ยุคที่ สวนส้ม เช่น “ส้มเขียวหวาน” รุ่ง ได้สร้างชาวสวนหลายคนเป็นเศรษฐีภูธรกระจายอยู่ในรังสิต กำแพงเพชร และอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ แม้ใน 3 จังหวัดชายแดน ก็มีเศรษฐีส้มเขียวหวาน หรือส้มโชกุน นั่นเอง
แต่เพราะ “โรคกรีนนิ่ง” กลายเป็นมหันตภัยที่ไม่มีอะไรหยุดมันอยู่ได้ ทำให้เศรษฐีสวนส้มคงเหลือแต่ชื่อ คนที่ยังอยู่ได้ คือ คนมีฝีมือขั้นเทพจริงๆ เป็นสวนขนาดใหญ่ที่เก่งในการบริหารต้นทุนให้สัมพันธ์กับตลาด และเข้าใจวงจรของโรคกรีนนิ่งได้ดี วันนี้มีให้เห็นในอำเภอฝางมากกว่าที่อื่น
การเปิดล้งส้ม และ จุดเริ่มต้นของการทำ สวนส้ม
เจ๊หุย หรือ คุณศรินรัตน์ ศิริปุญญพัฒน์ อดีต คือ แม่ค้าผลไม้ ตั้งแต่อายุ 18 ปี ค้าผลไม้ตามฤดูกาล พออำเภอฝางเป็นแหล่งผลิตส้มขนาดใหญ่ ก็หันมาเปิด “ล้งส้ม” ขายส่งเป็นหลัก แน่นอนยุคที่ส้มบูมสุดๆ ล้งส้มในฝางต้องลงทุนโรงแว๊กไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เจ๊หุยก็ต้องลงทุนเช่นกัน
ซึ่งเหตุผลการเคลือบผิวส้มหรือแว๊กก็เพื่อมิให้ส้มเหี่ยว เก็บไว้ขายได้นานๆ แต่ช่วงหลังผู้บริโภคเริ่มรู้ว่าส้มแว๊กต้องผ่านความร้อนถึง 2 ครั้ง ทำให้ส้มบูดเร็ว มีกลิ่นเหม็น อันเกิดจากแก๊สนั่นเอง จึงหันมาบริโภคส้มที่ไม่แว๊ก โดยเฉพาะผู้บริโภคเกรดบนนิยมส้มไม่แว๊ก แม้เปลือกจะเหี่ยวก็ไม่เป็นไร
แต่ผู้บริโภคเกรดล่างยังกินส้มแว๊กเป็นหลัก ซึ่งเรื่องนี้เจ๊หุยเห็นว่าไม่แว๊กดีกว่า ขั้นตอนการทำส้มก็ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ไม่ต้องผ่านกระบวนการที่มากมาย หรือไม่กลิ้งหลายตลบนั่นเอง ส้มไม่แว๊กถ้ายังขายไม่หมดก็เก็บไว้ในห้องเย็น เสียค่าเก็บเพียง กก.ละ 50 สตางค์ เท่านั้น
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ล้งเจ๊หุยมีลูกค้ามาแว๊กน้อยลง แม้แต่ลูกไร่ 10 กว่าราย ที่ทำส้มมาส่งเจ๊หุยส่วนใหญ่ก็ไม่ได้แว๊กส้ม ดังนั้นโรงแว๊กทั้งหลายที่ยังไม่คืนทุนก็จะต้องหารายได้อย่างอื่นมาชดเชย
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายผลผลิตส้ม
ในการปลูกส้มสายน้ำผึ้ง (ส้มเขียวหวาน หรือส้มเปลือกล่อน) ของชาวสวนส้มฝางนั้น จะมีผลผลิต 7 ขนาด (เบอร์) ได้แก่ เบอร์ 1-2-3-4-5-6-7 เบอร์ 1 และ 2 รวมกัน เรียกว่า ส้มพรีเมียมเกรดล้งเจ๊หุย ซื้อจากลูกไร่เป็นเบอร์ และคละไซซ์ หรือซื้อรวมมาแยกไซซ์ ในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ปริมาณผลผลิตที่เข้ามาวันละ 1,000 กว่าตะกร้า หลังจากคัดส้มไม่ได้คุณภาพทิ้ง และคัดไซซ์ส้มคุณภาพเรียบร้อย แล้วติดสติ๊กเกอร์ก็ส่งเข้าแผงที่ตลาดไท จากนั้นก็กระจายไปสู่ตลาดอื่นๆ
เมื่อถามถึง “ราคา” ส้มวันนี้กับอดีต เจ๊หุยกล่าวว่า แต่ก่อนสวยๆ จากสวน กก.ละ 12 บาท ตอนนี้คละไซซ์จากสวน กก.ละ 30-43 บาท ชาวสวนคนไหนขายได้ 43 บาท ถือว่าแจ๊คพอต
ส่วนต่างของต้นทุนและการจัดการตั้งแต่ซื้อส้มจนกระทั่งถึงแผงตลาดไท เจ๊หุยจะบอกไว้เพียง 2-3 บาท/กก.
