินเหนียวจัด เนื่องจากว่ามีธาตุอาหารสมบูรณ์ดี เหมาะกับการทำสวนส้ม และให้รสชาติที่ดี เพราะว่าดินในแถบนี้เป็นดินตะกอนทะเล ทำให้อายุของต้นส้มยืนยาว หากเป็นดินร่วนปนทราย การเจริญเติบโตของต้นส้มโอจะสมบูรณ์ดี แต่จะเสียตรงรสชาติความหวานก็จะลดลงไปบ้าง สามารถแก้ไขได้โดยการใส่ปุ๋ยช่วยเพื่อเพิ่มความหวาน
ในการปลูกส้มโอสายพันธุ์ทองดี ในระยะเริ่มปลูกจนกระทั่งเริ่มไว้ลูกปีที่ 6 ทรงพุ่มประมาณ 2-3 เมตร สามารถไว้ผลได้ 20-30 ผล แต่หากเป็นสายพันธุ์ขาวน้ำผึ้งเมื่อเข้าปีที่ 4 การไว้ลูกก็ต้องดูตามความเหมาะสม เพราะว่าส้มโอสายพันธุ์ขาวน้ำผึ้งจะให้ลูกค่อนข้างใหญ่ ให้ลูกตลอดปี ให้ลูกดีกว่า และง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ส่วนสายพันธุ์ทองดี เมื่อปลูกแล้วย่างเข้าปีที่ 9-10 จะให้ผลผลิตมาก ผลสวย ลูกใหญ่ แต่ที่อำเภอสามพราน ต้นอายุ 15 ปี การให้ผลผลิตยังสวย และลูกใหญ่
ปัจจัยอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำสวนส้มโอก็คือ น้ำ น้ำที่ใช้ภายในสวนของคุณประสิทธิ์บอกว่าจะใช้แหล่งน้ำตามธรรมชาติ นอกจากน้ำจะทำให้ต้นส้มโอให้ผลผลิตออกมาผิวสวยแล้ว หากมีน้ำอย่างเพียงพอก็สามารถทำส้มโอออกนอกฤดูได้
การเก็บเกี่ยวผลผลิตส้มโอ
ส้มโอในฤดูที่สามารถเก็บผลผลิตสู่ตลาดได้ ตกต้นหนึ่งประมาณ 70-80 ลูก หลังจากนั้นก็ต้องมีการตัดแต่งกิ่งพร้อมกับใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 15-15-15, 16-16-16 ทิ้งไว้สักระยะหนึ่งต้นก็จะแตกใบอ่อนขึ้นมา ช่วงนี้จะมีหนอนชอนใบเริ่มมาทำลาย ก็จะละลายสารโพแทสเซียมกับฟอสฟอรัสในน้ำแล้วฉีดพ่นให้ทั่วทั้งทรงพุ่มเพื่อให้ใบแก่เร็วขึ้น เวลาแตกตาดอกก็จะสมบูรณ์
สมมติว่า รุ่นนี้เก็บเดือนตุลาคม ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ปลายกันยายนจะมีดอก ถ้าต้นที่มีลูกน้อยจะมีดอก ถ้าไว้มาก 2-3 รุ่น ต้นจะโทรม อย่างน้อยๆ รุ่นนี้จะไว้น้อยหน่อย เพื่อให้เป็นใบอ่อน แล้วนำไปทำส้มปี มันจะชน แต่ว่าเวลาที่แตกใบอ่อนในเดือนกันยายนก็จะมีดอก ซึ่งจะเก็บตอนตรุษจีน (ทะวาย) ประมาณ 4-5 เดือน ถ้าออกดอกปลายกันยายน จริงๆ แล้วต้องเก็บเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งจะไม่ค่อยได้ราคา
แต่ถ้าช่วงหน้าแล้งจะให้ส้มโอได้ผลดี ราคาดี คือ ช่วงที่ออกเดือนมิถุนายนเพื่อเก็บตรุษจีน ถ้าส้มโอออกดอกรุ่นกันยายน เก็บเดือนมีนาคม ใน 6 เดือน ก็จะคร่อมกันระหว่าง 2 เทศกาล ตั้งแต่ส้มโอออกดอกจนกระทั่งเก็บผลผลิต จะใช้ระยะเวลา 7-7 ½ เดือน ผลแก่เต็มที่
การให้ปุ๋ยและน้ำต้นส้มโอ
ในการทำส้มโอทะวายเพื่อจะขายให้ได้ราคาดี สิ่งหนึ่งที่ชาวสวนส้มโอต้องดูแลอย่างดีหลังจากเก็บเกี่ยวบางส่วน พร้อมที่จะเก็บผลผลิตในรุ่นที่เหลืออยู่ เช่น หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วจะต้องดูแลสภาพต้น หากต้นส้มโอใบเล็ก ไม่ค่อยแข็งแรง ควรจะใส่ปุ๋ยสูตร 20-20-0 เพื่อให้มีการแตกใบอ่อน สร้างใบใหม่ให้สมบูรณ์ จากนั้นก็ใส่ตัวกลาง-ท้ายสูง เพื่อเตรียมตัว
โดยขึ้นอยู่กับสภาพในแต่ละสวน บางสวนจะใช้สูตรเสมอ เช่น 16-16-16, 15-15-15 หากต้นแก่อายุมาก ถ้าใช้ตัวกลางและตัวท้ายสูงมากๆ จะมีปัญหาทำให้ต้นไม่แข็งแรง ใบเล็ก แต่ถ้ากรณีที่ต้นงามควรใช้ตัวกลางและตัวท้ายสูง จะทำให้การออกดอกจะดี การให้ผลผลิตก็จะดี หากช่วงที่ต้นส้มโอใบแก่เต็มที่ พร้อมที่จะแตกตาดอกแล้วเกิดได้รับน้ำมาก เกิดมีการสะสมพวกไนโตรเจนมากเกินไป ก็จะไม่ออกดอก แต่จะแตกใบอ่อนแทน
ฉะนั้นก่อนที่จะกักน้ำ 20 วัน จะให้ปุ๋ยสูตรตัวกลางสูง เช่น 8-24-24 เพื่อให้บำรุงต้น พอเริ่มให้น้ำ 1-2 วัน ก็จะให้ปุ๋ยสูตรเสมอ แต่ถ้าใส่ตัวกลางท้ายมากไป การแตกใบจะไม่ดี และปุ๋ยจะใส่อีกทีในช่วงที่ลูกขนาดเท่ากับส้มเขียวหวาน ใส่ในช่วงเดือนมีนาคม จะใส่สูตรเสมอ บางสวนอาจจะใช้สูตร 20-20-0 ขึ้นอยู่กับสภาพต้น
ตั้งแต่แตกดอกจนผลขนาดผลมะนาว ใช้ระยะเวลา 1-2 เดือน หลังจากนั้นก็จะใส่ปุ๋ยทุๆ 45 วัน และก่อนเก็บจะไม่มีการใส่ปุ๋ยเร่งความหวาน เนื่องจากว่าดินบริเวณนี้สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว ข้อเสียของปุ๋ยเร่งความหวาน คุณประสิทธิ์บอกว่าหากใส่ในปริมาณมาก กิ่งก็จะแห้งมาก เพราะว่าสภาพดินในอำเภอสามพรานมีไนโตรเจนน้อย หากใส่ปุ๋ยเร่งความหวานสภาพดินมันจะแห้งมาก
การป้องกันและกำจัด โรค แมลง ศัตรูพืช ของต้นส้มโอ
นอกจากนี้ปัญหาหลักตัวหนึ่งของการทำส้มโอนอกฤดูก็คือ แมลง-โรค ซึ่งมาดูถึงแมลงจะพบทุกช่วงของการปลูก ไม่ว่าจะเป็นช่วงตั้งแต่แตกใบอ่อนก็จะเจอพวกหนอนชอนใบ ระยะเป็นตุ่มดอกจนถึงให้ผลก็จะเจอพวกเพลี้ยไฟ ไรแดง ฉะนั้นในช่วงทุกช่วงของการปลูกส้มโอจะเจอมากที่สุด และระวังให้ดีก็คือ ตัวเพลี้ยไฟ ไรแดง จะเป็นมากในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน หากช่วงนี้ผลส้มโอโดนทำลายบริเวณผิวผล ราคาผลผลิตก็จะตกต่ำ ไม่สามารถส่งออกได้
แต่เมื่อมาดูในส่วนของเรื่องโรคที่สำคัญสำหรับชาวสวนส้มโอก็คือ โรคทริสเตซ่า เป็นโรคที่อยู่มาตั้งแต่กำเนิด หากต้นสมบูรณ์ แข็งแรงดี โรคนี้ก็จะไม่เกิด แต่ถ้าไว้ลูกมากๆ ระบบน้ำมีปัญหา ระบบรากมีปัญหา รวมไปถึงการจัดการภายในสวนไม่ดีด้วยแล้ว ต้นก็จะทรุดโทรม ซึ่งต่างกับต้นที่อยู่ในสภาพดี การให้น้ำสม่ำเสมอ ให้ปุ๋ยพอสมควร สภาพของต้นส้มโอก็จะอยู่ได้นาน