ในกระบวนการผลิตและขายส้มไปสู่ผู้บริโภค เจ๊หุยฟันธงว่าอำนาจอยู่ที่ชาวสวน ไม่ใช่พ่อค้าคนกลาง อย่างในอดีต พูดทางภาษาเศรษฐศาสตร์ ก็คือ วันนี้ตลาดส้มเป็นของผู้ผลิต (ชาวสวน) ที่กำหนดราคาหน้าสวนได้เอง เนื่องจากปริมาณส้มลดลงมาก เมื่อเทียบกับอดีต ที่สำคัญวันนี้ที่ฝางมีชาวสวนส้มขนาดใหญ่ที่มีอำนาจต่อรองสูงขึ้นนั่นเอง
การปลูกและบำรุงดูแลต้นส้ม
จากสภาวะดังกล่าวส่งผลให้เจ๊หุยต้องหันมาทำสวนควบคู่กับการซื้อขายส้ม เป็นการลดความเสี่ยงในอาชีพได้ระดับหนึ่ง “ชาวสวนยุคนี้ไม่ธรรมดา ขายกันทีเป็นร้อยล้านบาท/ปี ซื้อที่แปลงหนึ่ง 21 ล้าน หน้าตาเฉย ที่ลำบาก คือ ล้งแต่ก่อน 70-80 ล้ง เดี๋ยวนี้เหลือ 20 ล้ง” เจ๊หุยยืนยันถึงบทบาทล้งที่ลดลง จนทำให้เธอต้องหันไปลงทุนทำ สวนส้ม 200 ไร่
การลงทุนทำ สวนส้ม ก็เพื่อทำส้มให้ได้คุณภาพ ไม่ต้องเสี่ยงกับการซื้อส้มคละจากชาวสวนบางคนที่ไร้จรรยาบรรณ ที่มุ่งขายส้มเพลีย หรือส้มป่วย (ส้มที่เกิดจากกิ่งแก่ กิ่งเก่า) ดังนั้นการปลูกเองก็เพื่อจะได้ส้มที่ออกจากกิ่งที่แข็งแรง ใบสด หรือจากต้นส้มที่สมบูรณ์จริงๆ
เนื่องจากพื้นที่ 200 ไร่ เป็นเนินเขาสลับกับพื้นที่ราบ สภาพดินดี ปลูกส้ม สายพันธุ์ที่ปลูกเยอะสุด คือ สายน้ำผึ้ง แบ่งเป็น 7 แปลง เพื่อสะดวกในการบริหารจัดการ ในสภาพที่ลาดชันได้ปลูกแบบ 4×4 เมตร หรือ 5×4 เมตร แล้วแต่บางช่วง หรือบางที่เนิน แม้ส้มบางแปลงอายุ 10-12 ปี ก็ยังให้ผลผลิตที่ดี แต่บางแปลงอายุน้อยกว่านี้ยังให้ผลผลิตไม่เต็มที่
การป้องกันและกำจัดโรค แมลง และศัตรูพืช
อย่างไรก็ดีวันนี้เจ๊หุยเป็นชาวสวนส้มเต็มตัว ได้คลุกคลีกับการดูแล สวนส้ม เพราะจำนวนต้นส้มกว่าหมื่นต้นนั้นต้องให้น้ำและอาหารแก่มันอย่างทั่วถึง เพื่อให้มันสมบูรณ์ แข็งแรง ออกดอก ติดผลที่ดี จึงต้องฉีดยาป้องกันเพลี้ยไฟ ไรแดง ไรสนิม
โดยเฉพาะช่วงที่ส้มออกดอกและติดลูกเล็กๆ ต้องให้คนงานดูแลเป็นพิเศษ เพราะถ้าเจอโรคและแมลงทำลายย่อมเกิดการขาดทุนแน่นอน ยาที่ไล่แมลงได้ดี คือ “ใบยาสูบ” เพราะมีความฉุน แมลงไม่ชอบ ช่วงที่แดดจัด ร้อนจัด หนอนจะอาละวาดมาก ดังนั้นต้องทำให้สวนไม่รก ทำทรงพุ่มส้มให้โปร่ง ไม่เป็นที่อาศัยของหนอน ทำดินให้สะอาด พ่นยาทางใบอย่างสม่ำเสมอ ต้องให้อาหารทางดิน และอาหารเสริมทางใบ
การเก็บเกี่ยวผลผลิตส้ม
สำหรับปีนี้ สวนส้ม เจ๊หุยจะออก 4 รุ่น แต่ผลผลิตไม่เยอะ ต้นละไม่เกิน 50 กก. แต่จะมีไซซ์ใหญ่เบอร์ 5 มากที่สุด และผิวจะมีสีเหลืองสวย เพราะเจ๊หุยใช้ “ไมโอนิน” ฉีดพ่น ทำให้มีสีผิวสวยงาม พร้อมรสชาติที่ดี ขายได้ราคา
สนใจเยี่ยมชมสวนเจ๊หุยติดต่อได้ที่ 139/1-8 หมู่ 4 ต.แม่ข่า อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ 50320 โทร.08-8268-7969