คุณประสิทธิ์ให้ข้อคิดไว้ว่าดินที่เหมาะแก่การทำสวนส้มโอนั้นควรเป็นดินเหนียวที่มีทรายปนอยู่เล็กน้อย เช่น ในเขตรังสิต, นครปฐม, ชุมพร หากเป็นดินร่วนปนทราย รสชาติจะเปรี้ยว จะฝ้า อย่างเช่น อ.เชียงขอม ของประเทศลาว ตลาดส้มโอ คือ ฮ่องกง เป็นส่วนใหญ่
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายผลผลิตส้มโอ
ปัจจุบันตลาดที่รับซื้อส้มโอส่วนใหญ่จะเป็นประเทศฮ่องกง แคนาดา แต่ส้มโอสายพันธุ์ทองดีส่วนใหญ่แล้วคนทางฮ่องกงชอบกินมาเป็นอับหนึ่ง รองลงมาก็เป็นพันธุ์ขาวพวง หากเป็นทางแถบยุโรปก็จะเป็นขาวแป้น และขาวน้ำผึ้ง บ้างบางส่วน ตลาดทางฮ่องกง ปี 62 นี้ รับซื้อตกลงมาจากปีที่แล้วนิดหนึ่ง
ในผลขนาดเบอร์ 1 ขนาดเส้นรอบวง 17” ขึ้นไป รับซื้อผลละ 35-37 บาท เบอร์ 2 อยู่ที่ผลละ 18-20 บาท และเบอร์ 3 ตกผลละ 12 บาท โดยคุณประสิทธิ์บอกว่าตลาดต่างประเทศไม่ได้ส่งเอง แต่จะส่งต่อให้กับ บ.ฟ้าเจริญพร อินเตอร์ จำกัด เป็นผู้จัดส่งต่อตลาดต่างประเทศ ภายในรอบ 1 ปี สามารถส่งได้ 3-4 ครั้ง จะส่งในช่วงเดือนมกราคม, พฤษภาคม, สิงหาคม และกันยายน
สำหรับผลผลิตที่ปลูกออกมาจากสวนของคุณประสิทธิ์มีไม่มาก ส่วนใหญ่จะรับซื้อจากสมาชิกภายในชมรม และจากชาวสวนส้มรังสิต โดยให้ราคาตามเบอร์ 1, 2, 3 ปีที่ผ่านมา คือ 2561 ส่งออกให้กับบริษัทประมาณ 400,000 ลูก
สำหรับเกษตรกรรายใหม่ที่คิดจะมาทำสวนส้มโอ คุณประสิทธิ์ให้ความคิดเห็นไว้ว่าผู้ปลูกจะต้องรู้ถึงสภาพของพื้นที่ หลังจากนั้นก็มาดูถึงกิ่งพันธุ์ที่ดี เมื่อปลูกไปแล้วตลาดที่มารับจะมีมากพอหรือไม่ สำหรับตลาดส้มโอต่างประเทศนั้นอีก 10-20 ปีข้างหน้ายังไม่ตัน
เนื่องจากว่าส้มโอเมื่อปลูกไปแล้วจะเริ่มให้ผลครั้งแรกก็นานประมาณเข้าปี 6-7 แต่จะคืนทุนไว้ประมาณ 3-4 ปี หลังจากให้ผลผลิตแล้ว หากเกษตรกรมีพื้นที่อยู่แล้ว ต้นทุนในการทำสวนส้มโอในสภาพพื้นที่ดอน ไม่ต้องใช้ทุนสูง ต่างกับการปลูกส้มโอแบบยกร่อง ตั้งแต่ขุดร่องจนกว่าส้มโอจะให้ผลผลิต ต้นทุนตกไร่ละ 70,000-80,000 บาท แต่เมื่อมามองถึงตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ อีก 15 ปี ก็ยังไปได้สวย
ขอขอบคุณ คุณประสิทธิ์ เลิศสำราญ 7/2 หมู่ 4 ต.ทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม เบอร์โทร.034-323-986, 08-1827-6625
อ้างอิง นิตยสารพลังเกษตร และ เมืองไม้ผล ปลูกส้มโอทองดี ปลูกส้มโอทองดี ปลูกส้มโอทองดี